เมื่อปัญหาคลี่คลายแล้ว แม้แต่อากาศก็สดใสขึ้น
ในที่สุดแสงแดดอันสดใสก็เพิ่มความอบอุ่นให้กับฤดูใบไม้ผลิอันหนาวเย็นนี้ ไม่มีฝนตกพรำอีกแล้ว
ตอนที่อวิ๋นหลิงกลับตำหนักบูรพา เซียวปี้เฉิงเพิ่งตรวจฎีกาในมือเสร็จพอดี
ตอนนี้สองสามีภรรยาแบ่งงานกันชัดเจน ขอเพียงไม่มีเรื่องยุ่งยากในราชสำนัก พวกเขาก็ทำงานเป็นกะ มีคนหนึ่งรับผิดชอบงานราชการหนึ่งวัน
เซียวปี้เฉิงเอ่ยถาม “เสด็จพ่อเป็นอย่างไรบ้าง”
“ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์ อาการป่วยของเขาหายดีมานานแล้ว แต่แค่ไม่อยากว่าราชการ ข้าคิดว่าครั้งนี้เขาไม่มีความต้องการอะไรจริงๆ เขาสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปหมดแล้ว”
หลังจากอวิ๋นหลิงว่าราชการช่วงเช้าเสร็จก็ไปตรวจอาการจักรพรรดิจาวเหรินที่พระที่นั่งบำรุงฤทัย
ผ่านไปเพียงครึ่งเดือน อีกฝ่ายรู้สึกแก่กว่าเมื่อก่อนมาก หน้าตาไม่เปลี่ยนไป แต่ความกระฉับกระเฉงไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน
เขาดูเหมือนไม่ได้ทำอะไรเลยทั้งวัน มีอาการหงอยเหงาเศร้าซึมของวัยไม้ใกล้ฝั่งล้อมรอบตัวเขา
นางคุ้นเคยกับความรู้สึกแบบนี้ เมื่อคนคนหนึ่งไม่มีความกระตือรือร้นในชีวิตหรือไม่มีความใฝ่ฝันและความรักแล้ว ก็จะเป็นเช่นนี้
“อย่างไรเสียข้าเดาว่าเขาคงอยากเกษียณก่อนกำหนด และไม่สนใจว่าพระเจ้าหลวงและบรรดาขุนนางเหล่านั้นจะคิดอย่างไรกับเขา”
เซียวปี้เฉิงหลุดหัวเราะกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้เสด็จพ่อควบคุมราชสำนักอย่างแข็งขัน จัดการกับเรื่องราวของตระกูลลู่และเซียงโจว เวลานั้นเขาไม่ต้องการสละราชสมบัติก่อนกำหนดเพราะเรื่องของพี่ใหญ่ยังไม่คลี่คลาย เขาก็กังวล บัดนี้พี่ใหญ่และหรงฉานคืนดีกันแล้ว เขาก็รู้สึกว่าไม่มีความหวังอะไร”
สำหรับเรื่องที่ว่าช่วงนี้จักรพรรดิจาวเหรินลาป่วยอยู่นั้น พวกเขาก็ไม่ได้สนใจ
สองสามีภรรยาพูดคุยกันสักพัก จนกระทั่งหลังอาหารกลางวัน พระเจ้าหลวงที่ไม่ได้พบกันมานานก็เสด็จเข้ามาในตำหนัก
เขาสวมเสื้อคลุมสีเทาหยาบ เหมือนเพิ่งกลับจากไปเที่ยวนอกวังในตอนเช้า เขาดูเบิกบานแจ่มใส
ทำให้อวิ๋นหลิงนึกถึงบรรดาชายวัยเกษียณอายุในชุมชนยุคใหม่ แต่ละคนดูกระปรี้กระเปร่ามากกว่าชายหนุ่มในวัยยี่สิบสามสิบปีด้วยซ้ำ
หลังจากสะสางเรื่องของตระกูลยินและตระกูลลู่แล้ว ตอนนี้ตาแก่น้อยก็ไม่ถามเรื่องของราชวงศ์ก่อนหน้านี้เลย แม้ว่าคราวนี้จักรพรรดิจาวเหรินจะทำตัวก่อปัญหา แต่เขาก็ไม่ได้ปรากฏตัวหรือตำหนิเลย
ไม่รู้ว่าเขาผิดหวังกับจักรพรรดิจาวเหรินหรือไม่ก็รู้สึกว่าไม่สลักสำคัญอีกต่อไปแล้ว
แต่อวิ๋นหลิงรู้สึกว่าเป็นทั้งสองอย่าง
นางยิ้มตาหยีพร้อมกับพูดว่า “ลมอะไรหอบท่านมาที่นี่”
พระเจ้าหลวงหยิบกล้องยาสูบมาพ่นควันทีหนึ่ง แล้วเรียกทั้งสองให้นั่งข้างๆ “วันนี้จะมาคุยกับพวกเจ้าสองสามีภรรยาสักหน่อย”
ทันทีที่เห็นเขาสูบบุหรี่ ก็รู้ว่าจะต้องพูดเรื่องใหญ่อะไรสักอย่าง
อวิ๋นหลิงและเซียวปี้เฉิงมองหน้ากัน แล้วนั่งลงข้างๆ เขา คนหนึ่งอยู่ทางซ้ายอีกคนอยู่ทางขวา
“ท่านจะพูดอะไร หรือว่าเป็นเรื่องการขาดแคลนอาหารในช่วงนี้?”
พระเจ้าหลวงโบกมือ “พวกเจ้าแก้ปัญหานี้ได้ดี ข้าไม่ได้กังวลเรื่องนี้ด้วยซ้ำ ที่ข้ามาหาพวกเจ้าครั้งนี้ จะพูดคุยเกี่ยวกับการขึ้นครองบัลลังก์ของเจ้าสาม”
“ขึ้นครองบัลลังก์?” เซียวปี้เฉิงตะลึงงัน พูดด้วยความประหลาดใจ “ก่อนหน้านี้ท่านไม่ได้บอกว่าจะรออีกสามปีหรอกหรือ”
“ใช่ เดิมทีกะจะรอจนกว่านักเรียนอย่างน้อยสามกลุ่มจบจากสำนักศึกษาชิงอี้ก่อน แล้วค่อยให้เจ้าเก้าเปิดทางให้เจ้า แต่ข้าว่าไม่ต้องรอนานขนาดนั้น”
พระเจ้าหลวงพูดถึงตรงนี้ ก็ถอนหายใจยาว พร้อมกับแสดงสีหน้าสิ้นหวังที่หาได้ยากนัก
“ตอนนี้พวกเจ้าก็เห็นแล้วว่าสภาพเขาเป็นอย่างไร ถ้าจะให้ข้าพูด เขาไม่เก่งเหมือนเมื่อก่อน ตอนนั้นแม้ว่าเขาจะทำผิด แต่อย่างน้อยก็ยังมีกะจิตกะใจไปว่าราชการ”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......