รุ่ยอ๋องกลัวอวิ๋นหลิงเข้าใจผิด เล่ารายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง
ปีนั้นเฟิงหยางอายุแค่สิบสามปี
น้องชายของเขามักจะไม่ชอบอยู่กับผู้อื่น ไม่ค่อยมีเพื่อนพ้อง ไม่เคยไปมาหาสู่กับคุณชายในเมืองหลวง
หลังงานเลี้ยงชมบุปผา เสี่ยวเฟิงซื่อจัดงานล่าสัตว์อีกครั้ง เป็นครั้งแรกที่เฟิงหยางบอกอยากเข้าร่วมด้วย
ตอนนั้นเสี่ยวเฟิงซื่อไม่ค่อยยินดีปรีดานัก เพราะนางจัดงานล่าสัตว์เพื่อให้บุตรชายสานสัมพันธ์กับผู้อื่น กลัวเฟิงหยางจะทำเสียงาน
ทว่ารุ่ยอ๋องคิดว่าแม้ปกติจะไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์ แต่เฟิงหยางเป็นน้องชายเขา ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ให้เข้าร่วมงาน
ฉะนั้นเขาจึงตัดสินใจพาเฟิงหยางไปด้วยกัน
ทว่าไหนเลยจะคิดว่าน้องชายที่ดูเป็นคนขี้อาย พูดน้อย เมื่อไปถึงป่าก็ท้าทายยินถัง
ในเมื่อเป็นการเที่ยวล่าสัตว์ ทั้งสองจึงแข่งกันล่าสัตว์
ตอนนั้นยินถังเริ่มมีชื่อเสียงในเมืองหลวงแล้ว เขาอยู่ในสำนักศึกษา ไม่เพียงแต่ช่ำชองด้านการดีดฉิน วาดภาพเท่านั้น การขี่ม้า ยิงธนูก็ใช่ย่อย เป็นศิษย์รักของผู้ใหญ่และอาจารย์
แต่เขากลับล่าสัตว์ไม่ได้สักตัว แม้แต่กระต่ายป่าก็ไม่ได้
ถูกต้อง ไม่ได้สักตัว
เพราะเฟิงหยางนั่งม้าออกไปพร้อมกับยินถัง เวลาที่ยินถังคิดจะยิงสัตว์ตัวไหน เฟิงหยางก็จะล่าสัตว์ตัวนั้น
ฝีมือยังไม่ถึงขั้นยิงร้อยครั้งแม่นร้อยครั้ง แต่อย่างน้อยเวลายิงสิบครั้งก็จะมีเก้าครั้งที่โดนเป้า
เรื่องราวประหนึ่งโฮ่วอี้กลับชาติมาเกิดนี้ อย่าว่าแต่ยินถัง กระทั่งทหารที่อยู่ในสนามรบมานาน ยังยิงไม่แน่นเท่านี้เลย
แค่คิดก็รู้แล้วว่ายินถังแพ้อนาถแค่ไหน เขาต้องขายหน้าต่อหน้าคุณชายคุณหนูตั้งมากมาย ใบหน้าพลันซีดเขียว
เขารู้สึกอับอายขายหน้า ไม่นานก็อ้างว่าไม่สบาย กลับไปก่อน
รุ่ยอ๋องค่อย ๆ เล่าเรื่องในอดีต ถอนหายใจว่า “ตอนนั้นข้าก็ตะลึงมาก ไยน้องชายที่ไม่สะดุดตาผู้นี้จะเก่งได้เพียงนี้”
“แต่มาเขาบอกข้าว่าเขาฝึกยิงธนูมาสามปีแล้ว เพราะปกติไม่ค่อยมีเพื่อน และไม่ไปเรียนที่สำนักศึกษา จึงฝึกยิงธนูในลานบ้าน และฝึกการใช้แส้ตั้งแต่เช้าตรู่จนพระอาทิตย์ตกดิน ทำแบบนี้ซ้ำ ๆ สามปีเต็ม”
“ข้าฟังแล้วรู้สึกนับถือ ความขยันความตั้งใจนี้ทำให้ข้าละอายใจยิ่งนัก”
รุ่ยอ๋องไม่เคยบอกใครมาก่อนว่าความจริงแล้วเขารู้สึกนับถือเฟิงหยาง ญาติผู้น้องคนนี้มาก
เพิ่งสิบสามขวบก็เป็นบุรุษภูมิฐานแล้ว สุขุมเยือกเย็นกระทั่งฟ้าถล่มดินทลายก็ไม่เปลี่ยนสีหน้า เขารู้สึกอิจฉาและเลื่อมใสยิ่ง
อาจเป็นเพราะเฟิงหยางฝึกยิงธนูเป็นเวลานาน จึงทำให้เขาเป็นคนจดจ่อ สุขุม เพราะหากไม่มีสมาธิ อารมณ์หงุดหงิดก็จะไม่อาจยิงธนูได้แม่นยำ
ส่วนเขาช่ำชองการอ่านหนังสือ เรื่องขี่ม้าก็พอไปวัดไปวาได้ แต่เรื่องการยิงธนูนั้นเขาต้องขอยอมแพ้
ตอนเด็ก เสี่ยวเฟิงซือเคยให้หาทหารมาฝึกวรยุทธเขา อีกฝ่ายพูดไม่เข้าหูว่า เขาไม่มีสมาธิ เวลาดึงสายธนูจิตใจไม่อยู่กับร่องกับรอย ตื่นเต้น ยากจะรวบรวมสมาธิ
แล้วย้อนกลับไปดูเฟิงหยาง เขาเป็นคนหนักแน่น ไม่ว่าจะเวลาไหนก็ขจัดความคิดฟุ้งซ่านได้ ไม่ถูกสิ่งเร้ารบกวน
รุ่ยอ๋องดึงตัวเองกลับจากความทรงจำแล้วยิ้มให้อวิ๋นหลิงอย่างเก้อเขิน
“โทษที เล่าซะยาวเชียว สรุปก็คือเฟิงหยางพนันชนะแล้วก็ไปเอาต่างหูกระต่ายที่จวนยิน แต่ไม่คิดว่าเขาจะเอาต่างหูให้ข้า ฝากข้าเอาไปให้เจ้า”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......