องค์หญิงอี๋อันกระชับมือแน่น สุดท้ายก็อดยกมือขึ้นตบนางไม่ได้
“ลองถามใจตัวเองดูว่าข้าปฏิบัติต่อเจ้าน้อยกว่าเนี่ยนเอ๋อร์เมื่อใด ตอนหนีออกจากจวนอ๋อง ข้าก็เสี่ยงชีวิตพาเจ้ามาด้วย ตอนนั้นเจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าข้าต้องทิ้งเนี่ยนเอ๋อร์ไว้ข้างหลังก็เพื่อเจ้า”
“เหตุใดเจ้าจึงไม่รู้จักดีชั่วเช่นนี้ ถึงกับลงมือเหี้ยมโหดกับเนี่ยนเอ๋อร์ได้ถึงเพียงนี้!”
องค์หญิงอี๋อันไม่เคยโกรธเกรี้ยวมาก่อน อารมณ์รุนแรงถึงขีดสุดจนอดหลั่งน้ำตาไม่ได้
นางผิดหวังและเสียใจอย่างยิ่ง
ตอนที่หนีกลับเมืองหลวงนั้น สถานการณ์และเรี่ยวแรงบังคับให้นางพาลูกสาวมาได้เพียงคนเดียว
แต่นางคิดว่าอย่างไรเสียเนี่ยนเอ๋อร์ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของอ๋องไหวเซียง เป็นลูกสาวสายตรงเพียงคนเดียวของเขา ไม่ว่าอีกฝ่ายจะโกรธเคืองกับการกระทำของนางแค่ไหน ก็จะไม่ถึงกับทำร้ายเนี่ยนเอ๋อร์
แต่หากโม่อี้ซือถูกทิ้งอยู่ที่นี่ ด้วยความปรารถนาในตัวนางของอ๋องไหวเซียง สิ่งที่รอนางอยู่ก็คงจะเป็นขุมนรกอันไม่มีที่สิ้นสุด
ชั่งน้ำหนักทั้งสองฝ่ายแล้ว องค์หญิงอี๋อันก็ข่มกลั้นความปวดใจ กัดฟันหักห้ามใจพาโม่อี้ซือออกมาก่อน
นางไม่เคยคิดเลยว่าผู้ที่นางช่วยชีวิตไว้จะเป็นคนเนรคุณ!
สวรรค์รู้ดีว่านางกังวลแค่ไหนหลังจากเหตุการณ์ความไม่สงบในเซียงโจว นางนอนไม่หลับทั้งวันทั้งคืน ถ้าเนี่ยนเอ๋อร์มีอันเป็นไป ชาตินี้นางจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองเลย
โม่อี้ซือถูกตบจนหน้าหัน จากนั้นก็รีบลุกขึ้นไปกอดแข้งกอดขาขององค์หญิงอี๋อัน ร้องห่มร้องไห้ราวกับจะขาดใจตาย
“ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้ว ท่านแม่ข้าสำนึกผิดแล้วจริงๆ ...ท่านโปรดให้โอกาสข้าครั้งสุดท้ายด้วยเถิด...”
