เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1061

“อุบาสิกาฮู่ซีอยากพบข้า?”

อวิ๋นหลิงจำได้ อุบาสิกาท่านนี้เป็นน้องสาวของนางจวง น้าสาวของเฟิงหยาง

นางรับเทียบเชิญมาดูปราดหนึ่ง ผู้เชิญเป็นชื่อนางจวงเล็ก แสดงว่าการเชิญครั้งนี้เป็นความประสงค์ของอีกฝ่าย หาใช่เฟิงหยางไม่

อาจเป็นเพราะต้องการขอบคุณนางด้วยเรื่องก่อน แต่เชิญนางไปหาเช่นนี้ คงมีเรื่องคุยด้วยกระมัง

การ์ดเชิญระบุวันเวลาอย่างชัดเจน คือวันมะรืนตอนบ่าย

เพราะอย่างไรเสียก็ว่างอยู่แล้ว อวิ๋นหลิงจึงไปจวนราชบัณฑิตตัวคนเดียว

ช่วงนี้ฝนตกไม่หยุด โชคดีที่ไม่มีหิมะตกร่วมด้วยแล้ว พื้นหินเปียกชื้น แต่กลับไม่มีดินโคลน

ตอนนางไปถึงจวนจวง เฟิงหยางออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง จากนั้นก็พาไปยังเรือนรับแขก。

เมื่อไปใกล้ห้องโถงด้านหน้าอวิ๋นหลิงก็ได้กลิ่นหอมของดอกชา

เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นหญิงวัยกลางคนกำลังต้มน้ำชาด้านหลังดงไผ่ เพียงมองด้านข้างก็ชวนให้รู้สึกว่าสง่าผ่าเผยยิ่ง

“ท่านน้า พระชายามาถึงแล้วขอรับ”

นางจวงน้อยได้ยินก็ลุกขึ้นคำนับอย่างไม่รีบไม่ช้า “หม่อมฉันคารวะพระชายา ขอพระชายาทรงพระเจริญ หม่อมฉันรู้สึกเป็นเกียรติยิ่งที่พระองค์ยอมเสด็จมา”

นางสวมกระโปรงสีฟ้าผ้าธรรมดา ใบหน้าไม่มีเครื่องประทิน เพราะยังไม่แต่งงาน ทรงผมยังเป็นการจับทรงแบบดรุณีน้อย หน้าดูอ่อนกว่าวัยยิ่ง

อวิ๋นหลิงแย้มยิ้ม พยุงอีกฝ่ายแล้วเอ่ย “ไม่ต้องเกรงใจ ไม่รู้ว่ามีธุระอะไรกับข้า?”

“หม่อมฉันได้ยินหยางเอ๋อร์พูดบ่อยว่าพระชายาไม่มากพิธี เช่นนั้นหม่อมฉันก็จะไม่พิธีรีตองแล้ว”

นางจวงน้อยพูดเสียงอ่อนโยน ดูเป็นมิตรมาก ไม่เห็นเย่อหยิ่งอย่างที่ร่ำลือ

หลังกล่าวทักทายเสร็จก็พากันหย่อนตัวนั่ง

นางจวงน้อยรินน้ำชาให้อวิ๋นหลิงด้วยตัวเอง พลางกล่าวว่า “รู้ว่าพระชายายุ่งมาก ให้เวลาครึ่งวันก็ถือว่าเป็นเกียรติแล้ว ดังนั้นหม่อมฉันขอพูดตรงๆเลยว่า สาเหตุที่เชิญพระองค์มาเป็นแขกในครั้งนี้ เพราะต้องการขอบคุณที่พระองค์ให้การช่วยเหลือก่อนหน้านี้ ทำให้พี่สาวหม่อมฉันพ้นข้อกล่าวหา ทำให้หยางเอ๋อร์กล้าสู้หน้าผู้อื่น”

“หม่อมฉันไม่มีของล้ำค่า ยากจะตอบแทนบุญคุณครั้งนี้ แต่ก็อยากทำอะไรที่เป็นประโยชน์บ้าง”

“ได้ยินว่าสำนักศึกษากำลังรับสมัครอาจารย์ หม่อมฉันไม่เกง เคยเรียนรู้ตำราตั้งแต่เด็ก พอจะรู้เรื่องประวัติศาสตร์อยู่บ้าง ไม่ทราบว่าจะเข้าตาพระองค์ไหม?”

