อวิ๋นหลิงไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ จักรพรรดิจาวเหรินถึงทำวุ่นวายเช่นนี้
ตามหลักแล้วเขาควรจะดูแคลนสถานะของเว่ยยิงถึงจะถูก นางเป็นลูกสาวของทหารกองทัพจิงอู๋ตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ไม่เพียงเคยอยู่ในค่ายทหารและมีชื่อเสียงไม่ดี แต่นางยังเป็นหญิงสาวที่อายุมากและยังไม่ได้ออกเรือนอีกด้วย
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าตระกูลเว่ยไม่เป็นที่รู้จักในเมืองหลวงเลย จึงไม่อาจช่วยรุ่ยอ๋องได้มากนัก
ก่อนหน้านี้เพิ่งชมชอบคุณหนูสายตรงของตระกูลรองเสนาบดีกรมกลาโหม วันนี้ก็มาชมชอบเว่ยยิง ช่างเหมือนกับการนั่งรถไฟเหาะโดยแท้
“เขาไม่ได้กำหนดคุณสมบัติของผู้จะมาเป็นชายารองของรุ่ยอ๋องสูงหรอกหรือ ทำไมถึงคิดเรื่องเว่ยยิงขึ้นมาล่ะ อย่าบอกนะว่าเขาคิดว่าหลังจากทั้งสองตกลงไปในน้ำแล้วเนื้อตัวใกล้ชิดกัน ดังนั้นรุ่ยอ๋องจึงควรรับผิดชอบชื่อเสียงของเว่ยยิง!”
สีหน้าของเซียวปี้เฉิงยิ่งแปลกขึ้นไปอีก “อย่าบอกนะว่าเขาใช้เหตุผลนี้จริงๆ”
มุมปากของอวิ๋นหลิงกระตุก “...”
จักรพรรดิจาวเหรินไม่ใช่คน ‘ใจดี’ เช่นนั้นหรอก เขามีเหตุผลมากมาย แต่ก็ทำเพื่อรุ่ยอ๋องแน่นอนไม่ใช่ไปยืนอยู่ฝ่ายผู้อื่น
“พ่อแม่ของเว่ยยิงพูดอะไรบ้าง”
“ไม่รู้สิ ข้าเพิ่งได้ยินการสนทนาระหว่างเสด็จพ่อกับพวกเขาโดยบังเอิญตอนที่สืบสวนคดีนี้” เซียวปี้เฉิงส่ายหน้า แล้วกระซิบว่า “แต่ด้วยอำนาจของสามีภรรยาตระกูลเว่ย คงจะไม่ขัดพระราชโองการของเสด็จพ่อเป็นแน่”
สีหน้าของอวิ๋นหลิงยากจะอธิบาย นางก็รู้สึกได้ทันทีว่าจักรพรรดิจาวเหรินเป็นอุปสรรคขัดขวางเส้นทางเป็นแม่สื่อของนาง
“วันนี้ข้าอยู่ที่จวนราชบัณฑิต ต้องปากเปียกปากแฉะชี้แนะเฟิงหยาง ตะล่อมให้เขาเป็นฝ่ายไปสู่ขอกับตระกูลเว่ย ถ้าเขาทำตามนี้ แล้วรู้ว่าก่อนหน้านี้ถ้าข้าไม่ได้ช่วยพูดเกลี้ยกล่อมให้กุ้ยเฟยคืนดี ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่มีเวลาจัดการปัญหาเหล่านี้ มิสู้เกษียณก่อนกำหนดจะดีกว่า”
เซียวปี้เฉิงไม่ได้พูดอะไร แต่ดูเหมือนจะเห็นด้วยเล็กน้อย “เจ้าจะลงมือขัดขวางใช่หรือไม่ ข้าจำได้ว่าหลังจากเหตุการณ์ของหลี่กุ้ยเฟยเมื่อครั้งที่แล้ว เสด็จพ่อเคยสัญญาว่าจะให้ตามคำขอแบบไม่มีเงื่อนไขกับเจ้า นี่คือไพ่ตายที่จะยุติเรื่องราวได้”
แม้ว่าจะรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่อวิ๋นหลิงก็ยังคงสงวนท่าทีและใจเย็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง นางก็ส่ายหน้าอย่างหนักแน่น
“ไม่ ครั้งนี้ข้าจะไม่ลงมือ”
“อ้อ?” เซียวปี้เฉิงเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “ข้านึกว่าเจ้าจะกังวลกับเรื่องของเฟิงหยางมากไป”
เมื่อได้ยินความหึงหวงเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาไม่อาจซ่อนเร้นได้ อวิ๋นหลิงก็เหลือบมองเขาอย่างอ่อนโยนก่อนจะอธิบายว่า “ครั้งนี้ไม่เพียงเกี่ยวกับเฟิงหยาง แต่ยังเป็นการทดสอบรุ่ยอ๋องด้วย ดังนั้นข้าจะไม่เข้าไปสอดมือชั่วคราว”
“เสี่ยวฉานและรุ่ยอ๋องแยกกันมานานกว่าสองปี นางยังอิดออดไม่รับปากจะคืนดีอย่างเป็นทางการ แต่เสนอให้สังเกตและทดสอบเป็นเวลาหนึ่งปี เห็นชัดว่านางได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่ผ่านมามากเหลือเกิน แม้ว่าเสด็จพ่อของท่านจะน่ารำคาญไปบ้าง แต่นี่เป็นโอกาสอันดีที่จะให้พวกเขาทั้งสองคนกลับมาคืนดีกันอย่างแท้จริง ขอเพียงเขาเลือกที่จะต่อสู้ไปจนจบ ก็จะทำให้เสี่ยวฉานรู้สึกปลอดภัยและไว้วางใจใหม่อีกครั้ง”
