จักรพรรดิจาวเหรินล้มป่วยอีกครั้ง ไม่ได้ออกว่าราชการเป็นเวลาสามวันติดต่อกัน
เนื่องด้วยมารยาท อวิ๋นหลิงจึงไปพระที่นั่งบำรุงฤทัยเพื่อตรวจสอบชีพจร แล้วพบว่าเขาไม่ได้ป่วยเลย
“เขาสุขภาพดี มีชีวิตอยู่ถึงเจ็ดสิบแปดสิบปีได้อย่างแน่นอน ต่อให้ใบหน้าจะบึ้งตึงทั้งวัน แต่แค่ดูแวบแรกก็รู้แล้วว่ากำลังโกรธรุ่ยอ๋อง ดูเขาทำสิ แก่ปูนนี้แล้ว แต่ทำไมยิ่งอายุมากก็ยิ่งทำตัวกลับตาลปัตร ทำอะไรแบบเด็กๆ อย่างอดอาหาร”
สองวันนี้ห้องเครื่องหลวงต้องใช้สมองขบคิดทำอาหารให้ถูกปากเขา เปลี่ยนรูปแบบอาหารและปรุงให้อร่อยเลิศรสส่งไปให้เขา เขาไม่ได้ขยับตะเกียบด้วยซ้ำ เป็นแบบนี้มาหลายมื้อติดต่อกันแล้ว
องค์ชายตำหนักต่างๆ ล้วนพากันเข้าวังมาเยี่ยมเยียน มีเพียงรุ่ยอ๋องที่ไม่ปรากฏตัวเลย คนอื่นๆ ทั้งเกลี้ยกล่อมและพูดโน้มน้าวใจ ก็ไม่มีใครตะล่อมได้ผลเลย
“ปกติแล้วเขาจะเชื่อฟังเหมือนหลานชายเมื่ออยู่ต่อหน้าพระเจ้าหลวง แต่พอถูกลูกชายหัวแก้วหัวแหวนดุว่าก็ตัดใจด่ากลับไม่ได้ เขาก็รู้ตัวว่าทรมานผู้คนข้างกาย สงสัยชาติที่แล้วคงจะติดหนี้เขาจริงๆ!”
แม้ว่าเยียนอ๋องและคนอื่นๆ จะเกิดในราชวงศ์ ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและเสื้อผ้า แต่การมีพ่อเช่นนี้ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นบุญหรือบาป
อวิ๋นหลิงบ่นตัดพ้อจักรพรรดิจาวเหรินอย่างรุนแรง “เขาอายุห้าสิบปีแล้ว แต่นิสัยดูไม่เป็นผู้ใหญ่ที่น่าเชื่อถือเลย”
เซียวปี้เฉิงกำลังจัดการกับงานราชการบนโต๊ะอย่างยอมรับชะตากรรม เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้น
เมื่อก่อนในฐานะลูกชาย เขามีสัญชาตญาณชื่นชมและเคารพบิดาที่เป็นฮ่องเต้ของประเทศ แต่หลังจากที่แต่งงานแล้ว เขาก็มีความเป็นผู้ใหญ่และมั่นคงมากขึ้น ความคิดแตกต่างไปจากสมัยเยาว์วัย เขาก็ค่อยๆ เริ่มเข้าใจธรรมชาติที่แท้จริงของอีกฝ่าย
เขาวางพู่กันลง ขยับข้อมือแล้วยิ้ม “เจ้าพูดถูก เสด็จพ่อก็เหมือนเฒ่าทารก”
“ข้ากลับคิดว่าการที่เขาควบคุมพี่ใหญ่นั้นสมเหตุสมผล เพราะเขาไม่เคยเรียนรู้วิธีการเป็นพ่อเลย แค่เลียนแบบเสด็จปู่ไปอย่างส่งเดชเท่านั้นเอง บางทีแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้เรื่องนี้”
“ในฐานะลูกชายของเสด็จปู่ เสด็จพ่อยังเป็นลูกคนเล็กในบรรดาพี่น้องอีกด้วย อันที่จริงเสด็จปู่ค่อนข้างชอบเขามากกว่าคนอื่นๆ แต่ความชอบเช่นนั้นแตกต่างจากที่เขาชอบพี่ใหญ่”
“ความชอบที่เสด็จปู่มีต่อเสด็จพ่อนั้น เป็นไปเพื่อประโยชน์ของเขาเองจริงๆ บังคับให้เขาขยันหมั่นเพียรเรียนหนังสือ เรียนรู้ที่จะเป็นฮ่องเต้ สอนให้เขาใจกว้างและมีเมตตา ทั้งยังสนับสนุนให้เขานั่งบัลลังก์โดยทำทุกวิถีทาง ยินดีรอจนกว่าเขาจะแข็งแกร่งแล้วสละราชบัลลังก์ให้แต่เนิ่นๆ จากนั้นก็ยังสนับสนุนให้เขาสั่งสมชื่อเสียงและบารมีอยู่เบื้องหลัง”
พระเจ้าหลวงสถาปนาตนเองเป็นฮ่องเต้อย่างเป็นทางการเมื่อวัยสามสิบหกปี แต่ครองราชย์ได้เพียงยี่สิบปีก็สละราชสมบัติ ขณะนั้นเขามีอายุเพียงห้าสิบปีกว่าๆ สภาพร่างกายยังสามารถควบคุมราชสำนักได้อย่างเต็มที่ถึงสิบปี