อวิ๋นหลิงได้ยินก็อึ้ง

นางเคยได้ยินเซียวปี้เฉิงเล่าว่า อุบาสิกาฮู่ซีเป็นอุบาสิกาที่ชื่อเสียงในเมืองหลวง ลายมือการเขียนงดงามยิ่ง ทว่านางไม่เคยรับลูกศิษย์

มีเพียงครั้งเดียวที่อยากตอบแทนบุญคุณตระกูลหรง จึงเคยสอนแม่นางหรงกับแม่นางหลิ่วช่วงหนึ่ง

ผู้ที่มีความรู้กว้างขวาง เป็นคนสันโดษเสนอตัวเป็นอาจารย์สำนักศึกษาชิงอี้ด้วยตัวเอง จะไม่ให้นางตกตะลึงได้อย่างไร

นางจวงน้อยไม่เห็นอวิ๋นหลิงตอบรับ จึงพูดเสียงแผ่วเบาว่า “หากพระชายาอนุญาต หม่อมฉันก็ยินดีไม่รับค่าตอบแทนเพคะ”

ความหมายก็คือยินดีเป็นอาจารย์อาสาสมัคร

อวิ๋นหลิงได้สติก็ไม่ได้รับปากทันที ตั้งใจเอ่ยว่า “ข้าได้ยินว่าท่านชอบความเงียบ ไม่ชอบไปมาหาสู่กับคนนอก หากท่านต้องการตอบแทนบุญคุณก็ไม่จำเป็นต้องทำลายแนวทางการใช้ชีวิตของตัวเอง ข้ารับรู้ถึงน้ำใจของท่านแล้ว”

นางจวงน้อยได้ยินก็เริ่มใจอ่อน ยิ้มอย่างจริงจังมากขึ้น

“หยางเอ๋อร์บอกว่าพระชายาเป็นคนอ่อนโยน วันนี้ได้เจอก็เป็นอย่างที่พูดจริง”

ไม่มีชีวิตแต่งงานและลูกเป็นพันธะผูกมัด นางจวงน้อยก็จมปรักกับการเขียนพู่กันและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ เวลาพบปะผู้คนก็จะต้มน้ำชาคุยเรื่องสัจธรรมชีวิต แสดงความคิดที่ผิดเพี้ยนไปจากคนอื่น เวลาสิบกว่าปีนี้นางจึงเก็บเกี่ยวความรู้และเพิ่มพูนทักษะได้มากกว่าสตรีอื่น

จะว่าไปก็ตลก คำวิจารณ์ในวันวานไม่รู้กลายเป็นคำชมและยกย่องตอนไหน ถึงขั้นมีตระกูลสูงศักดิ์เชิญนางเป็นอาจารย์ให้แก่บุตรีแล้วรู้สึกเป็นเกียรติยิ่ง

ทว่านางจวงน้อยไม่เคยรับคำเชิญนั้น

เพราะนางรู้ดีว่าสาเหตุที่ตระกูลสูงศักดิ์เชิญนางเป็นอาจารย์ให้แก่ลูกสาวนั้น ไม่ใช่อยากเรียนรู้การเขียนพู่กันหรือประวัติศาสตร์ แต่อยากให้เป็นสะพานนำลูกสาวไปแต่งงานกับตระกูลที่สูงกว่า หรือแต่งเข้าราชวงศ์

ความคิดต่างหากก็ไม่อาจร่วมทางกันได้

นางหาใช่ไม่อยากสุงสิงกับผู้คนไม่ แต่เพราะยังหาผู้ที่มีใจรักเหมือนกันไม่ได้ต่างหาก

จวบจนสำนักศึกษาชิงอี้ปรากฏ

นางจวงน้อยเฝ้าสังเกตเงียบ ๆ หนึ่งปีกว่าแล้ว จึงมั่นใจว่าเป็นสถานที่ที่นางที่ตามหา

อวิ๋นหลิงตั้งใจรับฟังความในใจของนาง จากนั้นก็ถอนหายใจกล่าวว่า “ที่แท้ก็ผู้มีใจรักเหมือนกันนี่เอง ข้ารู้สึกนับถือความอุทิศตนของท่านอาจารย์ยิ่ง สำนักศึกษาชิงอี้มีอาจารย์เช่นท่าน ถือเป็นบุญของลูกศิษย์”

แม้จะอยู่ในสิ่งแวดล้อมเช่นนี้ แต่นางจวงน้อยกลับตื่นตัวได้ถึงขั้นนี้ ชวนให้นางนับถือยิ่ง

นางยิ้มเอ่ย “ท่านอาจารย์เคยชี้แนะด้านการเขียนพู่กันให้กับชิงเยี่ยนและหลิ่วจือซู่ ข้าย่อมเชื่อในศักยภาพด้านการสอนของท่าน วันหลังข้าจะให้ผู้อำนวยการมาพบท่าน เพื่อคุยเรื่องเข้าไปอยู่ในสำนักศึกษา”

ประโยคนี้เท่ากับกำหนดให้นางจวงน้อยเข้าไปสอนหนังสือในสำนักศึกษาชิงอี้แล้ว

บัดนี้เฟิงหยางที่อยู่ด้านข้างถึงกับเงี่ยหูฟัง

“หลิ่วจือซู่?ท่านน้า คนนี้เคยเป็นลูกศิษย์ของท่านรึ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