เยี่ยนอ๋องกินอาหารจนเต็มท้อง นั่งโคลงเคลงอยู่บนรถไม้ครู่ใหญ่ พอกลับไปถึงจวนก็อาเจียนจนหน้ามืดตาลาย
ตี้หวู่เหยาพลางลูบหลังให้ พลางบ่นพึมพำ “นี่มันอะไรกัน ไหนบอกว่าเข้าวังไปเยี่ยมเสด็จพ่อมิใช่หรือ หรือว่าไปร่วมงานเลี้ยงอะไรมา”
นางคว้าเสื้อของเยี่ยนอ๋องขึ้นมาดม ไม่มีกลิ่นเหล้า
“ข้าไม่เป็นไร ก็แค่กินข้าวไปสามถ้วย กับข้าวสี่จาน ท้องอืดจนอาเจียนเท่านั้นเอง”
เยี่ยนอ๋องรับน้ำชาไปบ้วนปาก ผ่านไปครู่ใหญ่ก่อนจะรู้สึกว่ากระเพาะค่อยๆสบายขึ้นมาแล้ว สีหน้าก็กลับเป็นปกติ
เพื่อทำให้จักรพรรดิจาวเหรินหิว แม้แต่ข้าวในหม้อเขาก็ไม่เหลือให้สักเม็ด
หลังจากตี้หวู่เหยารู้ที่มาที่ไปของเรื่องราว ก็อดไม่ได้ที่จะบ่นเขา “โตป่านนี้แล้วยังทำเรื่องเหมือนเด็กๆอยู่ได้ เสด็จพ่อแกล้งอดอาหารไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองหิว กลับเป็นท่านที่ต้องการจะเอาชนะแต่ดันกระทบร่างกายตนเอง ช่างเป็นคนโง่จริงๆ”
เยี่ยนอ๋องนวดท้องพลางพึมพำ “ข้าทนดูเขาที่หาเรื่องอย่างไร้เหตุผลไม่ได้ พวกน้องห้าไม่กล้าล่วงเกิน แต่ข้าไม่มีทางตามใจเขา ถือเสียว่าช่วยเสด็จแม่ระบายความโกรธกับเรื่องที่ผ่านมาแล้วกัน”
ตี้หวู่เหยาถอนหายใจออกมา ส่ายหน้าเบาๆ “ดูพวกท่าน เป็นพ่อลูกกันอยู่ดีๆจะกลายเป็นศัตรูซะแล้ว”
เยี่ยนอ๋องสีหน้าเรียบเฉย “นั่นก็เป็นเพราะเสด็จพ่อไร้เหตุผล ดูอย่างพระราชวังที่ยิ่งใหญ่นี่ซิ ตอนนี้มีกี่คนกันที่ยินดีจะเข้าใกล้เขา”
“เขาไม่มีหน้าไปพบพี่รอง ทั้งยังไม่กล้าหาเรื่องพี่สาม ได้แต่พยายามหาเรื่องน้องห้าน้องหก อาศัยว่าพวกเขาสองคนเชื่อฟังกตัญญู แม้แต่พี่ใหญ่ที่นิสัยดีขนาดนั้น ครั้งนี้ยังดึงดันจะแตกคอกับเขา เห็นได้ชัดว่าเสด็จพ่อหมดทางเยียวยาแล้ว”
“ข้ากำลังเตือนเขา ถ้าขืนยังเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ช้าคนใกล้ชิดต้องพากันตีตัวออกห่างแน่ แม้ว่าตอนนี้ก็เกือบจะเป็นเช่นนั้นแล้วก็ตาม”
ตี้หวู่เหยานิ่งเงียบ นางเองก็รู้สึกว่าจักรพรรดิจาวเหรินทำตัวยากจะอธิบายได้ด้วยคำพูดเดียว
เป็นถึงจักรพรรดิ นิสัยของอีกฝ่ายที่จริงยากมากที่จะมีความใจกว้างและเมตตา ก็ไม่รู้ว่าทำไมจึงเดินมาถึงขั้นหัวเดียวกระเทียมลีบไปแล้ว
หวนนึกถึงตอนที่อยู่แคว้นตงฉู่ ถ้าหากเสด็จพ่อของนางป่วย พระสนมในวังหลังต่างก็แย่งชิงกันมาดูแลเฝ้าไข้ แต่แล้วครั้งนี้ข้างกายจักรพรรดิจาวเหรินกลับไม่มีผู้หญิงเลยแม้แต่คนเดียว
ตอนนี้พระสนมเหล่านั้นล้วนทำงานอยู่ในโรงเรียนอนุบาลหลวง ทำแต่งานของตนเองตั้งแต่เช้าจรดค่ำ หลังเลิกงานยังมักจะรวมตัวกันออกไปเดินเที่ยวและกินข้าวนอกวัง ค่ำแล้วจึงจะกลับวัง
แต่หลังจากที่รู้ว่าจักรพรรดิจาวเหรินป่วย เหล่าสนมต่างก็พร้อมใจกันทำงานล่วงเวลาติดต่อกันทั้งสองวัน อยู่ที่โรงเรียนอนุบาลหลวงจนถึงสองสามทุ่มกว่าจะกลับวัง
ยินดีที่จะทำงานมากขึ้นก็ไม่ยินดีจะมาเฝ้าไข้ในพระที่นั่งบำรุงฤทัย ตี้หวู่เหยารู้สึกจากใจลึกๆว่า พ่อสามีจักรพรรดิคนนี้ของนางไม่ว่าจะทำหน้าที่พ่อหรือสามี ล้วนล้มเหลวมาก
