เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1095

“ปวดท้องขนาดนี้ คงยังไม่ได้กินข้าวเช้าใช่ไหม” อวิ๋นหลิงบอกให้เฟิ่งเหมียนนั่งพักก่อน “ถ้าจะกินยาตอนท้องว่างคงจะไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ข้าจะให้ทางครัวต้มโจ๊กมาให้ท่าน กินเสร็จแล้วค่อยกินยา นั่งพักอยู่ที่นี่เพื่อดูอาการก่อน ถ้าไม่มีปัญหาอะไรแล้วค่อยกลับห้อง”

บางคนที่ทานเผ็ดไม่ได้ หากบังเอิญทานเผ็ดหนักๆ ล่ะก็ อาจถึงขั้นต้องเข้าห้องฉุกเฉินเลยก็เป็นได้

“ต้องรบกวนท่านแล้ว”

เฟิ่งเหมียนตอบกลับด้วยใบหน้าซีดเผือด ไม่ได้ปฏิเสธอะไร เพราะครั้งนี้อาการของเขามันหนักจริงๆ

หลังจากจัดการเรื่องเฟิ่งเหมียนเรียบร้อยแล้ว อวิ๋นหลิงก็หันไปทำงานของตนเองต่อ

แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร พี่น้องตัวน้อยที่เพิ่งตื่นนอนก็วิ่งเข้ามาที่ห้อง ส่งเสียงร้องเอะอะเรียกแม่ให้มาอุ้ม

“เอาล่ะ ๆ แม่กำลังยุ่งอยู่นะ พวกลูกเล่นกันเองไปก่อนนะ”

เห็นเด็กสองคนจ้องมองเฟิ่งเหมียน อวิ๋นหลิงก็พูดเตือนออกมา “ลุงเฟิ่งเหมียนป่วยอยู่ อย่าไปรบกวนเขานะ ให้ตงชิงกูกูพาพวกลูกไปกินข้าวเป็นเพื่อนท่านปู่ทวดที่ตำหนักฉางหนิงดีไหม!”

“อ้าว ลุงเฟิ่งเหมียนป่วยอยู่หรือเนี่ย”

ฮั่วถวนและเสวี่ยถวนกะพริบตาปริบๆ ทั้งคู่วิ่งเข้าไปในห้องพลางคุ้ยหาบางสิ่ง จากนั้นก็นำเอาลูกอมหลากสีมากองข้าง ๆ เฟิ่งเหมียน

ฮั่วถวนไม่ลืมทำท่าทางเป็นผู้ใหญ่ตัวน้อย พูดเตือนด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่มว่า

“ต้องเชื่อฟังหมอนะ ถ้าไม่เชื่อฟังล่ะก็ ท่านแม่จะเอาเข็มแทงตรงก้น! เจ็บมากเลยนะ!”

เสวี่ยถวนเลื่อนลูกอมไปใกล้ ๆ เฟิ่งเหมียน “ถ้ายามันขมเกินไป ก็กินลูกอมพวกนี้ได้นะ นี่เป็นลูกอมที่ท่านตาให้มา อร่อยมากเลยล่ะ!”

เมื่อมองดูพี่น้องสองคนตรงหน้า เฟิ่งเหมียนที่ไม่ค่อยมีโอกาสใกล้ชิดกับเด็ก ๆ มาก่อนก็ดูเคอะเขินทำตัวไม่ถูก

“…ขะ ขอบคุณนะ”

“ไม่เป็นไร!”

เด็กน้อยสองคนดูเป็นธรรมชาติมากกว่าเขาเสียอีก

อวิ๋นหลิงเข้ามาช่วยแก้สถานการณ์ “เอาล่ะ ไปกินข้าวกับท่านปู่ทวดได้แล้ว อย่าทำให้ท่านต้องรอนาน”

หลังจากโบกมือลา สองพี่น้องตัวน้อยก็วิ่งออกไปอย่างร่าเริง

ในห้องกลับมาสงบอีกครั้ง ร่างกายของเฟิ่งเหมียนที่เคยตึงเครียดก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง เขามองไปยังลูกอมหลากสีที่กองอยู่ข้างๆ

แม้จะเป็นน้ำใจจากเด็ก ๆ แต่เขาก็ไม่กล้าหยิบมากินจริง ๆ

เฟิ่งเหมียนมองสำรวจสิ่งรอบตัวอย่างเงียบๆ โดยไม่ส่งเสียงรบกวนใดๆ

ที่นี่แตกต่างจากห้องในพระราชวังที่เขาเคยเห็น ภายในห้องไม่ได้มีสิ่งของล้ำค่าอะไรเลย มีเพียงกองของเล่นเด็กกับของใช้ประจำวันทั่วไป

