เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1086

เมื่อปัญหาคลี่คลายแล้ว แม้แต่อากาศก็สดใสขึ้น

ในที่สุดแสงแดดอันสดใสก็เพิ่มความอบอุ่นให้กับฤดูใบไม้ผลิอันหนาวเย็นนี้ ไม่มีฝนตกพรำอีกแล้ว

ตอนที่อวิ๋นหลิงกลับตำหนักบูรพา เซียวปี้เฉิงเพิ่งตรวจฎีกาในมือเสร็จพอดี

ตอนนี้สองสามีภรรยาแบ่งงานกันชัดเจน ขอเพียงไม่มีเรื่องยุ่งยากในราชสำนัก พวกเขาก็ทำงานเป็นกะ มีคนหนึ่งรับผิดชอบงานราชการหนึ่งวัน

เซียวปี้เฉิงเอ่ยถาม “เสด็จพ่อเป็นอย่างไรบ้าง”

“ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์ อาการป่วยของเขาหายดีมานานแล้ว แต่แค่ไม่อยากว่าราชการ ข้าคิดว่าครั้งนี้เขาไม่มีความต้องการอะไรจริงๆ เขาสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปหมดแล้ว”

หลังจากอวิ๋นหลิงว่าราชการช่วงเช้าเสร็จก็ไปตรวจอาการจักรพรรดิจาวเหรินที่พระที่นั่งบำรุงฤทัย

ผ่านไปเพียงครึ่งเดือน อีกฝ่ายรู้สึกแก่กว่าเมื่อก่อนมาก หน้าตาไม่เปลี่ยนไป แต่ความกระฉับกระเฉงไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน

เขาดูเหมือนไม่ได้ทำอะไรเลยทั้งวัน มีอาการหงอยเหงาเศร้าซึมของวัยไม้ใกล้ฝั่งล้อมรอบตัวเขา

นางคุ้นเคยกับความรู้สึกแบบนี้ เมื่อคนคนหนึ่งไม่มีความกระตือรือร้นในชีวิตหรือไม่มีความใฝ่ฝันและความรักแล้ว ก็จะเป็นเช่นนี้

“อย่างไรเสียข้าเดาว่าเขาคงอยากเกษียณก่อนกำหนด และไม่สนใจว่าพระเจ้าหลวงและบรรดาขุนนางเหล่านั้นจะคิดอย่างไรกับเขา”

เซียวปี้เฉิงหลุดหัวเราะกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้เสด็จพ่อควบคุมราชสำนักอย่างแข็งขัน จัดการกับเรื่องราวของตระกูลลู่และเซียงโจว เวลานั้นเขาไม่ต้องการสละราชสมบัติก่อนกำหนดเพราะเรื่องของพี่ใหญ่ยังไม่คลี่คลาย เขาก็กังวล บัดนี้พี่ใหญ่และหรงฉานคืนดีกันแล้ว เขาก็รู้สึกว่าไม่มีความหวังอะไร”

สำหรับเรื่องที่ว่าช่วงนี้จักรพรรดิจาวเหรินลาป่วยอยู่นั้น พวกเขาก็ไม่ได้สนใจ

สองสามีภรรยาพูดคุยกันสักพัก จนกระทั่งหลังอาหารกลางวัน พระเจ้าหลวงที่ไม่ได้พบกันมานานก็เสด็จเข้ามาในตำหนัก

เขาสวมเสื้อคลุมสีเทาหยาบ เหมือนเพิ่งกลับจากไปเที่ยวนอกวังในตอนเช้า เขาดูเบิกบานแจ่มใส

ทำให้อวิ๋นหลิงนึกถึงบรรดาชายวัยเกษียณอายุในชุมชนยุคใหม่ แต่ละคนดูกระปรี้กระเปร่ามากกว่าชายหนุ่มในวัยยี่สิบสามสิบปีด้วยซ้ำ

หลังจากสะสางเรื่องของตระกูลยินและตระกูลลู่แล้ว ตอนนี้ตาแก่น้อยก็ไม่ถามเรื่องของราชวงศ์ก่อนหน้านี้เลย แม้ว่าคราวนี้จักรพรรดิจาวเหรินจะทำตัวก่อปัญหา แต่เขาก็ไม่ได้ปรากฏตัวหรือตำหนิเลย

ไม่รู้ว่าเขาผิดหวังกับจักรพรรดิจาวเหรินหรือไม่ก็รู้สึกว่าไม่สลักสำคัญอีกต่อไปแล้ว

แต่อวิ๋นหลิงรู้สึกว่าเป็นทั้งสองอย่าง

นางยิ้มตาหยีพร้อมกับพูดว่า “ลมอะไรหอบท่านมาที่นี่”

พระเจ้าหลวงหยิบกล้องยาสูบมาพ่นควันทีหนึ่ง แล้วเรียกทั้งสองให้นั่งข้างๆ “วันนี้จะมาคุยกับพวกเจ้าสองสามีภรรยาสักหน่อย”

ทันทีที่เห็นเขาสูบบุหรี่ ก็รู้ว่าจะต้องพูดเรื่องใหญ่อะไรสักอย่าง

อวิ๋นหลิงและเซียวปี้เฉิงมองหน้ากัน แล้วนั่งลงข้างๆ เขา คนหนึ่งอยู่ทางซ้ายอีกคนอยู่ทางขวา

“ท่านจะพูดอะไร หรือว่าเป็นเรื่องการขาดแคลนอาหารในช่วงนี้?”

