เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1069

ท่านพ่อเว่ยเอามือจับก้นที่ระบมแล้วทำหน้าบูดบึ้งด้วยความเจ็บปวด

ฮูหยินเว่ยพลิกตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วชี้มือด่าทอเขา “ยังจะไปเสี่ยงเซียมซีขอพรให้อายิงได้แต่งงานที่วัดหานซานทำไมล่ะ ข้าบอกแล้วไงว่าดวงไม่สมพงศ์กัน! ตอนนี้ไม่เพียงลูกเขยหลุดลอย แม้แต่ธนูยอดเซียนของบรรพบุรุษก็ส่งไปเสียเปล่า เสียทั้งคนเสียทั้งของจริงๆ เลย!”

“ฮูหยิน หลวงจีนผู้เฒ่าของวัดหานซานบอกว่าอายิงจะเจอเนื้อคู่ได้อย่างแน่นอน บางทีโชคความรักของนางและสิ่งที่เรียกว่าบุพเพอาจไม่ตรงกัน”

ท่านพ่อเว่ยลูบก้นเบาๆ ปักใจเชื่อในการเสี่ยงเซียมซีเลือกคู่ “เอาเป็นว่า ขอเพียงอายิงยังไม่เข้าประตูใหญ่ของจวนรุ่ยอ๋องอย่างเป็นทางการ ทุกอย่างจะพลิกผันได้!”

ฮูหยินเว่ยหัวเราะเยาะ “ถ้าอย่างนั้นข้าจะรอดู”

“จนกว่าเรื่องจะจบลง ท่านไปนอนที่ห้องหนังสือเลย ข้าเห็นท่านทีไรก็อารมณ์เสียนอนไม่หลับ ถ้าสุดท้ายแล้วอายิงไม่อาจย้อนกลับไปแต่งงานได้สมปรารถนา ต่อไปท่านก็ระวังตัวไว้ให้ดีแล้วกัน!”

ใบหน้าของท่านพ่อเว่ยเหยเก

เขารู้ว่าฮูหยินไม่พอใจอยู่บ้างที่เขาไม่ยืนกรานหนักแน่นพอต่อหน้าฝ่าบาท

ลึกๆ แล้วเขาก็อดถอนหายใจตำหนิตนเองไม่ได้

แต่ถ้าเขามีตำแหน่งและอำนาจที่สูงกว่านี้สักนิด และมีความมั่นใจที่จะปฏิเสธฝ่าบาทเหมือนรองเสนาบดีกรมกลาโหม การแต่งงานของลูกสาวก็คงไม่มีอุปสรรคเช่นนี้

ท้ายที่สุดเขายังไม่มีความสามารถใดๆ หากเขาเป็นขุนนางใหญ่ขั้นหนึ่ง แม้ว่าลูกสาวจะอยู่ในค่ายทหารมาถึงห้าปี แต่ก็ยังมีบุรุษที่มีคุณสมบัติดีจำนวนมากที่รีบมาขอเป็นบุตรเขยตระกูลเว่ย

ท่านพ่อเว่ยหอบผ้าห่มและหมอนไปห้องหนังสืออย่างหดหู่ ฮูหยินเว่ยกังวลพลิกตัวไปมาอย่างนอนไม่หลับ

ในอีกห้องหนึ่งของเรือนเล็กๆ เว่ยยิงก็นอนไม่หลับทั้งคืน นั่งเงียบๆ อยู่ที่โต๊ะเป็นเวลานาน

เมื่อจักรพรรดิจาวเหรินตกรางวัลให้นางเป็นชายารองของรุ่ยอ๋อง นางเพียงแค่แปลกใจ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก

นางเป็นผู้หญิงที่โหยหาความสุขและความรัก แต่ไม่ใช่ผู้หญิงที่ต่อสู้เพื่อความรักจนตัวตายแน่นอน

หลังจากที่เสิ่นทัวหายตัวไปในสงคราม นางก็อยู่ในสภาพกระอักกระอ่วนใจและเป็นทุกข์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา และนางก็เพิ่มความดื้อรั้นเป็นเท่าทวีคูณ

ยิ่งไปกว่านั้น หากนางไม่สามารถแต่งงานกับเฟิงหยางได้ แล้วนางไปแต่งงานกับคนอื่นก็ไม่ต่างกันเลย

นางยอมรับความจริงอย่างใจเย็นแล้ว

……

คืนฝนตกในฤดูใบไม้ผลิผ่านพ้นไป ลานบ้านก็มีใบไม้สีแดงร่วงเต็มไปหมด วันรุ่งขึ้นท้องฟ้าก็แจ่มใสปลอดโปร่ง

ในตอนเช้า อวิ๋นหลิงอุ้มเสี่ยวเซียงถวนเอ๋อร์มาสูดอากาศบริสุทธิ์ในสวนดอกไม้

เด็กหญิงตัวน้อยเพียงพริบตาเดียวก็อายุครบห้าเดือนแล้ว นางตัวเล็กมีกลิ่นหอมและอ่อนนุ่ม แขนขาอวบอ้วนดุจรากบัวขาวราวกับตุ๊กตารากบัวในภาพวาดปีใหม่

