หลังจากการประชุมจบลง เสวียนจีเดินกลับไปที่ห้องอย่างร่าเริง ฮัมเพลงพลางกระโดดโลดเต้นไปมา
เฟิ่งเหมียนเดินตามนางมาอย่างเงียบ ๆ อารมณ์ตรงกันข้ามโดยชิ้นเชิง
ท่าทางของเฟิ่งเหมียนทำให้เสวียนจีรู้สึกแปลกใจ นางถามย้ำขึ้นมาว่า “นกโง่ พวกเรากลับไปยังโลกเดิมได้แล้วนะ!”
“อืม”
“เรากลับไปยังโลกเดิมของเราได้แล้วนะ ท่านไม่ดีใจหรือไง!”
เสวียนจีรู้สึกงงงวย ชายชราผู้นี้ควบคุมอารมณ์เก่งจริงๆ แม้จะได้ยินเรื่องที่น่าตกตะลึงถึงเพียงนี้ แต่กลับสามารถสงบสติอารมณ์เอาไว้ได้
“ท่านไม่ตื่นเต้นบ้างเลยหรือไง”
เฟิ่งเหมียนตอบกลับเหม่อลอย ก่อนจะถามขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “เจ้าคิดจะกลับไปนานขนาดไหน”
เสวียนจีตอบอย่างไม่ลังเล “แน่นอนต้องอยู่ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้อยู่แล้ว ข้าขอเล่นให้หนำใจก่อนก็แล้วกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น อารมณ์ของเฟิ่งเหมียนก็ยิ่งหม่นหมองลง
นางเด็กคนนี้เป็นคนรักสนุก นางชอบบ่นให้เขาฟังว่าโลกใบนี้ไม่ล้าสมัยเกินไป ชีวิตของนางจึงมีแต่ความน่าเบื่อ
ทว่าโลกอีกใบหนึ่งที่นางเคยกล่าวถึงนั้นฟังดูน่าสนใจอย่างมาก นางคงไม่อยากอยู่ที่นี่เป็นแน่
วันหนึ่งนางจะติดใจโลกใบนั้น จนไม่กลับมาหรือเปล่านะ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หัวใจของเฟิ่งเหมียนก็เต้นถี่ระรัว เขาอดถามออกมาไม่ได้ว่า “เจ้าเพิ่งรับศิษย์มาไม่ใช่หรือ เจ้าจะทิ้งเฟิงอู๋จีให้อยู่ตามลำพังจริงๆหรือ”
“จะพูดเช่นนั้นก็ไม่ถูก ไม่ใช่ว่าข้าจะไม่กลับมาเสียหน่อย ก็แค่ไปเที่ยวพักผ่อนเท่านั้น” เสวียนจีมองเขาด้วยความงุนงง “อีกอย่าง หากข้าสามารถกลับไปที่นั่นได้ล่ะก็ การสั่งสอนศิษย์ก็จะยิ่งสะดวกมากขึ้น”
แม้ว่านางจะเป็นคนรักสนุก ทว่าหัวใจของนางก็ยังอยู่กับอวิ๋นหลิงและคนอื่น ๆ เสมอ นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
เช่นเดียวกับที่อวิ๋นหลิงมุ่งมั่นแก้ปัญหาภัยพิบัติอาหาร นางเองก็มีเหตุผลและความรับผิดชอบที่จะต้องกลับไป นั่นก็คือการใช้โลกอีกใบเพื่อทำให้โลกใบนี้ดีขึ้น
เสวียนจีไม่เคยลืมภารกิจที่ท่านพ่อหวู๋ซินมอบให้พวกนาง
เฟิ่งเหมียนถอนหายใจเบาๆ ด้วยความโล่งอก พลางพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้ว เจ้าเป็นอาจารย์แล้ว ควรมีความรับผิดชอบต่อศิษย์ของตนเอง เจ้าไม่สามารถละทิ้งศิษย์ของตนเองได้”
เขาไม่เคยรู้สึกขอบคุณเฟิงอู๋จีเท่านี้มาก่อน หากไม่ใช่เพราะมีภาระหน้าที่ ไม่แน่ว่านางเด็กนี่อาจจะอยู่ที่โลกอีกใบเป็นปีๆ ก็เป็นได้
เสวียนจีเชิดค้างขึ้นพลางพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “มันแน่นอนอยู่แล้ว ข้าคืออาจารย์ที่ดีที่สุดในโลก! วันหนึ่งจีเอ๋อร์จะได้รู้ว่าการมีอัจฉริยะที่ทั้งงดงามและไร้เทียมทานอย่างข้าเป็นอาจารย์นั้นโชคดีถึงเพียงใด!”
“หากเป็นไปได้ ข้าอยากพาเขาไปที่นั่นเพื่อฝึกฝนให้เสียหน่อย ด้วยพรสวรรค์ของเขา จะต้องได้ผลงานวิจัยที่สุดยอดออกมาแน่นอน!”
