เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1064

เวลานี้ อวิ๋นหลิงก็เผยสีหน้ายินดีในที่สุด

“ขอให้ท่านประสบความสำเร็จ”

นางยกถ้วยชาขึ้นมาดื่มจนหมด คิดเงียบๆ ว่าที่นางพร่ำพูดจนปากคอแห้งผากจนแทบจะเป็นผุยผงนั้นไม่ไร้ประโยชน์...

อารมณ์ที่ปั่นป่วนในใจยังคงยากจะสงบลง เฟิงหยางสูดหายใจเข้าลึกๆ หลายครั้งติดๆ กัน แล้วมองอวิ๋นหลิงอย่างลึกซึ้งด้วยขอบตาแดงก่ำเล็กน้อย

ดูเหมือนจะมีคำพูดเป็นพันเป็นหมื่นคำ แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเอ่ยอย่างไร

อวิ๋นหลิงนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ ท่าทางสบายๆ แล้วก็หยอกล้อเขาด้วยรอยยิ้ม “เป็นอะไรไป รู้สึกตื้นตันใจจนพูดไม่ออกเลยหรือ”

หลังจากนั้นไม่นาน เฟิงหยางก็กระซิบด้วยอารมณ์ที่ท่วมท้น “พูดไปก่อนหน้านี้ว่านิสัยใจคอของท่านยังคงเหมือนสมัยที่เป็นเด็ก บัดนี้รู้สึกว่าจะต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง...แต่เป็นเช่นนี้ดีมากเลย ดีมากเลย...”

เขาพึมพำเบาๆ ราวกับคิดถึงและพอใจ

“ได้รู้ว่าตอนนี้ท่านมีความสุข ข้าก็รู้สึกสบายใจหายห่วง”

นางยังคงใจดี ร่าเริง และเป็นกันเองเหมือนเมื่อตอนยังเป็นเด็ก

ความแตกต่างก็คือนางไม่รู้สึกต่ำต้อยด้อยค่าอย่างที่เคยเป็นในอดีตอีกต่อไป กลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม

ในอดีตพวกเขาเดิมทีเป็นแมวและสุนัขจรจัดสองตัวที่ซุกตัวอยู่ในมุมมุมหนึ่ง อิงแอบเลียแผลและกอดกันเพื่อให้ความอบอุ่นแก่กัน

ตอนนี้นางสามารถเป็นแสงสว่างในใจของผู้อื่นและนำหนทางรอดชีวิตมาสู่ผู้อื่นได้

อวิ๋นหลิงเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นคลี่ยิ้มให้เขาโดยไม่ได้พูดอะไร

คนจิตใจดีสมควรได้รับการช่วยเหลือ นางก็ยินดีมอบความจริงใจให้เช่นกัน เหมือนในวัยเยาว์ที่เฟิงหยางเองก็ติดอยู่ในสายฝน แต่เขายังเพียรพยายามกางร่มให้แม่นางผู้นั้น

ฝนที่อยู่นอกหน้าต่างหยุดลง แสงอาทิตย์อัสดงยามพลบค่ำก็ส่องประกายในลานบ้าน หยาดน้ำค้างบนใบไม้เผยให้เห็นแสงหลากสีสัน

เวลาดึกแล้ว เฟิงหยางส่งอวิ๋นหลิงมาถึงหน้าประตูวังหลวง ทั้งสองคนก็โบกมืออำลา

หลังจากมองตามหลังรถม้าของอวิ๋นหลิงหายลับไปจากสายตา เฟิงหยางก็หันหัวม้าควบมุ่งหน้าไปยังจวนเว่ยทันที

ลมยามเย็นพัดผมหยิกหยักศกสีดำปลิวไสว เผยให้เห็นความรีบร้อนในใจของเขา

ตอนนี้อยากจะบอกเว่ยยิงทันทีเลยว่าเขารักนางอย่างสุดซึ้งมาตั้งนานแล้ว อยากจะให้นางเป็นหญิงคนเดียวไปตลอดชีวิต

เมื่อมาถึงจวนเว่ยด้วยความเร็วสูงสุด ม้าศึกที่ทรงพลังภายใต้การห้อตะบึงของเขาก็หายใจแรงอย่างหนัก

เฟิงหยางเคาะประตูใหญ่จวนเว่ย คนเฝ้าประตูก็รีบออกมารับหน้า

หลังจากทราบจุดประสงค์การมาเยือนแล้ว คนเฝ้าประตูก็ส่ายหน้า “ท่านแม่ทัพ นายท่านและฮูหยินพาคุณหนูเข้าวังไปพบฮ่องเต้แล้ว เวลานี้ยังไม่กลับมาเลย”

เฟิงหยางตะลึงงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตระหนักว่าในที่สุดการประทานรางวัลและลงโทษก่อนหน้านี้ก็มีผลแล้ว

เขาระบายยิ้มแล้วพูดว่า “อ้อ เช่นนั้นจะไม่รบกวนแล้ว พรุ่งนี้ข้าค่อยมาใหม่”

เมื่อมาถึงจุดนี้ หัวใจที่ได้รับกำลังใจก็ระงับความตื่นเต้นและสงบสติอารมณ์ได้อย่างสมบูรณ์ในที่สุด

