เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1092

กลับเข้าสู่เรื่องหลัก

เมื่อเสวียนจีเห็นสีหน้าของเฟิ่งเหมียนไม่ค่อยสู้ดีนัก นางจึงคิดว่าเขาไม่พอใจกับเรื่องในอดีต

นางกระตุกแขนเสื้อของเขา ใช้ท่าไม้ตายของประจำตัวออดอ้อนเขาด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร “นี่มันถือเป้นข่าวดีมากเลยนะ ท่านอย่าทำหน้าบูดบึ้งเช่นนั้นสิ ไว้พวกเรากลับไปที่นั่นเมื่อไหร่ ข้าจะเลี้ยงข้าวท่านทุกวันเลย!”

ในที่สุดใบหน้าของเฟิ่งเหมียนก็ผ่อนคลายลง “เจ้าอยากให้ข้าไปที่โลกใบนั้นด้วยหรือ”

“หืม ท่านไม่อยากไปกับข้าหรือ”

เสวียนจีจ้องมองเขาด้วยความสงสัย ก่อนหน้านี้ยังทำหน้าบูดบึ้งอยู่เลย “อะไรกัน ข้านึกว่าท่านคงจะเห็นชอบด้วย สุดท้ายข้าก็คิดไปเองคนเดียว ท่านไม่ชอบโลกใบนั้น หรือท่านกลัวว่ามันจะอันตรายกันแน่”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฟิ่งเหมียนก็รู้สึกราวกับตนเองได้พานพบฟ้าหลังฝน ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจ

ที่แท้คำว่า "เรา" ที่นางพูดถึงก็มีเขารวมอยู่ด้วย

ริมฝีปากของเขายกโค้งขึ้นเล็กน้อย พลางเบี่ยงหน้าหลบ “ข้าไม่ได้ไม่ชอบหรือกลัวอะไรทั้งนั้น หากเจ้าอยากให้ข้าไปด้วย งั้นพวกเราก็ไปด้วยกันเถอะ”

เสวียนจีดีใจจนกระโดดโลดเต้น “เย้ ! งั้นก็ตกลงตามนี้นะ เมื่อกลับไปยังโลกใบนั้นแล้ว ท่านต้องช่วยข้าทดสอบอุปกรณ์เสริมสนุก ๆ นะ ถึงตอนนั้นข้าจะนำผลิตภัณฑ์จากที่นั่นมาขายที่นี่ พวกเราต้องรวยแน่ๆ!”

รอยยิ้มของเฟิ่งเหมียนค้างอยู่ที่มุมปาก “...”

ที่แท้เหตุผลที่นางอยากพาเขาไปโลกใบนั้นก็เพราะอย่างนี้เองหรือ!

เรื่อง "ร่มน้อย" ถือว่ามันผ่านมาแล้วก็แล้วกันไป เขายอมปล่อยให้นางทำตามใจตัวองบ้างก็ไม่เสียหายอะไร แต่นี่ถึงขนาดอยากนำของจากอีกโลกหนึ่งมาขายยังโลกใบนี้ นางช่างเกินเยียวยาเสียจริงๆ

เสวียนจีที่กำลังอยู่ในช่วงอารมณ์ดีสุด ๆ ได้ยินเต้าหวู๋ซินกำลังวางค่ายกลอยู่ในสำนัก นางจึงรีบดึงเฟิ่งเหมียนให้ไปดูด้วยกันอย่างกระตือรือร้น

เมื่อนึกถึงเรื่องที่เต้าหวู๋ซินเปรียบเสมือนบิดาของเสวียนจี มิหนำซ้ำเขาก็ยังไม่เคยทักทายอีกฝ่ายอย่างเป็นทางการมาก่อน เฟิ่งเหมียนจึงไม่ได้ปฏิเสธ

ในใจเขาคิดหาวิธีพูดเรื่องนี้กับเต้าหวู๋ซิน เพื่อโน้มน้าวให้เสวียนจีเลิกยุ่งกับเรื่องพวกนี้ได้แล้ว

เมื่อทั้งสองเดินมาถึง ก็พบว่ามีใบหน้าที่คุ้นเคยมากมายล้อมรอบค่ายกลเอาไว้

เต้าอู๋ซินกับเซียวปี้เฉิงยืนอยู่ข้าง ๆ บ่อน้ำสี่เหลี่ยมแห้ง ๆ กำลังพูดคุยอะไรบางอย่าง

“ข้าวางค่ายกลเรียบร้อยแล้ว จี้ดวงดาวทั้งสี่ได้ฝังอยู่ในตำแหน่งทั้งสี่ของค่ายกลนี้แล้ว ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว ข้าจะสอนวิธีเปิดใช้งานค่ายกลให้กับเจ้า หลังจากที่เจ้าฝังพลังจิตของตัวเองไว้ในค่ายกลแล้ว ก็จะสามารถสัมผัสได้ในทันที เมื่อมีคนผ่านเข้ามายังค่ายกล”

เซียวปี้เฉิงพยักหน้ารับ ตั้งใจฟังคำชี้แนะของเต้าหวู๋ซิน เต้าหวู๋ซิน

เมื่อเขาสัมผัสค่ายกลด้วยพลังจิต เขาก็พลันตกลงสู่ความมืดมิดที่ไร้เสียง

เขามองไม่เห็น ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ราวกับว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางวังวนไร้ที่สิ้นสุด มันมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ดึงเขาจมลงไปลึกขึ้นเรื่อยๆ

ความรู้สึกที่พลังจิตของตนเองกำลังร่อยหรอไม่ใช่เรื่องน่าอภิรมย์เลย ในสายตาของอวิ๋นหลิง นางเห็นเขาหลับตาแน่น คิ้วขมวดเข้าหากัน เม็ดเหงื่อไหลออกมาบนแก้มขาวซีด

อวิ๋นหลิงรู้สึกกังวลอยู่ภายในใจ แต่เมื่อเห็นท่าทางนิ่งสงบของเต้าหวู๋ซิน นางจึงผ่อนคลายลง

ไม่มีใครรู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด จนกระทั่งในความมืดมิดนั้น แสงแห่งดวงดาวอันไร้ที่สิ้นสุดก็ปรากฏขึ้น

ทิวทัศน์รอบตัวเขาช่างงดงามเกินกว่าจะบรรยายได้ ราวกับว่าเขากำลังยืนอยู่ท่ามกลางสายธารดารา เพียงยื่นปลายนิ้วออกไปก็สามารถสัมผัสกับดวงดาวที่ส่องสว่างได้

เซียวปี้เฉิงมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตกตะลึง เขาสัมผัสได้ถึงความกว้างใหญ่ของสวรรค์และโลกอันไร้ที่สิ้นสุด

ลึกลงไปในจิตใจ เหมือนมีบางสิ่งถูกกระตุ้นให้ตื่นขึ้น พลังจิตที่ใกล้จะหมดสิ้นค่อย ๆ กลับมาเต็มเปี่ยมอีกครั้ง ทั้งสมองและร่างกายก็รู้สึกเบาสบายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เต้าหวู๋ซินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เผยรอบยิ้มออกมาพลางพยักหน้าเล็กน้อย

ราคาของเราเพียงแค่ 1/4 ของผู้ให้บริการรายอื่น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