แม้ว่าจะเคยคิดถึงเรื่องนี้อยู่บ้าง แต่เสวียนจีก็ยังคงระมัดระวัง เพราะเรื่องนี้คือความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกนาง
นางเด็กคนนี้อยากพาเฟิงอู๋จีไปที่โลกนั้นจริงๆ ด้วย !
ใบหน้าของเฟิ่งเหมียนแข็งทื่อ จู่ๆ เขาก็รู้สึกเกลียดขี้หน้าเฟิงอู๋จีขึ้นมา
เสวียนจีรู้สึกว่าอุณหภูมิรอบตัวนางลดลงอย่างฉับพลัน สีหน้าของเฟิ่งเหมียนเย็นชาราวกับหิมะบนเทือกเขา ทั้งเยือกเย็นและโดดเดี่ยว
นางพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ว่า “นี่ ! ข้ายอมรับว่าก่อนหน้านี้เคยทำให้ท่านขุ่นเคืองใจ แต่นี่มันก็ผ่านมาครึ่งเดือนแล้วนะ ไม่เห็นต้องโกรธกันขนาดนั้นเลย”
สีหน้าของเฟิ่งเหมียนแข็งค้าง แก้มเริ่มแดงก่ำ ความรู้สึกเขินอายทำให้ท่าทีของเขาดูเก้ ๆ กัง ๆ
เมื่อยืนอยู่ต่อหน้านาง ทั้งร่างของเขาก็ตึงเครียดราวกับเป็นประติมากรรมน้ำแข็ง
แม้เขาจะไม่ค่อยสนใจเรื่องความสัมพันธ์ชายหญิงเท่าใดนัก แต่เขาก็รู้ว่าร่างกายของตนเองแตกต่างจากคนอื่น ๆ เล็กน้อย เมื่อตอนยังเยาว์วัย เขาก็เคยรู้สึกหนักใจกับเรื่องนี้อยู่บ้าง
ดังนั้นตอนที่เสวียนจีถาม เขาจึงรู้สึกเขินอายเกินกว่าจะพูดออกมา
แต่เมื่อเสวียนจีมองข้อมูลในแบบฟอร์ม นางก็ชะงักไปชั่วครู่ ตาจับจ้องไปยังเฟิ่งเหมียน หลังจากเงียบอยู่นาน สุดท้ายนางก็พูดออกมาหนึ่งประโยค
"อันที่จริง ถ้าท่านไม่อยากให้ข้อมูลก็ไม่เป็นไร แต่ไม่จำเป็นต้องใส่ข้อมูลเกินจริงขนาดนี้มาก็ได้ ถ้าจะแต่งเรื่องจริงๆ ก็ควรเขียนขนาดที่มันสมเหตุสมผลกว่านี้หน่อยสิ"
นางสงสัยว่าตัวเองอาจจะเผลอทำร้ายความภาคภูมิใจในฐานะผู้ชายของเฟิ่งเหมียนเข้า ทำให้เขาตั้งใจใส่ตัวเลขที่ผิดปกตินี้มา
พอเฟิ่งเหมียนได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าก็มืดลงในทันที ก่อนจะหันหลังเดินจากไป ถึงขั้นไม่พูดคุยกับนางอยู่หลายวัน
เสวียนจีไม่เคยเห็นเฟิ่งเหมียนโกรธมากขนาดนี้มาก่อน นางจึงรีบขอโทษทันทีเพราะกลัวว่าหุ้นส่วนของตัวเองจะตัดความสัมพันธ์
"อย่าโกรธข้าเลยนะ ข้าผิดเองที่พูดโดยไม่ทันคิด ที่ข้าทำแบบนี้ ก็เพราะการวิจัยเท่านั้น ไม่ได้ต้องการจะล่วงเกินท่าน!"
นางพูดโน้มน้าวอยู่หลายวัน กว่าเฟิ่งเหมียนจะหายโกรธ
ถึงแม้ต่อหน้า เสวียนจีจะยิ้มขอโทษ แต่ลับหลัง นางกลับขีดฆ่าข้อมูลนั้นออกไป
ขนาดที่ไม่ผิดปกติเช่นนี้ ไม่ว่าข้อมูลที่เฟิ่งเหมียนเขียนจะเกินจริงหรือไม่ ต่อให้เป็นเรื่องจริง นางก็ไม่คิดที่จะผลิต "ร่มน้อย" รุ่นพิเศษสำหรับขนาดนี้อยู่ดี
มันเป็นขนาดที่ใหญ่กว่ารุ่นพิเศษไปอีกขั้นหนึ่ง หากผลิตจริงๆล่ะก็ คงจะใช้วัสดุไม่น้อยเลย
ต้องเข้าใจก่อนว่า "ร่มน้อย" แต่ละขนาดนั้นราคาเท่ากัน ขนาดพิเศษเช่นนี้ไม่เพียงใช้วัสดุมากกว่า แต่คนที่ต้องการขนาดนี้ก็หาได้ยากเช่นกัน หากผลิตก็มีแต่จะขาดทุนเปล่าๆ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...