“ข้าจะออกจากวังอย่างเชื่อฟังและใช้ชีวิตอยู่ภายนอกอย่างสงบแน่นอน จะไม่คิดเพ้อฝันถึงสิ่งที่ไม่ควรคิดอีก ท่านแม่โปรดยกโทษให้ข้าได้หรือไม่ ฮือๆ...ข้าไม่อยากตาย…”
การเรียกคำว่า ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าก็เหมือนกับเอามีดกรีดแทงหัวใจขององค์หญิงอี๋อัน นางรู้สึกเสียใจที่ถูกเด็กที่ชุบเลี้ยงมาเองกับมือถึงสิบปีทรยศและทำร้ายเอาได้
ระหว่างที่เดินทางกลับเมืองหลวง โม่อี้ซือเปลี่ยนไปมีนิสัยไม่ดีหลายอย่าง ไม่ใช่ว่านางไม่เข้าใจ เพียงแต่ไม่ได้ชี้แนะให้เห็นเพราะกลัวว่าจะทำร้ายความภาคภูมิใจในตนเองของอีกฝ่าย
ในมุมของผู้เป็นมารดาก็ทำได้แค่อดทนและให้อภัย
แต่จวบจนบัดนี้ การกระทำของโม่อี้ซือดูเหมือนจะล้ำเส้นที่นางจะทนได้
องค์หญิงอี๋อันมองเซียวปี้เฉิงทั้งน้ำตาราวกับมีอะไรจะพูด
เซียวปี้เฉิงเข้าใจดี เริ่มพูดด้วยเสียงราบเรียบก่อน “เสด็จพ่อรู้ต้นสายปลายเหตุทั้งหมดแล้ว เขาบอกว่าโม่อี้ซือและเด็กสาวเหล่านี้ล้วนมาจากตำหนักโยวซิน จะเลือกจัดการอย่างไรนั้นสิทธิ์ขาดอยู่ในมือของเสด็จพี่”
หากให้เขาและจักรพรรดิจาวเหรินต้องตัดสินใจ จะไม่ไว้ชีวิตโม่อี้ซืออย่างแน่นอน
แต่สำหรับองค์หญิงอี๋อัน สายใยผูกพันระหว่างแม่ลูกหลายปี รวมถึงบุญคุณที่พ่อแม่ของโม่อี้ซือช่วยชีวิตไว้นั้นไม่ใช่จะตัดสินใจได้ง่ายๆ
แต่หากไว้ชีวิตโม่อี้ซือ เช่นนั้นจะเป็นอันตรายต่อเนี่ยนเอ๋อร์
ไม่ว่าอย่างไร ทำสิ่งใดไว้ก็ย่อมต้องได้รับผลตอบสนอง เลือกทำสิ่งใดไว้ก็เช่นเดียวกัน
เซียวปี้เฉิงเชื่อว่าเสด็จพี่ย่อมเข้าใจหลักการนี้ นางสามารถชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียและความเป็นธรรมได้
ใบหน้าขององค์หญิงอี๋อันแก่ขึ้นสองส่วนทันที นางร่ำไห้อย่างเงียบๆ จะอย่างไรก็เช็ดน้ำตาบนใบหน้าไม่สะอาด
ในห้องขนาดใหญ่ เหลือเพียงเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นที่ชวนให้ว้าวุ่นใจของโม่อี้ซือ
หลังจากนั้นครู่ใหญ่ องค์หญิงอี๋อันดูเหมือนจะตัดสินใจได้ในที่สุด กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เมี่ยวชุนละเลยหน้าที่ในขณะดูแลเนี่ยนเอ๋อร์ ออกไปโดยพลการ สมควรถูกลงโทษอย่างหนัก นับตั้งแต่วันนี้ไปจะถูกลดตำแหน่งเป็นนางกำนัลปลายแถว ให้ย้ายไปทำงานที่หน่วยซักล้างเสื้อผ้า”
“เมี่ยวเซี่ยก็สะเพร่าเช่นกัน แต่เนื่องจากถูกคนอื่นวางแผนให้ร้ายและไม่ได้คิดจะทรยศต่อผู้เป็นนาย ถูกปรับเงินเดือนครึ่งปี เมี่ยวชิวพยายามสังหารผู้เป็นนาย ยกโทษให้ไม่ได้ สมควรถูกโบยจนตายให้ผู้คนดูไว้เป็นเยี่ยงแต่อย่าเอาอย่าง”