แตกต่างจากพี่ชายสองคน เซียงถวนเอ๋อร์ไม่เหมือนกับราชาปีศาจที่ซุกซนอย่างฮั่วถวนเอ๋อร์เมื่อตอนที่ยังเด็ก ผู้ที่เอะอะก็ร้องไห้ทั้งวัน ไม่เหมือนเสวี่ยถวนเอ๋อร์ผู้เงียบขรึม สงวนท่าทีและอารมณ์อ่อนไหว

นางเริ่มหัวเราะเมื่ออายุได้หนึ่งเดือน มักจะชอบสนุกสนานอยู่ท่ามกลางผู้คน เมื่อคนอื่นล้อเลียนก็มักจะหัวเราะคิกคัก

เมื่ออวิ๋นหลิงขึ้นเป็นพระชายารัชทายาทนั้นงานยุ่งรัดตัว จึงลืมมาดูแลเด็กสองพี่น้องเพราะติดหน้าที่ราชการ

หลังจากการทำงานหนักในช่วงแรก ทุกอย่างได้วางรากฐานดีและมั่นคงแล้ว บัดนี้สถานการณ์ภายในราชสำนักก็เริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้นเรื่อยๆ

นางค่อยๆ เริ่มมีเวลาว่าง จึงเจียดเวลามาอยู่กับลูกๆ โดยไม่รู้ตัวมากขึ้น

ยังคงจำเป็นต้องปรับปรุงระดับการแพทย์ของบรรดาชาวบ้านในยุคสมัยนี้ ใช้ยามาแก้ไขปัญหาขั้นพื้นฐานจึงจะถูก

ตอนนี้ในมืออวิ๋นหลิงมีสมุนไพรหายากมากมายในคลังอยู่แล้ว ทำให้โรคที่รักษายากจำนวนมากไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

แต่โรคหลายๆ โรคถือเป็นโรคที่รักษายากของคนในยุคนี้ ทว่านางรู้สึกว่าโรคเหล่านี้ไม่ใช่โรคร้ายแรงอะไร แต่ระดับการรักษาพยาบาลโดยรวมยังไม่ดีนัก

ยังมีพื้นที่อีกมากให้วิจัยและพัฒนายาสมุนไพรหายาก น่าเสียดายที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีล้าหลังและขาดอุปกรณ์ทางการแพทย์ขั้นสูง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเพิ่มสรรพคุณยาได้สูงสุด นี่คือสิ่งที่อวิ๋นหลิงรู้สึกเสียใจมาโดยตลอด

หลังจากแนะนำให้เซียงถวนใช้พลังจิตตลอดทั้งเช้า เซียวปี้เฉิงก็กลับมาจากประชุมราชกิจในมื้อกลางวัน

“ข้าได้ให้คนส่งโม่อี้ซือออกจากวังแล้ว อีกสองวันจะมีการขนย้ายเสบียงผ่านไปยังเซียงโจวพอดี เมื่อถึงเวลาจะให้ขุนนางระดับล่างพานางไปด้วย สำหรับที่พำนักสุดท้ายนั้นไม่ได้อยู่ที่เมืองเซียงหยาง แต่อยู่ที่เมืองเล็กๆ ใกล้กับตอนกลางและตอนเหนือของเซียงโจว ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีการรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุดในเซียงโจว”

ถึงอย่างไรเมืองเซียงโจวก็เป็นสถานที่ที่อ๋องไหวเซียงเคยเลี้ยงดูทหารส่วนตัว และยังมีกองกำลังที่เหลืออยู่ซุกซ่อนอยู่ที่นั่น ยามนี้มีอันตรายล้อมรอบ

เซียวปี้เฉิงส่งโม่อี้ซือไปยังเมืองเล็กๆ ที่สงบซึ่งห่างไกลจากเมืองหลักเซียงโจว ถือว่าเมตตามากที่สุดแล้ว

ส่วนอีกฝ่ายจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไรในอนาคตนั้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขา

อวิ๋นหลิงพยักหน้า ไม่สนใจเรื่องของโม่อี้ซือมากนัก “แล้วทางเสด็จพ่อของท่าน เขาวางแผนจะออกสมรสพระราชทานให้เมื่อใด”

“เมื่อวานพี่ใหญ่พอฟื้นก็กลับไปแล้ว เขากลัวหรงฉานจะกังวลจึงไม่ได้อยู่ในวัง ข้าคิดว่าเสด็จพ่อกำลังคิดว่าจะอธิบายเรื่องนี้ให้เขาฟังอย่างไร”

อย่างไรเสีย เมื่อพูดถึงการแต่งชายารองก่อนหน้านี้ รุ่ยอ๋องก็มีท่าทีต่อต้านยิ่งนัก

ทั้งคู่สามีภรรยามองหน้ากัน พวกเขาไม่ได้วางแผนจะลงมืออะไรง่ายๆ ในครั้งนี้ ดังนั้นจึงสังเกตสถานการณ์อย่างเงียบๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