พระเจ้าหลวงโบกมือ “พวกเจ้าแก้ปัญหานี้ได้ดี ข้าไม่ได้กังวลเรื่องนี้ด้วยซ้ำ ที่ข้ามาหาพวกเจ้าครั้งนี้ จะพูดคุยเกี่ยวกับการขึ้นครองบัลลังก์ของเจ้าสาม”

“ขึ้นครองบัลลังก์?” เซียวปี้เฉิงตะลึงงัน พูดด้วยความประหลาดใจ “ก่อนหน้านี้ท่านไม่ได้บอกว่าจะรออีกสามปีหรอกหรือ”

“ใช่ เดิมทีกะจะรอจนกว่านักเรียนอย่างน้อยสามกลุ่มจบจากสำนักศึกษาชิงอี้ก่อน แล้วค่อยให้เจ้าเก้าเปิดทางให้เจ้า แต่ข้าว่าไม่ต้องรอนานขนาดนั้น”

พระเจ้าหลวงพูดถึงตรงนี้ ก็ถอนหายใจยาว พร้อมกับแสดงสีหน้าสิ้นหวังที่หาได้ยากนัก

“ตอนนี้พวกเจ้าก็เห็นแล้วว่าสภาพเขาเป็นอย่างไร ถ้าจะให้ข้าพูด เขาไม่เก่งเหมือนเมื่อก่อน ตอนนั้นแม้ว่าเขาจะทำผิด แต่อย่างน้อยก็ยังมีกะจิตกะใจไปว่าราชการ”

เขาพูดยิ้มๆ อย่างจริงจัง “หลานจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน และจะไม่ทำให้ทุกคนในใต้หล้าผิดหวังด้วย”

“ดี! เช่นนั้นข้าจะรอดู!”

พระเจ้าหลวงยิ้มไม่หุบ เรื่องการขึ้นครองบัลลังก์ก็กำหนดไว้เพียงเท่านี้ก่อนชั่วคราว

ยังไม่ถึงเวลาประกาศต่อราชสำนัก แต่ก็ควรเตรียมการโดยเร็วที่สุด

ถึงอย่างไรการขึ้นครองบัลลังก์ของฮ่องเต้องค์ใหม่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ไม่สามารถเตรียมการได้เรียบร้อยในชั่วข้ามคืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่สงบสุขและเจริญรุ่งเรืองเช่นนี้ ไม่อาจสะเพร่าละเลยพิธีการต่างๆ จะต้องเริ่มซ่อมแซมพระราชวังล่วงหน้าครึ่งปี

ให้เวลาแต่ละตำหนักและหกกรมหนึ่งปีเพื่อเตรียมความพร้อมอย่างเหมาะสม

หลังจากที่พระเจ้าหลวงออกไป อวิ๋นหลิงก็ตัดสินใจแจ้งกงจื่อโยวทันที ขอให้เขาช่วยสั่งเตียงมังกรใหม่หนึ่งหลัง

แค่ไม่อยากนอนเตียงเดียวกับจักรพรรดิจาวเหริน

ในฐานะรัชทายาทที่กำลังจะขึ้นครองบัลลังก์ ในใจเซียวปี้เฉิงไม่ได้รู้สึกยินดีมากนัก “เฮ้อ ดูท่าท้องพระคลังจะต้องใช้เงินจำนวนมากอีกแล้ว ไม่รู้ว่าการขาดแคลนอาหารในปีนี้จะอยู่ยาวนานแค่ไหน”

“หากส่งผลกระทบสามถึงห้าปี เงินออมที่พวกเราประหยัดในสองปีนี้จะถูกใช้ไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง”

การขาดแคลนอาหารในครั้งนี้ไม่ใช่ปัญหายาก เมื่อฤดูหนาวปีที่แล้วมีหิมะตกผิดปกติ หกกรมได้จัดการไปทีละขั้นตอนแล้ว

แต่ที่ทำให้ปวดหัวจริงๆ เป็นเพราะต้องนำเข้าอาหารจากภายนอก

สถานการณ์ปัจจุบันในแคว้นเป่ยฉินนั้นดูย่ำแย่กว่าการค้าขายในแคว้นตงฉู่ที่ได้รับการพัฒนา แต่การเกษตรยังพอทำเนา

ในช่วงปีแรกๆ แคว้นต้าโจวซื้อข้าวผ่านทางแคว้นถังใต้ แต่ตอนนี้แคว้นถังใต้กำลังเผชิญความขัดแย้งภายใน เซียวปี้เฉิงกล้ามั่นใจว่าขอเพียงเขาเอ่ยปาก จะต้องถูกปล้นเงินแน่นอน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