“ไม่เช่นนั้น ถ้าเอาแต่พึ่งพาข้าไปทุกเรื่อง เสี่ยวฉานอาจจะไม่มีความสุข ข้าคิดว่านางยินดีจะเห็นรุ่ยอ๋องต่อสู้เพื่อความสุขในอนาคตของพวกเขาด้วยตาของนางเอง”
เซียวปี้เฉิงฟังแล้วพยักหน้า กล่าวอย่างจริงจังว่า “มีเหตุผล”
ในแง่ของความรักของคนหนุ่มสาว อวิ๋นหลิงมักจะอ่อนโยนและละเอียดอ่อนกว่าเขามากนัก
อวิ๋นหลิงจึงเปลี่ยนหัวข้อ “ข้าต้องพูดอะไรบางอย่างที่บาดหู เรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว เดิมทีกะจะให้รุ่ยอ๋องแก้ไขเอง ถ้าแก้ไม่ได้ก็สมน้ำหน้าแล้วที่เขาต้องครองโสดพลัดพรากจากลูกเมีย”
หากผู้ชายคนนี้ไม่สามารถยืนหยัดได้ จักรพรรดิจาวเหรินจะไม่มีวันล้มเลิกความคิดให้เขาแต่งกับชายารอง ปัญหาก็จะไม่สิ้นสุด
นางสามารถช่วยรุ่ยอ๋องได้ครั้งสองครั้ง แต่ไม่ใช่ครั้งที่สาม
ไม่ใช่ว่านางจะว่างนัก เลยเปลี่ยนงานมาเป็นผู้เฒ่าจันทราผูกด้ายแดงจริงๆ
อวิ๋นหลิงกลั้นเสียงหัวเราะ แสร้งทำเป็นมองประเมินเขาสองสามครั้ง แล้วพูดอย่างจริงจัง “สุนัขจิ้งจอกอย่าหัวเราะเยาะแมว ต่างฝ่ายต่างก็มีฝีมือพอๆ กัน ถ้าพลาดอีกนิดเดียวท่านก็ต้องครองโสดแล้ว ทำไมถึงกล้าพูดถึงเรื่องก่อนหน้านี้นะ?”
เซียวปี้เฉิงพูดอย่างไม่พอใจ “จะพอๆ กันได้อย่างไร? ทั้งที่แตกต่างกันชัดๆ ตอนนั้นไม่มีใครคอยแนะนำอยู่เบื้องหลังข้า ข้าหาวิธีแก้ปัญหาเองทั้งหมด”
นอกจากเยียนอ๋องผู้ที่ถือว่าไร้ความกังวลแล้ว คนอื่นๆ ล้วนแต่มาสร้างปัญหาให้เขา
แม้แต่พระเจ้าหลวงก็ยังยืนอยู่ข้างอวิ๋นหลิง ไม่ช่วยเหลือก็แล้วไป เขายังยื่นคำขาดกับอวิ๋นหลิง จนเกือบทำให้เขาเสียภรรยาไป
“เอาละๆๆ ท่านดีที่สุดก็แล้วกัน!” อวิ๋นหลิงกลั้นหัวเราะแล้วพูดเร่งเร้าเขา “ลุกขึ้นเร็วเข้า เสด็จพี่ให้คนมาส่งอาหารแล้ว”
เสียงข้ารับใช้ดังขึ้นนอกห้อง ทั้งคู่สามีภรรยาก็ออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ
ขณะเดียวกัน เว่ยยิงและฮูหยินเว่ยก็กินข้าวที่ตำหนักข้างของพระที่นั่งบำรุงฤทัยด้วยสีหน้ากังวล
จักรพรรดิจาวเหรินตกรางวัลเป็นโต๊ะอาหารมื้อนี้ ส่วนท่านพ่อเว่ยก็ถูกรั้งให้ร่วมโต๊ะกับจักรพรรดิจาวเหรินในตำหนัก
ในระหว่างมื้ออาหาร จักรพรรดิจาวเหรินถามถึงบรรพบุรุษของตระกูลเว่ยและเรื่องต่างๆ ภายในตระกูลอย่างถี่ถ้วน จากนั้นก็เสนอเลื่อนตำแหน่งให้ท่านพ่อเว่ย จากขั้นสี่ชั้นเอกเป็นขั้นสามชั้นโท
เมื่อเผชิญหน้ากับลาภลอยเช่นนี้ ท่านพ่อเว่ยไม่ได้ดีใจเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ต้องทำท่าตื่นเต้นและขอบพระทัย
หลังจากคุกเข่าขอบคุณแล้ว เขาก็อดพูดไม่ได้ว่า “ฝ่าบาท น้ำพระทัยของพระองค์ทำให้กระหม่อมปลื้มปีติยิ่งนัก ไม่เช่นนั้นการตกรางวัลให้อายิงก็ช่างเถิด...ประการแรกนางเป็นเด็กสาวที่ไม่แตกฉานทั้งพิณ หมากล้อม พู่กัน วาดภาพและงานเย็บปักถักร้อยเลย นางไม่คู่ควรกับท่านรุ่ยอ๋องจริงๆ ประการที่สองกระหม่อมเองก็กังวลใจว่า...มีหน้ามีตาเช่นนี้จะทำให้ผู้คนอิจฉาตาร้อนเอาได้”
ไม่คาดคิดว่าจักรพรรดิจาวเหรินจะส่ายหน้า แล้วตรัสยิ้มๆ “ท่านอย่าดูถูกตัวเองนักเลย ที่ข้าชมชอบลูกสาวของท่านก็เพราะนางเป็นสตรีผู้เก่งกาจทัดเทียมบุรุษ เป็นสตรีที่เหนือกว่าชายหนุ่ม!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...