“ส่วนโม่อี้ซือ…”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เสียงร้องไห้ฟูมฟายในห้องก็หยุดกะทันหัน เหลือเพียงความเงียบงันกระทั่งเข็มตกยังได้ยิน
องค์หญิงอี๋อันหยุดชั่วขณะ แล้วพูดอย่างเหนื่อยหน่าย “นางคือผู้บงการ การพยายามฆ่าถือเป็นโทษร้ายแรง แต่พ่อแม่ของเจ้ามีบุญคุณกับข้า ก่อนที่ทั้งคู่จะเสียชีวิต ข้าสัญญาว่าจะรับเลี้ยงดูแลลูกสาวของพวกเขา เมื่อสัญญาแล้ว ข้าก็ไม่อาจผิดสัญญาได้”
ภาพของข้ารับใช้ที่ภักดีสองคนที่กำลังจะตายวาบผ่านต่อหน้านางไป พวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากไฟคลอก ร่างกายเป็นแผลพุพองไม่มีจุดดีเลย แม้จะรอความตายเวลาสั้นๆ ชั่วหนึ่งก้านธูปก็ยังเป็นการทรมานอันแสนยาวนาน
นางจะไม่มีวันลืมภาพนั้นไปตลอดชีวิต และก็ซาบซึ้งใจ ถ้าไม่มีพวกเขา ผู้ที่นอนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดอยู่ตรงนั้นจะเป็นนางเอง
เดิมทีรายการของประดับตกแต่งและบ่าวไพร่ล้วนเลือกไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ทุกอย่างถูกนางทำลายจนหมดสิ้น!
จนกระทั่งเซียวปี้เฉิงเรียกองครักษ์ให้พาโม่อี้ซือออกไป นางจึงตื่นจากความฝันและร้องไห้คร่ำครวญด้วยความเสียอกเสียใจ
“ท่านแม่ข้าสำนึกผิดแล้ว สำนึกผิดแล้วจริงๆ! ได้โปรดอย่าทิ้งข้าไป…”
องค์หญิงอี๋อันหันหลังให้นาง ทำทีนิ่งเฉยจนกระทั่งเสียงหายไปจากห้อง
ขณะที่อวิ๋นหลิงเดินเข้ามาอย่างแช่มช้า ก็เดินผ่านโม่อี้ซือที่อยู่ในสภาพอับจนหนทาง นางคร้านจะสบตากับอีกฝ่าย เดินตรงเข้าไปในบ้านเอง
“เสด็จพี่ ข้าจะมาดูอาการเนี่ยนเอ๋อร์”
องค์หญิงอี๋อันได้สติกลับมา แย้มยิ้มอย่างเหนื่อยล้า “เนี่ยนเอ๋อร์ได้รับการช่วยเหลือทันเวลา ดื่มยาแล้วผล็อยหลับไป ไม่มีอะไรร้ายแรง เจ้าไม่ต้องกังวล”
ถึงจะพูดเช่นนี้ แต่เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน อวิ๋นหลิงยังคงไปตรวจอาการของเด็กคนนี้
องค์หญิงอี๋อันเห็นว่าพวกเขายังไม่ได้กินอาหารเย็นเลย นางจึงฝืนทำตัวกระฉับกระเฉงเรียกนางกำนัลไปเตรียมสำรับอาหาร
หลังจากยืนยันว่าเนี่ยนเอ๋อร์ไม่เป็นไรแล้ว อวิ๋นหลิงก็ลดม่านคลุมเตียงของนางลง แล้วหันไปเห็นใบหน้าของเซียวปี้เฉิงหม่นทะมึน อารมณ์ก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก
“ท่านเป็นอะไรไปหรือ ดูไม่ดีใจเลย”
เซียวปี้เฉิงกล่าวด้วยสายตาเศร้าหมอง “...ประเดี๋ยวในวังจะนองเลือดอีกแล้ว”
“เรื่องของโม่อี้ซืออย่างนั้นหรือ”
“ไม่ใช่ เป็นเรื่องที่เว่ยยิงช่วยเนี่ยนเอ๋อร์และพี่ใหญ่”
“จากนั้นล่ะ”
เซียวปี้เฉิง “เสด็จพ่อวางแผนจะให้นางเป็นชายารองของพี่ใหญ่”
อวิ๋นหลิง “?”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...