เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1093

เมื่อกงจื่อโยวได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขาพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ตามที่ท่านพ่อตากล่าว เช่นนี้ข้าก็ไม่ใช่คนธรรมดาสินะ”

เขายกมือจัดผมที่ปลิวตามสายลม ยืนเชิดหน้าอย่างมั่นใจ “แต่ข้าก็มีหน้าตาที่สามารถสะกดคนทั้งแคว้นได้จริงๆ นั่นล่ะ จะให้ธรรมดาได้อย่างไร”

คิ้วของหลิวฉิงกระตุกไม่หยุด

พูดกันตามตรง กงจื่อโยวมีผิวเนียนใส บวกกับดวงตารูปทรงจิ้งจอกที่น่าดึงดูด ดูราวกับเจ้าชายใต้แสงจันทร์ เขาเหมาะสมกับคำว่า “งามล่มเมือง” อย่างแท้จริง

แต่เสน่ห์เช่นนี้ของเขา ทำให้นางปรับตัวได้อย่างยากลำบาก

หลงเย่มองไปที่สามีของตนเองด้วยดวงตาที่อ่อนโยน นัยน์ตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก

กงจื่อโยวมองไปที่เต้าหวู๋ซินอย่างคาดหวัง “ท่านว่าข้าพอจะมีโอกาสปลุกพลังที่สุดยอดได้เหมือนน้องปี้เฉิงหรือเปล่า”

เขาอิจฉาเซียวบี้เฉิงมานานแล้ว หวังว่าสักวันหนึ่งจะมีพลังจิตได้อย่างเซียวปี้เฉิง

ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก กงจื่อโยวก็ถูกพิษเย็นที่ได้รับจากมารดาแทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย ทำให้ร่างกายของเขาอ่อนแอกว่าคนทั่วไป ความสามารถในการต่อสู้ของเขาจึงไม่ได้สูงอะไรมากนัก เขาไม่สามารถฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ถึงขั้นสูงได้เหมือนศิษย์คนอื่นๆ แต่เขาก็เชี่ยวชาญการใช้อาวุธลับ ซึ่งช่วยให้เขาพอมีความสามารถในการปกป้องตัวเองอยู่บ้าง

ทว่าในฐานะบุรุษ ทุกคนย่อมต้องการมีความแข็งแกร่งเพื่อทำให้คนรอบข้างรู้สึกปลอดภัย

หากเขามีพลังจิตได้เหมือนเซียวบี้เฉิง ยังจะต้องกังวลเรื่องศิลปะการต่อสู้อีกทำไมกัน

เต้าหวู๋ซินหัวเราะเมื่อได้ยินกงจื่อโยวถามเช่นนั้น “อะไรก็เกิดขึ้นได้ ทุกสิ่งย่อมต้องรอโอกาสของมัน”

เขาตระหนักได้ว่าชายหนุ่มคนนี้มีสายเลือดพิเศษในร่างกาย ดูจากดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของเขา ก็พอจะเดาได้ว่าอาจมีบรรพบุรุษเป็นเทพจิ้งจอก

เสน่ห์เป็นลักษณะโดยธรรมชาติของเผ่าจิ้งจอก หากจ้องดวงตาของพวกเขานานเกินไป ก็จะถูกเสน่ห์ครอบงำได้

ผู้ที่มีสายเลือดจิ้งจอกนั้นมักชอบความสวยงามและเก่งกาจเรื่องการใช้คำพูด อีกทั้งยังมีรัศมีที่น่าดึงดูด สามารถลดความระแวงของคนรอบข้างได้

หลงเย่เป็นคนที่ระมัดระวังอย่างมาก มิหนำซ้ำความสามารถของนางก็คล้ายคลึงกับเขา แต่สุดท้ายก็ยังถูกกงจื่อโยวทำลายกำแพงหัวใจ

หากพูดในมุมมองหนึ่ง สามีภรรยาคู่นี้เป็นคนประเภทเดียวกันจริงๆ

เมื่อได้ยินเช่นนั้น กงจื่อโยวก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ พลางยกมือคารวะ “ขอขอบคุณคำอวยพรจากท่านพ่อตา!”