……
ในขณะเดียวกัน จักรพรรดิจาวเหรินผู้พ่ายแพ้ในชีวิตนั่งอยู่บนเตียงมังกร กำลังทรมานจากความหิว
จานเปล่าถูกเหล่าขันทีเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว มีเพียงกลิ่นหอมของอาหารที่ยังคงลอยอบอวลอยู่ในอากาศ ทำให้ความทรมานของเขายืดเยื้อออกไป
กวาดตามองรอบๆ บนเก้าอี้เตี้ยข้างเตียงมังกรเหลือของว่างจานหนึ่งวางอยู่ นั่นเป็นขนมที่องค์ชายหกวางเอาไว้
เนื่องจากถูกแจกันดอกไม้บังสายตาเอาไว้ จึงถูกเยี่ยนอ๋องละเลย กลายเป็น”ของที่หลุดรอด”จากสายตาเพียงจานเดียว
จักรพรรดิจาวเหรินแทบจะทนไม่ไหวอยากจะรีบหยิบขึ้นมากิน แต่แล้วสองสามีภรรยาอวิ๋นหลิงยังคงไม่จากไปไหน เขาถามด้วยสีหน้าบูดบึ้งว่า “กินจนอิ่มแล้ว พวกเจ้าสองคนยังจะอยู่ที่นี่อีกทำไม”
เซียวปี้เฉิงเอ่ยขึ้นว่า “อยากจะคุยเรื่องพี่ใหญ่กับเสด็จพ่อ ท่านกับเขาจะขัดแย้งกันต่อไปเช่นนี้ก็ไม่ใช่ทางแก้”
จักรพรรดิจาวเหรินเอ่ยอย่างปากแข็ง “เจ้าไม่ต้องมาขอร้อง เขาเข้าวังมาเยี่ยมข้าเมื่อไหร่ ข้าจึงจะกินข้าว”
แต่คืนวันเหล่านั้นอย่างน้อยก็ยังมีคนคอยอยู่เป็นเพื่อน ไหนเลยจะเงียบเหงาเหมือนตอนนี้ กลางคืนเวลานอนไม่หลับ เขาอยู่ในตำหนักคนเดียวนอกจากนั่งเหม่อแล้วก็ยังคงเป็นการนั่งเหม่อ
ตอนนี้องค์หญิงหกแต่งงานไปอยู่ที่ทูเจวีย ส่งจดหมายกลับมาเดือนละฉบับ แม้แต่รุ่ยอ๋องก็จะทอดทิ้งเขาเพื่อครอบครัวเล็กๆของตนเอง
......
สองสามีภรรยาเจ้าสามยุ่งกับงานราชการไม่ได้มาที่พระที่นั่งบำรุงฤทัยบ่อยๆ สองแม่ลูกลี่ผินที่อาศัยอยู่ในวังก็มีมารยาทมากจนห่างเหินกว่าการใกล้ชิด
ในพระราชวังที่กว้างใหญ่ คิดไม่ถึงว่าจะหาคนที่รู้ใจเพื่อพูดคุยไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว
จักรพรรดิจาวเหรินนั่งอยู่บนเตียงมังกรอย่างท้อแท้ รู้สึกเจ็บปวดในใจ ขอบตาชื้นขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
ที่ทำให้เขาเสียใจยิ่งกว่า คือตอนที่กำลังบอกเล่าถึงความเศร้าเสียใจของตนเอง สองสามีภรรยาตรงหน้าไม่เพียงแต่จะไม่ปลอบใจเขา อวิ๋นหลิงที่นั่งอยู่ข้างๆก็กินของว่างจานนั้นไปจนหมดแล้ว
มองจานที่เหลือแต่เศษขนมใบนั้น ชั่วขณะนั้นจักรพรรดิจาวเหรินอดไม่ได้ที่จะมีน้ำตาไหลพรากออกมา
เขามองอวิ๋นหลิงด้วยดวงตาที่อาบไปด้วยน้ำตา ร้องไห้โฮออกมา
“เจ้ากินข้าวอิ่มแล้วมิใช่หรือ ทำไมยังกินอีก ทำไมเจ้าจึงกินเก่งเช่นนี้”
กินขนมจนหมดแล้ว คืนนี้เขาจะกินอะไรเล่า
“ข้าก็แค่ปากว่างไม่ได้เท่านั้นเอง” อวิ๋นหลิงมองเขาอย่างผู้บริสุทธิ์ “ว่าแต่ท่านจะร้องไห้ทำไม คิดถึงรุ่ยอ๋องมากเกินไปใช่หรือไม่ ในเมื่อท่านไม่คิดจะบีบให้เขาแต่งงานกับเว่ยยิงแล้ว ข้าจะส่งคนไปส่งข่าวที่วัดหานซาน รับรองว่าพรุ่งนี้เขาต้องมาปรากฏตัวอยู่ที่พระที่นั่งบำรุงฤทัยแน่”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...