เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1051

รุ่ยอ๋องกลัวอวิ๋นหลิงเข้าใจผิด เล่ารายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง

ปีนั้นเฟิงหยางอายุแค่สิบสามปี

น้องชายของเขามักจะไม่ชอบอยู่กับผู้อื่น ไม่ค่อยมีเพื่อนพ้อง ไม่เคยไปมาหาสู่กับคุณชายในเมืองหลวง

หลังงานเลี้ยงชมบุปผา เสี่ยวเฟิงซื่อจัดงานล่าสัตว์อีกครั้ง เป็นครั้งแรกที่เฟิงหยางบอกอยากเข้าร่วมด้วย

ตอนนั้นเสี่ยวเฟิงซื่อไม่ค่อยยินดีปรีดานัก เพราะนางจัดงานล่าสัตว์เพื่อให้บุตรชายสานสัมพันธ์กับผู้อื่น กลัวเฟิงหยางจะทำเสียงาน

ทว่ารุ่ยอ๋องคิดว่าแม้ปกติจะไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์ แต่เฟิงหยางเป็นน้องชายเขา ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ให้เข้าร่วมงาน

ฉะนั้นเขาจึงตัดสินใจพาเฟิงหยางไปด้วยกัน

ทว่าไหนเลยจะคิดว่าน้องชายที่ดูเป็นคนขี้อาย พูดน้อย เมื่อไปถึงป่าก็ท้าทายยินถัง

ในเมื่อเป็นการเที่ยวล่าสัตว์ ทั้งสองจึงแข่งกันล่าสัตว์

ตอนนั้นยินถังเริ่มมีชื่อเสียงในเมืองหลวงแล้ว เขาอยู่ในสำนักศึกษา ไม่เพียงแต่ช่ำชองด้านการดีดฉิน วาดภาพเท่านั้น การขี่ม้า ยิงธนูก็ใช่ย่อย เป็นศิษย์รักของผู้ใหญ่และอาจารย์

แต่เขากลับล่าสัตว์ไม่ได้สักตัว แม้แต่กระต่ายป่าก็ไม่ได้

ถูกต้อง ไม่ได้สักตัว

เพราะเฟิงหยางนั่งม้าออกไปพร้อมกับยินถัง เวลาที่ยินถังคิดจะยิงสัตว์ตัวไหน เฟิงหยางก็จะล่าสัตว์ตัวนั้น

ฝีมือยังไม่ถึงขั้นยิงร้อยครั้งแม่นร้อยครั้ง แต่อย่างน้อยเวลายิงสิบครั้งก็จะมีเก้าครั้งที่โดนเป้า

เรื่องราวประหนึ่งโฮ่วอี้กลับชาติมาเกิดนี้ อย่าว่าแต่ยินถัง กระทั่งทหารที่อยู่ในสนามรบมานาน ยังยิงไม่แน่นเท่านี้เลย

แค่คิดก็รู้แล้วว่ายินถังแพ้อนาถแค่ไหน เขาต้องขายหน้าต่อหน้าคุณชายคุณหนูตั้งมากมาย ใบหน้าพลันซีดเขียว

เขารู้สึกอับอายขายหน้า ไม่นานก็อ้างว่าไม่สบาย กลับไปก่อน

รุ่ยอ๋องค่อย ๆ เล่าเรื่องในอดีต ถอนหายใจว่า “ตอนนั้นข้าก็ตะลึงมาก ไยน้องชายที่ไม่สะดุดตาผู้นี้จะเก่งได้เพียงนี้”

“แต่มาเขาบอกข้าว่าเขาฝึกยิงธนูมาสามปีแล้ว เพราะปกติไม่ค่อยมีเพื่อน และไม่ไปเรียนที่สำนักศึกษา จึงฝึกยิงธนูในลานบ้าน และฝึกการใช้แส้ตั้งแต่เช้าตรู่จนพระอาทิตย์ตกดิน ทำแบบนี้ซ้ำ ๆ สามปีเต็ม”

“ข้าฟังแล้วรู้สึกนับถือ ความขยันความตั้งใจนี้ทำให้ข้าละอายใจยิ่งนัก”

รุ่ยอ๋องไม่เคยบอกใครมาก่อนว่าความจริงแล้วเขารู้สึกนับถือเฟิงหยาง ญาติผู้น้องคนนี้มาก

เพิ่งสิบสามขวบก็เป็นบุรุษภูมิฐานแล้ว สุขุมเยือกเย็นกระทั่งฟ้าถล่มดินทลายก็ไม่เปลี่ยนสีหน้า เขารู้สึกอิจฉาและเลื่อมใสยิ่ง

อาจเป็นเพราะเฟิงหยางฝึกยิงธนูเป็นเวลานาน จึงทำให้เขาเป็นคนจดจ่อ สุขุม เพราะหากไม่มีสมาธิ อารมณ์หงุดหงิดก็จะไม่อาจยิงธนูได้แม่นยำ

ส่วนเขาช่ำชองการอ่านหนังสือ เรื่องขี่ม้าก็พอไปวัดไปวาได้ แต่เรื่องการยิงธนูนั้นเขาต้องขอยอมแพ้

ตอนเด็ก เสี่ยวเฟิงซือเคยให้หาทหารมาฝึกวรยุทธเขา อีกฝ่ายพูดไม่เข้าหูว่า เขาไม่มีสมาธิ เวลาดึงสายธนูจิตใจไม่อยู่กับร่องกับรอย ตื่นเต้น ยากจะรวบรวมสมาธิ

แล้วย้อนกลับไปดูเฟิงหยาง เขาเป็นคนหนักแน่น ไม่ว่าจะเวลาไหนก็ขจัดความคิดฟุ้งซ่านได้ ไม่ถูกสิ่งเร้ารบกวน

รุ่ยอ๋องดึงตัวเองกลับจากความทรงจำแล้วยิ้มให้อวิ๋นหลิงอย่างเก้อเขิน

“โทษที เล่าซะยาวเชียว สรุปก็คือเฟิงหยางพนันชนะแล้วก็ไปเอาต่างหูกระต่ายที่จวนยิน แต่ไม่คิดว่าเขาจะเอาต่างหูให้ข้า ฝากข้าเอาไปให้เจ้า”

ราคาของเราเพียงแค่ 1/4 ของผู้ให้บริการรายอื่น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