เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1091

หลังจากการประชุมจบลง เสวียนจีเดินกลับไปที่ห้องอย่างร่าเริง ฮัมเพลงพลางกระโดดโลดเต้นไปมา

เฟิ่งเหมียนเดินตามนางมาอย่างเงียบ ๆ อารมณ์ตรงกันข้ามโดยชิ้นเชิง

ท่าทางของเฟิ่งเหมียนทำให้เสวียนจีรู้สึกแปลกใจ นางถามย้ำขึ้นมาว่า “นกโง่ พวกเรากลับไปยังโลกเดิมได้แล้วนะ!”

“อืม”

“เรากลับไปยังโลกเดิมของเราได้แล้วนะ ท่านไม่ดีใจหรือไง!”

เสวียนจีรู้สึกงงงวย ชายชราผู้นี้ควบคุมอารมณ์เก่งจริงๆ แม้จะได้ยินเรื่องที่น่าตกตะลึงถึงเพียงนี้ แต่กลับสามารถสงบสติอารมณ์เอาไว้ได้

“ท่านไม่ตื่นเต้นบ้างเลยหรือไง”

เฟิ่งเหมียนตอบกลับเหม่อลอย ก่อนจะถามขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “เจ้าคิดจะกลับไปนานขนาดไหน”

เสวียนจีตอบอย่างไม่ลังเล “แน่นอนต้องอยู่ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้อยู่แล้ว ข้าขอเล่นให้หนำใจก่อนก็แล้วกัน”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น อารมณ์ของเฟิ่งเหมียนก็ยิ่งหม่นหมองลง

นางเด็กคนนี้เป็นคนรักสนุก นางชอบบ่นให้เขาฟังว่าโลกใบนี้ไม่ล้าสมัยเกินไป ชีวิตของนางจึงมีแต่ความน่าเบื่อ

ทว่าโลกอีกใบหนึ่งที่นางเคยกล่าวถึงนั้นฟังดูน่าสนใจอย่างมาก นางคงไม่อยากอยู่ที่นี่เป็นแน่

วันหนึ่งนางจะติดใจโลกใบนั้น จนไม่กลับมาหรือเปล่านะ

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หัวใจของเฟิ่งเหมียนก็เต้นถี่ระรัว เขาอดถามออกมาไม่ได้ว่า “เจ้าเพิ่งรับศิษย์มาไม่ใช่หรือ เจ้าจะทิ้งเฟิงอู๋จีให้อยู่ตามลำพังจริงๆหรือ”

“จะพูดเช่นนั้นก็ไม่ถูก ไม่ใช่ว่าข้าจะไม่กลับมาเสียหน่อย ก็แค่ไปเที่ยวพักผ่อนเท่านั้น” เสวียนจีมองเขาด้วยความงุนงง “อีกอย่าง หากข้าสามารถกลับไปที่นั่นได้ล่ะก็ การสั่งสอนศิษย์ก็จะยิ่งสะดวกมากขึ้น”

แม้ว่านางจะเป็นคนรักสนุก ทว่าหัวใจของนางก็ยังอยู่กับอวิ๋นหลิงและคนอื่น ๆ เสมอ นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

เช่นเดียวกับที่อวิ๋นหลิงมุ่งมั่นแก้ปัญหาภัยพิบัติอาหาร นางเองก็มีเหตุผลและความรับผิดชอบที่จะต้องกลับไป นั่นก็คือการใช้โลกอีกใบเพื่อทำให้โลกใบนี้ดีขึ้น

เสวียนจีไม่เคยลืมภารกิจที่ท่านพ่อหวู๋ซินมอบให้พวกนาง

เฟิ่งเหมียนถอนหายใจเบาๆ ด้วยความโล่งอก พลางพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้ว เจ้าเป็นอาจารย์แล้ว ควรมีความรับผิดชอบต่อศิษย์ของตนเอง เจ้าไม่สามารถละทิ้งศิษย์ของตนเองได้”

เขาไม่เคยรู้สึกขอบคุณเฟิงอู๋จีเท่านี้มาก่อน หากไม่ใช่เพราะมีภาระหน้าที่ ไม่แน่ว่านางเด็กนี่อาจจะอยู่ที่โลกอีกใบเป็นปีๆ ก็เป็นได้

เสวียนจีเชิดค้างขึ้นพลางพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “มันแน่นอนอยู่แล้ว ข้าคืออาจารย์ที่ดีที่สุดในโลก! วันหนึ่งจีเอ๋อร์จะได้รู้ว่าการมีอัจฉริยะที่ทั้งงดงามและไร้เทียมทานอย่างข้าเป็นอาจารย์นั้นโชคดีถึงเพียงใด!”

“หากเป็นไปได้ ข้าอยากพาเขาไปที่นั่นเพื่อฝึกฝนให้เสียหน่อย ด้วยพรสวรรค์ของเขา จะต้องได้ผลงานวิจัยที่สุดยอดออกมาแน่นอน!”