แต่เขาตัดสินใจส่งต่อบัลลังก์ให้กับจักรพรรดิจาวเหรินโดยกลัวว่าอำนาจของกลุ่มตระกูลขุนนางในราชสำนักจะแข็งแกร่งขึ้น หากจักรพรรดิจาวเหรินขึ้นครองบัลลังก์ในเวลานั้น จะปราบปรามพวกเขาในฐานะฮ่องเต้องค์ใหม่ไม่ได้
นั่นเป็นเหตุผลที่สละราชสมบัติตั้งแต่เนิ่นๆ และอยู่เบื้องหลังแทน ทั้งยังให้คำแนะนำแก่จักรพรรดิจาวเหรินและช่วยให้เขาสร้างชื่อเสียงและบารมีโดยเร็วที่สุด
จักรพรรดิจาวเหรินมักจะคร่ำครวญถึงความยากลำบากเมื่อเขายังเด็ก แต่หากไม่ได้พระเจ้าหลวงสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ชีวิตของเขาก็จะยิ่งน่าสังเวชมากกว่านี้
เซียวปี้เฉิงกล่าวอย่างใจเย็น “เสด็จพ่อเดิมทีเป็นลูกกตัญญู เชื่อฟังพ่อแม่และพี่ชายมาตั้งแต่เด็ก เขาขึ้นครองบัลลังก์เร็วมาก ในเวลานั้นยังไม่มีประสบการณ์ปกครองประเทศมากนัก เขาเป็นคนแรกที่สืบต่อบัลลังก์หลังจากยกเลิกระบบโอรสองค์โต ไม่มีความมั่นใจเพียงพอ ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับการเชื่อฟังความคิดเห็นของเสด็จปู่ไปเสียทุกเรื่อง”
“ชีวิตของเขาราบรื่น ล้วนเป็นเพราะมีเสด็จปู่อยู่เบื้องหน้า ช่วยปูทางให้เขาเดินตามรอยทีละก้าวๆ”
“คิดว่าเจ้าต้องพบว่าเสด็จพ่อไม่ค่อยฝ่าฝืนความประสงค์ของเสด็จปู่ นั่นเป็นเพราะเขาชินกับการถูกควบคุมและจัดการชีวิต และได้รับผลประโยชน์มากมาย ดังนั้นเมื่อปฏิบัติต่อพี่ใหญ่ เสด็จพ่อก็มักจะต้องการควบคุมเขาโดยไม่รู้ตัว ทำการตัดสินใจแทนเขา เพราะในจิตใต้สำนึกของเสด็จพ่อ นั่นเป็นเรื่องที่ดีสำหรับพี่ใหญ่”
เขาถอนหายใจ “หลิงเอ๋อร์ เจ้ารู้หรือไม่? ตอนแรกข้าอิจฉาพี่ใหญ่ จากนั้นก็ริษยาเขา ในที่สุดข้าก็เห็นใจเขา”
“ตอนเด็กๆ ข้าหวังเสมอว่าเสด็จพ่อจะมองข้าบ้าง แต่ไม่กล้าเพ้อฝันขอให้เขากอดข้า แม้ว่าเขาจะพูดจาดีๆ กับข้าสักสองสามคำ ข้าก็จะแอบไปดีใจอยู่หลายวัน”
“เมื่อโตขึ้น ข้าอดไม่ได้ที่จะอิจฉาพี่ใหญ่ที่แช่เซียวเหมือนกัน ข้าไม่มีอะไรเลย แต่เสด็จพ่อจะให้ทุกสิ่งที่ข้าต้องการกับเขา”
“ข้ารู้สึกเสียใจเพราะการกระทำที่ลำเอียงของเสด็จพ่อ แล้วแอบเกลียดพี่ใหญ่ ข้ามักจะคิดว่าถ้าเขาไม่ใช่คนจิตใจดีที่พยายามช่วยข้าถึงที่สุดเสมอเมื่อข้าถูกปรักปรำและลงโทษ ข้าอาจจะเกลียดเขาก็ได้”
“แต่สองปีมานี้ ข้าค่อยๆ พบว่าไม่มีพี่น้องในหมู่ของพวกเราคนใดรวมถึงพี่ใหญ่ด้วย ที่ได้รับความรักจากพ่อของเขาอย่างแท้จริง”
เพราะจักรพรรดิจาวเหรินไม่เคยเรียนรู้ความสามารถด้านนี้เลย
“สิ่งที่เขามอบให้พี่ใหญ่ แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่บรรดาพี่น้องของพวกเราต้องการ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่พี่ใหญ่คาดหวัง แต่กลับนำความเจ็บปวดและปัญหามาสู่เขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด”
“ตอนนี้ข้าจึงรู้สึกโล่งใจมาก ข้าไม่ได้คาดหวังอะไรกับเขา และไม่ได้บ่นตัดพ้อมากเกินไป”
ขณะที่เซียวปี้เฉิงกล่าว ก็มองผ่านหน้าต่างไปยังพี่น้องถวนจื่อที่กำลังนั่งยองๆ เล่นกับโคลนและมดอยู่บนพื้น ใบหน้าที่แข็งกร้าวก็อ่อนลง
“ความคิดเดียวของข้าคือการเรียนรู้เป็นพ่อที่ดีอย่างจริงจัง แล้วมอบความรักที่แท้จริงให้กับลูกๆ ของข้า”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...