เฟิงหยางขบคิดอยู่พักหนึ่งว่าเขาหุนหันพลันแล่นและเสี่ยงมาถึงประตูด้วยมือเปล่าโดยไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยสักนิด ช่างไม่สมควรจริงๆ

การสู่ขอเป็นเรื่องใหญ่ เขาควรกลับไปพูดคุยกับท่านตาให้เป็นที่เรียบร้อยโดยเร็ว จากนั้นค่อยเตรียมของขวัญพบหน้าโดยเร็วที่สุด รอพรุ่งนี้เช้าก็ไปสู่ขอที่ตระกูลเว่ยอย่างเป็นทางการ

คิดได้เช่นนี้ เฟิงหยางก็อดยกยิ้มมุมปากไม่ได้ แล้วสาวเท้าจากไปอย่างรวดเร็ว

……

เมื่ออวิ๋นหลิงกลับถึงตำหนักบูรพา นางพบว่าบรรยากาศผิดปกติไปบ้าง

นางมองไปรอบๆ พบว่าเซียวปี้เฉิงไม่ได้อยู่ในตำหนักทั้งที่เป็นเวลาอาหารเย็น

เวลานี้เอง ตงชิงพูดเสียงเบาด้วยสีหน้าดูจริงจังว่า “ตอนนั้นมีนางกำนัลสามคนอยู่ข้างกายเนี่ยนเอ๋อร์ แต่หนึ่งในนั้นแอบไปพบกับคนรักที่เป็นองครักษ์ คนหนึ่งปวดท้องกะทันหัน และอีกคนก็ไปเตรียมอาหารปลามาให้คุณหนูเนี่ยนเอ๋อร์”

“แค่ช่วงเวลาสั้นๆ เช่นนี้ก็เกิดเรื่องขึ้น ถ้าบอกว่าไม่มีลับลมคมในใครจะเชื่อ หลังจากรัชทายาททรงทราบข่าวก็พาคนไปตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที แล้วพบน้ำมันปาล์มอยู่บนแผ่นหินที่จะให้อาหารปลา!”

สรุปว่าการตกลงไปในน้ำของเนี่ยนเอ๋อร์ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นฝีมือมนุษย์ จักรพรรดิจาวเหรินโกรธมากและสั่งให้เซียวปี้เฉิงตรวจสอบเรื่องนี้ทันที

หลังจากที่อวิ๋นหลิงฟังจบแล้ว ดวงตาฉายแววเย็นยะเยือก นางก็มีคำตอบในใจทันที

ว่าเป็นฝีมือโม่อี้ซือ

เนี่ยนเอ๋อร์เพิ่งกลับมาได้ไม่นาน จะไปมีความแค้นกับผู้อื่นได้อย่างไร

นอกจากนางแล้ว ก็ไม่มีผู้ต้องสงสัยที่มีเจตนาร้ายรายอื่นอีก

อวิ๋นหลิงครุ่นคิดอยู่ในใจ กำชับให้ตงชิงดูแลเด็กๆ ให้ดี จากนั้นนางก็ขึ้นรถม้าไปตำหนักโยวซินทันทีโดยไม่ได้กินข้าวเลย

จากระยะไกลกว่าสองร้อยเมตร นางจับสังเกตบรรยากาศตึงเครียดในตำหนักโยวซินได้

องค์หญิงอี๋อันพูดอย่างไม่เชื่อ “ปี้เฉิง เจ้าพูดอะไร ผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังคือซือซืออย่างนั้นหรือ”

จากนั้นเสียงตื่นตระหนกของโม่อี้ซือก็ดังขึ้นทันที “ท่านแม่ จะปรักปรำหรือ! วันนี้ข้าฝึกเขียนพู่กันอยู่ในเรือนตลอด ยังไม่ได้ก้าวออกจากประตูเลยด้วยซ้ำ จะพูดว่าไปทำร้ายเนี่ยนเอ๋อร์ได้อย่างไร”

เซียวปี้เฉิงมองนางอย่างเย็นชา “เจ้าไม่ได้ออกจากห้อง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะสั่งให้คนอื่นไปทำร้ายไม่ได้!”

“ทะเลสาบส่วนใหญ่ในสวนหลวงมีรั้วหินเป็นราวกั้น มีที่ว่างเพียงไม่กี่ช่องเท่านั้นที่ไม่มีรั้วหิน ข้าถามเนี่ยนเอ๋อร์หลังจากที่นางฟื้นแล้ว นางบอกว่าเป็นเพราะรั้วที่อื่นสูงเกินไป นางมีรูปร่างเตี้ย ตอนให้อาหารปลาจะมองไม่ถนัด จึงเดินไปให้อาหารปลาตรงแผ่นหินที่ไม่มีรั้วกั้น”

ไม่นึกว่าทันทีที่ข้าเหยียบลงไป เท้าก็ลื่นล้มลงไปในน้ำ

“นอกจากแผ่นหินนั้นแล้ว ข้ายังตรวจดูรองเท้าที่นางใส่ในวันนี้ด้วย พื้นรองเท้าลื่นกว่ารองเท้าธรรมดามากนัก”

“และรองเท้าคู่นี้ เจ้าก็เป็นคนเย็บและมอบให้นางเอง!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