เซียวบี้เฉิงอดยิ้มไม่ได้ บางครั้งเขาก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมความหน้าหนาและนิสัยที่เป็นกันเองของกงจื่อโยว

เขาสามารถเรียกคนนั้นคนนี้ว่า “ท่านพ่อตา” ได้โดยที่ไม่รู้สึกอะไรเลย

เต้าหวู๋ซินหันมองผู้คนรอบตัวพลางเผยรอยยิ้มมุมปากออกมา

ในกลุ่มบุรุษที่อยู่ตรงนี้ นอกจากเซียวบี้เฉิงแล้ว เฟิ่งเหมียนคือคนที่มีพรสวรรค์ชัดเจนที่สุด

ตระกูลเฟิ่งมีความสามารถในการรับรู้ที่แข็งแกร่งอย่างมาก การพยากรณ์และการใช้วาจาศักดิ์สิทธิ์เป็นจุดเด่นของพวกเขา เด็กคนนี้สามารถปลุกพลังของตนเองตั้งแต่อายุยังน้อย แม้ว่าเขาจะไม่เคยรับรู้หรือใช้มันมาก่อนก็ตาม

เช่น ทักษะการเข้าฝันที่เต้าหวู๋ซินสอนเฟิ่งเหมียนไปก่อนหน้านี้ ก็เป็นทักษะที่สร้างขึ้นโดยบรรพบุรุษของตระกูลเฟิ่งนั่นเอง

แต่คนที่เต้าหวู๋ซินสนใจจริงๆ ก็คือกู้ฉางเซิน

เด็กหนุ่มคนนี้เป็นผู้สืบทอดราชนิกุลฮั่นที่แท้จริง เติบโตภายใต้การปกป้องของมังกรแห่งดินแดนจงหยวน เกิดมาพร้อมกับโชคชะตาที่แข็งแกร่ง

ทว่าท่วงท่าของเขากลับสง่างามดุจดั่งฟีนิกซ์ คุณธรรมเปรียบได้กับไม้ไผ่ อาวุธที่เขาถือราวกับเป็นกระบี่แห่งสุภาพบุรุษ

มังกรเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่สนใจเพียงพลัง พวกมันกระหายการเข่นฆ่าและรักการต่อสู้ ส่วนฟีนิกซ์ชื่นชอบความสันติ นี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้กู้ฉางเซินไม่ได้รับสืบทอดให้เป็นจักรพรรดิ

จนกระทั่งมือเล็ก ๆ คู่หนึ่งโบกไปมาอยู่ตรงหน้าเขา เต้าหวู๋ซินจึงกลับมาสู่โลกความเป็นจริง เขามองเสวียนจีอย่างอ่อนโยน “มีอะไรหรือ”

เสวียนจีขยิบตาน้อยๆ ของนาง ยิ้มอย่างทะเล้น “ฮี่ฮี่ฮี่… ท่านยังมีลูกอมอีกไหม ข้ายังกินได้ไม่หนำใจเลย!”

เนื่องจากตอนนี้ยังกลับบ้านไม่ได้ นางจึงคิดว่าหากได้กินลูกอมอีกหน่อยก็คงดี

เต้าหวู๋ซินยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยน ดีดแตะหน้าผากของนางอย่างแผ่วเบา “เจ้าแมวน้อยจอมตะกละ ตามข้าไปที่ห้อง”

จากนั้นเขาก็หันไปทางอวิ๋นหลิงและคนอื่น ๆ พลางพูดแนะนำอย่างอบอุ่น

“ค่ายกลถูกวางไว้แล้ว ตอนนี้ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว พวกเจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ”

อวิ๋นหลิงพยักหน้า และกลุ่มนั้นก็แยกย้ายกันไป

เสวียนจีกระโดดโลดเต้นเดินตามหลังเต้าหวู๋ซินไป หางที่ไม่มีอยู่จริงของนางโบกไปมาด้วยความตื่นเต้น พูดไม่หยุดตลอดทาง

เฟิ่งเหมียนหยุดเดินชั่วครู่หนึ่ง เขาคงระยะห่างสามก้าวพร้อมเดินตามหลังไป

ระหว่างทาง เต้าหวู๋ซินเผยรอยยิ้มออกมาพลางพูดขึ้นว่า “เจ้าจะกินลูกอมก็ได้ แต่ต้องเล่าให้ข้าฟังด้วยว่าในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา เจ้าได้ทำเรื่องน่าชื่นชมเอาไว้บ้างหรือไม่ คงไม่ได้เอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ หรอกนะ”

เสวียนจีแลบลิ้นหยอกล้อออกมา นางรู้ว่านี่เป็นการถามถึงภารกิจที่เขามอบหมายไว้ให้ตนเอง

นางหัวเราะคิกคักแล้วพูดขึ้นว่า “ฮ่าฮ่า ครึ่งปีนี้นอกจากรับศิษย์มาคนหนึ่งแล้ว ก็ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นมากหรอก แต่ข้ากำลังจะทำเรื่องใหญ่ที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองแล้วในเร็วๆ นี้!”

เต้าหวู๋ซินเลิกคิ้วขึ้น พลางถามอย่างสงสัยว่า “โอ้ จริงหรือ ไหนเล่าให้ข้าฟังหน่อยสิ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