นางจวงน้อยกล่าว “หลายปีก่อนเขาขอคำชี้แนะด้านการเขียนพู่กันกับข้าเป็นประจำ ถือว่าเป็นลูกศิษย์ของข้าแล้ว”
เฟิงหยางขมวดคิ้วโดยไม่ทันสังเกต “เขาเป็นบุรุษ แต่มาฝึกพู่กันกับท่าน?”
ท่านน้าของเขาฝึกเขียนอักษรข่ายชู เป็นครั้งแรกที่ได้ยินบุรุษฝึกอักษรชนิดนี้ด้วย
นางจวงน้อยตอบอย่างมั่นใจว่า
“แม้จือซู่จะมีกายเป็นชาย แต่เป็นคนละเอียดอ่อน ใจเย็นมาก อักษรที่เขียนออกมาไม่แพ้หญิงอื่น ในบรรดาหญิงสาวที่ข้าเคยเห็น เขาเขียนอักษรข่ายชูได้ดีสุด อนาคตต้องประสบความสำเร็จเป็นแน่”
ดูเหมือนนางจะชอบลูกศิษย์ที่ชื่อหลิ่วจือซู่มาก
เฟิงหยางได้สติ ยิ้มเอ่ย “ท่านน้าอย่าได้โทษเลย ข้าไม่ได้บอกว่าไม่ดี แค่สงสัย เพราะไม่ค่อยมีบุรุษฝึกเขียนอักษรชนิดนี้ ข้าจึงสงสัยว่าหลิ่วจือซู่เป็นคนอย่างไร?”
คำพูดเขาเจือความหยั่งเชิง นางจวงน้อยฟังไม่ออก แต่อวิ๋นหลิงไม่ใช่
คิกคิก เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะเว่ยยิง เฟิงหยางถึงได้สนใจคนแปลกหน้าเป็นพิเศษ...
นางจวงน้อยได้ยินก็ไม่รู้ว่านึกอะไรออก นัยน์ตาเผยความเห็นใจแวบผ่าน
“จือซู่...เป็นเด็กดี แต่ก็เป็นคนน่าสงสาร?”
“ทำไมรึท่านน้า?”
นางจวงน้อยเตรียมพูด แต่กลับต้องเลิกคิ้ว “ไยหยางเอ๋อร์ถึงสนใจจือซู่เพียงนี้?”
เฟิงหยางไม่ปิดปัง พูดด้วยสีหน้าทั่วไป “ช่วงนี้มีคนช่วงอายิงหาคู่ ข้าในฐานะพี่ใหญ่นาง ต้องช่วยนางคัดคนดีๆหน่อย”
“หาคู่?” นางจวงน้อยตกใจ สีหน้าแปลก ๆ
เฟิงหยางเห็นสีหน้านางไม่ดี รีบถามว่า “ทำไมรึท่านน้า เขาไม่ชอบมาพากลตรงไหน?”
“ไม่มีอะไร...จือซู่เป็นคนดี แต่..เขาไม่คู่ควรแม่นางเว่ย ถ้าสะดวกก็ไปบอกตระกูลเว่ยล้มเลิกความคิดนี้เถิด”
อวิ๋นหลิงแอบสังเกตสีหน้านางจวงน้อย เดาว่าอีกฝ่ายรู้ว่าหลิ่วจือซู่ไม่ชอบเพศตรงข้ามแล้วกระมัง
เฟิงหยางสีหน้าหนักอึ้ง ถามต่อว่า “ท่านน้า คนผู้นี้มีปัญหาใช่ไหม ท่านอย่าปิดบังข้าเลย”
เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเว่ยยิง เขาย่อมต้องให้ความสำคัญอยู่แล้ว
นางจวงน้อยนิ่งเงียบ จากนั้นก็พูดอย่างจนปัญญาว่า “ไม่มีอะไร จือซู่มีคนในใจแล้ว เพียงแต่เขาเป็นลูกอนุของสายหลัก ตัดสินเรื่องชีวิตคู่ไม่ได้ ดังนั้นข้าจึงให้เจ้าไปห้ามตระกูลเว่ยล้มเลิกความคิดนี้เสีย หาไม่แล้วแม่นางเว่ยแต่งไปก็ไม่มีความสุขหรอก”
เฟิงหยางจึงโล่งอก พยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง ขอบคุณท่านน้า ข้ารู้แล้ว”
อวิ๋นหลิงรับฟังบทสนทนาของพวกเขา มั่นใจว่านางจวงน้อยรู้ความลับของหลิ่วจือซู่
ทว่านางกลับไม่รู้สึกคัดค้านหรือขยะแขยง ทั้งยังช่วยหลิ่วจือซู่ปิดบัง พูดในทางที่ดี นางจวงน้อยเป็นคนดีเหลือเกิน
อวิ๋นหลิงเป็นแขกในจวนราชบัณฑิตหนึ่งชั่วยามกว่า คุยกับพวกเขาได้สักพัก นางจวงน้อยก็ขอตัวเพราะมีนัดกับคนอื่น
อวิ๋นหลิงไม่รีบกลับ รินน้ำชาอุ่นให้ตัวเองกับเฟิงหยาง
นางยิ้มเอ่ย “หลิ่วจือซู่มีคนในใจแล้ว แต่คนอื่นจับคู่เขากับเว่ยยิง เจ้าไม่กังวลใจแทนเว่ยยิงหน่อยหรือ?”