แม้ว่าจะเคยคิดถึงเรื่องนี้อยู่บ้าง แต่เสวียนจีก็ยังคงระมัดระวัง เพราะเรื่องนี้คือความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกนาง

นางเด็กคนนี้อยากพาเฟิงอู๋จีไปที่โลกนั้นจริงๆ ด้วย !

ใบหน้าของเฟิ่งเหมียนแข็งทื่อ จู่ๆ เขาก็รู้สึกเกลียดขี้หน้าเฟิงอู๋จีขึ้นมา

เสวียนจีรู้สึกว่าอุณหภูมิรอบตัวนางลดลงอย่างฉับพลัน สีหน้าของเฟิ่งเหมียนเย็นชาราวกับหิมะบนเทือกเขา ทั้งเยือกเย็นและโดดเดี่ยว

นางพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ว่า “นี่ ! ข้ายอมรับว่าก่อนหน้านี้เคยทำให้ท่านขุ่นเคืองใจ แต่นี่มันก็ผ่านมาครึ่งเดือนแล้วนะ ไม่เห็นต้องโกรธกันขนาดนั้นเลย”

สีหน้าของเฟิ่งเหมียนแข็งค้าง แก้มเริ่มแดงก่ำ ความรู้สึกเขินอายทำให้ท่าทีของเขาดูเก้ ๆ กัง ๆ

เมื่อยืนอยู่ต่อหน้านาง ทั้งร่างของเขาก็ตึงเครียดราวกับเป็นประติมากรรมน้ำแข็ง

แม้เขาจะไม่ค่อยสนใจเรื่องความสัมพันธ์ชายหญิงเท่าใดนัก แต่เขาก็รู้ว่าร่างกายของตนเองแตกต่างจากคนอื่น ๆ เล็กน้อย เมื่อตอนยังเยาว์วัย เขาก็เคยรู้สึกหนักใจกับเรื่องนี้อยู่บ้าง

ดังนั้นตอนที่เสวียนจีถาม เขาจึงรู้สึกเขินอายเกินกว่าจะพูดออกมา

แต่เมื่อเสวียนจีมองข้อมูลในแบบฟอร์ม นางก็ชะงักไปชั่วครู่ ตาจับจ้องไปยังเฟิ่งเหมียน หลังจากเงียบอยู่นาน สุดท้ายนางก็พูดออกมาหนึ่งประโยค

"อันที่จริง ถ้าท่านไม่อยากให้ข้อมูลก็ไม่เป็นไร แต่ไม่จำเป็นต้องใส่ข้อมูลเกินจริงขนาดนี้มาก็ได้ ถ้าจะแต่งเรื่องจริงๆ ก็ควรเขียนขนาดที่มันสมเหตุสมผลกว่านี้หน่อยสิ"

นางสงสัยว่าตัวเองอาจจะเผลอทำร้ายความภาคภูมิใจในฐานะผู้ชายของเฟิ่งเหมียนเข้า ทำให้เขาตั้งใจใส่ตัวเลขที่ผิดปกตินี้มา

พอเฟิ่งเหมียนได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าก็มืดลงในทันที ก่อนจะหันหลังเดินจากไป ถึงขั้นไม่พูดคุยกับนางอยู่หลายวัน

เสวียนจีไม่เคยเห็นเฟิ่งเหมียนโกรธมากขนาดนี้มาก่อน นางจึงรีบขอโทษทันทีเพราะกลัวว่าหุ้นส่วนของตัวเองจะตัดความสัมพันธ์

"อย่าโกรธข้าเลยนะ ข้าผิดเองที่พูดโดยไม่ทันคิด ที่ข้าทำแบบนี้ ก็เพราะการวิจัยเท่านั้น ไม่ได้ต้องการจะล่วงเกินท่าน!"

นางพูดโน้มน้าวอยู่หลายวัน กว่าเฟิ่งเหมียนจะหายโกรธ

ถึงแม้ต่อหน้า เสวียนจีจะยิ้มขอโทษ แต่ลับหลัง นางกลับขีดฆ่าข้อมูลนั้นออกไป

ขนาดที่ไม่ผิดปกติเช่นนี้ ไม่ว่าข้อมูลที่เฟิ่งเหมียนเขียนจะเกินจริงหรือไม่ ต่อให้เป็นเรื่องจริง นางก็ไม่คิดที่จะผลิต "ร่มน้อย" รุ่นพิเศษสำหรับขนาดนี้อยู่ดี

มันเป็นขนาดที่ใหญ่กว่ารุ่นพิเศษไปอีกขั้นหนึ่ง หากผลิตจริงๆล่ะก็ คงจะใช้วัสดุไม่น้อยเลย

ต้องเข้าใจก่อนว่า "ร่มน้อย" แต่ละขนาดนั้นราคาเท่ากัน ขนาดพิเศษเช่นนี้ไม่เพียงใช้วัสดุมากกว่า แต่คนที่ต้องการขนาดนี้ก็หาได้ยากเช่นกัน หากผลิตก็มีแต่จะขาดทุนเปล่าๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