ทุกๆ มุมของห้อง ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เก้าอี้ แม้กระทั่งชั้นวางของ จะมีผ้านุ่มๆ หุ้มเอาไว้

มันไม่ได้หรูหราหรืองดงามเหมือนพระราชวังแห่งแคว้นตงฉู่ แต่กลับดูสะอาด อบอุ่น และเต็มไปด้วยบรรยากาศของชีวิตบ้าน ๆ

เฟิ่งเหมียนเองก็ไม่ได้ชอบความหรูหราเช่นกัน ที่พักของเขามักจะเรียบง่ายและสะอาดเสมอ เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งชีวิต

แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าที่พักของตนแตกต่างจากตำหนักหลักที่อวิ๋นหลิงและเซียวปี้เฉิงอาศัยอยู่

ไม่รู้ว่ามันต่างกันที่ตรงไหน แต่ที่นี่กลับให้ความรู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูก

เขาทำตามคำแนะนำของหมออวิ๋นหลิง เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จก็กินยาทันที เฟิ่งเหมียนนั่งสมาธิอย่างสงบนิ่งอยู่บนเบาะข้างๆ

เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังมาจากนอกตำหนัก พร้อมกับเสียงตะโกนของเฉียวเย่

“เร็วเข้า! บอกให้ห้องครัวรีบต้มน้ำร้อนเร็ว!”

“ฮ่าๆๆๆ!”

อวิ๋นหลิงหัวเราะเสียงดังจนแทบจะหงายหลัง

เซียวปี้เฉิงบิดน้ำจากเสื้อผ้า พูดอย่างหงุดหงิดว่า “เจ้ามันใจร้าย หัวเราะไปเถอะ ไม่คิดบ้างหรือไง ว่าข้าต้องทุ่มเทขนาดนี้เพื่อใครกัน”

ช่วงนี้เขาตั้งใจฝึกฝนอย่างหนัก นอนวันละไม่ถึงสี่ชั่วโมง เหตุผลก็เพราะอาจารย์หวู๋ซินบอกว่าพลังจิตเขายังไม่พอที่จะสร้างถุงเก็บของวิเศษ

อวิ๋นหลิงมักบ่นกับเขาอยู่บ่อยๆ ว่านางอยากมีถุงเก็บของวิเศษเหมือนกับนิยายที่นางเคยอ่าน

ตอนนี้เมื่อมีโอกาสอยู่ตรงหน้าแล้ว หากภรรยาต้องการ เขาก็ต้องพยายามทำมันอย่างสุดความสามารถ

“ก็ได้ๆ ขอโทษที่หัวเราะเยาะท่าน ท่านทุ่มเทให้ข้าถึงเพียงนี้!” อวิ๋นหลิงพยายามกลั้นขำ ดันเขาไปที่ห้องข้างๆ “ไปทำความสะอาดตัวก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าช่วยถูหลังให้เลยก็ได้”

เซียวปี้เฉิงเห็นนางพยายามกลั้นขำ เลยคว้าเศษผักป้ายใส่หน้าของนาง

“เจ้ายังจะหัวเราะอยู่อีกไหมล่ะ!”

อวิ๋นหลิงรีบปัดเศษผักออก “กล้าล้อเล่นกับข้าหรือ ระวังตัวไว้เถอะ ข้าจะไปบอกคนทั้งวังว่าท่านเกือบตกส้วม!”

เซียวปี้เฉิงรีบเอามือปิดปากนาง “พูดเบาๆ หน่อยสิ…”

ทั้งสองหยอกล้อกันไปมาอย่างสนุกสนาน ไม่นานก็เดินห่างเข้าไปในตำหนัก

เฟิ่งเหมียนที่นั่งอยู่ในมุมห้อง มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ในใจกลับรู้สึกอิจฉาอย่างบอกไม่ถูก

ที่แท้เวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกันก็เป็นแบบนี้เองสินะ นี่สินะที่เรียกว่าสามีภรรยา

ในขณะที่กำลังรู้สึกอิจฉา จู่ๆ ก็นึกถึงตอนที่ตนเองอยู่กับเสวียนจี มันทำให้เขารู้สึกว่าตอนที่เซียวปี้เฉิงและอวิ๋นหลิงอยู่ด้วยกัน มันให้บรรยากาศคล้ายๆ กับตอนที่เขาและเสวียนจีอยู่ด้วยกัน ทันใดนั้นความรู้สึกบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในใจของเขา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