เฟิงหยางไม่รู้จะตอบเช่นไร ไหนเลยที่เขาจะไม่ร้อนรนใจ เขากลุ้มใจจะตายอยู่แล้ว แต่ภายนอกยังต้องแทรกทำหน้านิ่งเข้าไว้
“คืนนี้...ข้าจะไปจวนตระกูลเว่ย ให้พวกท่านลุงเว่ยปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้”
“อืม ทำได้ไม่เลว” อวิ๋นหลิงพยักหน้า เลิกคิ้วกล่าว “แล้วถ้าครั้งต่อไปล่ะ? ถ้าเกิดเจอสถานการณ์แบบนี้อีก เจ้าจะช่วยเว่ยยิงอย่างไร?”
“เจ้าเคยคิดบ้างไหม ถ้าเกิดเจอสัตว์เดรัจฉานในคราบมนุษย์ มีทักษะการแสดงสูง หล่อให้เว่ยยิงแต่งงาน แล้วไปลำบาก เจ้าจะทำเช่นไร?”
เฟิงหยางเริ่มกังวลใจขึ้นมา พูดเสียงเข้มขรึม “ไม่หรอก ข้าจะคอยปกป้องนาง สืบประวัติของอีกฝ่ายให้รู้ไส้รู้พุงไปเลย”
อวิ๋นหลิงย้อนถาม “หากเจ้าไม่คู่ควรเว่ยยิง แล้วใครคู่ควร? คือหลิ่วจือซู่ที่มีคนในใจแล้ว หรือลูกชายเจ้าของที่ดินสติเท่าเด็กสามขวบ หรือคุณชายเจ้าสำราญที่ยังไม่ทันแต่งภรรยาเอก แต่ก็มีลูกเป็นโขย่งแล้ว?”
เฟิงหยางกำหมัด ในสายตาเขา อายิงดีไปหมด โลกใบนี้ไม่มีบุรุษใดคู่ควรกับนาง
“หากเจ้ามัวแต่ลังเล ถ้าผิดโอกาสไป เจ้ามาเสียใจทีหลังก็สายเกินแก้แล้ว”
อวิ๋นหลิงถอนหายใจ ลุกขึ้นเดินไปยังขอบหน้าต่าง ทอดสายตามองไปไกล ๆ
“มีเด็กหญิงคนหนึ่งหน้าตาอัปลักษณ์ ไม่มีใครชอบนาง แม้แต่บิดาก็รักน้องสาวที่เกิดจากอนุมากกว่า ถึงเพื่อนคนอื่น ๆ ไม่ชอบนาง แต่นางก็ไม่เสียใจ เพราะนางมีเพื่อนที่ดีที่สุดในโลก”
“ต่อมาด้วยเหตุผลต่าง ๆ เด็กหญิงอัปลักษณ์ผู้นี้โดนบิดาห้ามไม่ให้เจอกับเพื่อนตัวเอง ทั้งยังขังนางเรียนมารยาทในจวน เด็กหญิงเฝ้ารอวันที่เพื่อนมาหาทุกวัน ทุกครั้งที่เดินผ่านกำแพงรั้ว นางมักจะนั่งรอตรงนั้นเป็นเวลานาน ๆ เผื่อเพื่อนมาหาแล้วจะได้เจอกัน”
“แต่นางรอตั้งนาน เพื่อนคนนั้นก็ไม่ปรากฏตัว นางจึงเข้าใจว่าอีกฝ่ายไม่อยากเล่นกับตน จวบจนลืมความทรงจำในอดีตไปหมด”
“ต่อมาเด็กหญิงผู้นี้โดนคนรังแกในงานเลี้ยงชมบุปผา เพื่อนรักของนางออกโรงปกป้องนาง ทั้งยังไหว้วานผู้อื่นมอบของให้นาง แต่เพื่อนคนนี้ไม่ยอมไปเจอหน้านาง จับพลัดจับผลู นางคิดว่าคนที่มาส่งของขวัญเป็นคนช่วยนาง นางเกิดความซาบซึ้งใจ โง่ไปรักคนส่งของขวัญนานเก้าปี”
เฟิงหยางรับฟังมาถึงจุดนี้ ร่างกายพลันแข็งทื่อ นัยน์ตาเผยความเหลือเชื่อ
“หลายปีต่อมา นางยังคงหงุดหงิดและเสียใจกับเรื่องนี้ ถ้ารู้ว่าเพื่อนในวัยเด็กไม่เคยไปไหน นางต้องดีใจมากแน่”
เฟิงหยางได้ยินก็อึ้ง ผ่านไปสักพักถึงจะพูดด้วยความขมขื่นว่า “ข้า...ข้าไม่รู้”
อดีตยังเคยเกิดเรื่องแบบนี้ด้วย
อวิ๋นหลิงหมุนกายกลับมามองเขา ถอนหายใจด้วยความกลุ้ม “เห้อ! เจ้าพลาดมิตรภาพดี ๆ ไปแล้วหนึ่งครั้ง ยังจะปล่อยให้ความรักลอยหายไปต่อหน้าต่อตารึ?”
แต่ละคนล้วนชวนให้เป็นห่วงยิ่งนัก

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...