เสวียนจีเติบโตขึ้นมาในศตวรรษที่ 23 ระหว่างภารกิจก็ต่อสู้กับเหล่าปีศาจตัวจริงมานับครั้งไม่ถ้วน หลังจากตื่นตระหนกผ่านไป นางก็กลับสู่ภาวะปกติอย่างรวดเร็ว
“...ข้ายังนึกว่ามีขนาดนี้เฉพาะในการ์ตูนเท่านั้นเสียอีก”
นางพึมพำเสียงค่อย ทำให้ใบหน้าแดงก่ำของเฟิ่งเหมียนแพร่กระจายจากกกหูไปจนถึงลำคอได้สำเร็จ นางแทบจะฝังหัวลงกับพื้น ราวกับนกโง่กลายเป็นนกกระจอกเทศไปเสียแล้ว
เมื่อมาถึงห้องหนังสือบนชั้นสาม หลงเย่ก็วางผ้าห่มและหมอนไว้อย่างเข้าอกเข้าใจ
โซฟากว้างมาก แต่ก็แคบไปถนัดตาสำหรับผู้ชายตัวสูงอย่างเฟิ่งเหมียนที่สูงกว่าหนึ่งเมตรแปดสิบ แต่เขาไม่ได้สนใจมากนัก หลังจากเอนนอน เขาก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมใบหน้าครึ่งหนึ่งไว้
“ข้าจะพักผ่อนแล้ว เจ้าก็ควรเข้านอนเร็วด้วย”
เสวียนจีเห็นว่าดวงตาของเขาปิดสนิท แต่แพขนตาสั่นไหวเล็กน้อย นางก็อดนึกขำในใจไม่ได้
นี่ๆๆ บุรุษผู้แสนบริสุทธิ์คนนี้!
“เอาละ ถ้ารู้สึกไม่สบายใจที่ต้องอยู่คนเดียว ให้เจ้าหมีใหญ่อยู่เป็นเพื่อนท่าน”
เฟิ่งเหมียนพยายามหลบเลี่ยงการมองนางด้วยการหลับตา เมื่อรู้สึกถึงสัมผัสที่มีขนปุกปุยอยู่ข้างๆ ใบหน้า
เขาลืมตาโดยไม่รู้ตัว เห็นเสวียนจีวางตุ๊กตาขนฟูฟ่องไว้ข้างหมอน ก็สะดุ้งเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้
เมื่อครู่เขารู้สึกประหม่าเกินไปจึงไม่ได้สังเกตว่าเสวียนจีกำลังถือตุ๊กตาอยู่ในมือ
นัยน์ตาแมวสีเหลืองอำพันคู่นั้นมองมาที่เขา เปล่งประกายราวกับอัญมณีในแสงจันทร์ ชวนให้หลงใหลยิ่งนัก
ดรุณีน้อยคลี่ยิ้มเผยให้เห็นเขี้ยวเล็กๆ สองซี่ เอื้อมมือไปลูบผมของเขาสองครั้ง
“นอนนะ นอนนะ อย่ากลัว!”
น้ำเสียงแผ่วเบามีชีวิตชีวา ไม่มีการหยอกล้อและเย้ยหยันเหมือนที่ผ่านมา
เฟิ่งเหมียนเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า “ข้ายังคิดว่าเจ้าจะหัวเราะเยาะข้าเสียอีก”
พูดตามตรง แม้ว่าเขาจะทำท่าสงบนิ่ง แต่เมื่ออยู่ในโลกที่ไม่คุ้นเคยและแปลกใหม่โดยสิ้นเชิงนี้ ในใจจะรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้างก็ไม่ใช่เรื่องผิด
เด็กสาวผู้นี้สังเกตเห็น แต่กลับไม่นึกสนุกทำร้ายเขาเหมือนแต่ก่อน
“ข้าไม่ใช่คนแบบนั้นใช่หรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นวันแรกที่ท่านมาถึงโลกนี้!”
ดวงหน้าเรียวเล็กของเสวียนจีมีรอยย่น นางเบ้ปาก แต่ก็ระบายยิ้มอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
“คืนแรกที่ข้าไปถึงแคว้นตงฉู่ ก็รู้สึกกลัวมากจริงๆ ตอนนั้นข้าหนีไปตามถนน สุดท้ายซ่อนตัวอยู่ใต้ต้นไม้ คอยบอกตัวเองตลอดว่าอย่าเผลอหลับไป แต่อยู่ภายใต้ผลข้างเคียงของอาการง่วงนอนของพลังจิต ข้าจึงผล็อยหลับไป”
“แม้ว่าร่างกายของข้าหลับอยู่ แต่จิตใต้สำนึกก็ค่อนข้างตื่นตัว การเคลื่อนไหวรอบตัวทำให้ข้ารู้สึกตื่นเต้น”
“ในที่สุดท่านก็ตามหาข้าจนเจอ สัญชาตญาณบอกข้าว่าปลอดภัยแล้ว ข้าจึงรู้สึกสบายใจอย่างแท้จริง”
อ้อมกอดนั้นกว้างและอบอุ่น ทันทีที่สัมผัสกัน ความรู้สึกไม่สบายใจและความตื่นตระหนกในใจของเสวียนจีก็ปลาสนาการหายไปอย่างปาฏิหาริย์
นางเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าเฟิ่งเหมียนรู้สึกอย่างไรในขณะนี้ ดังนั้นนางจึงไม่หยอกล้อเขา
“ราตรีสวัสดิ์ เจอกันพรุ่งนี้เช้า”
พูดจบ เสวียนจีก็ปิดไฟ หยิบเสื้อผ้าของเฟิ่งเหมียนที่จำเป็นต้องซักออกไป
ที่แท้...นางจำอ้อมกอดนั้นได้เสมอ
เฟิ่งเหมียนมองนางโบกมือออกไปอย่างอึ้งงัน จู่ๆ หัวใจก็เต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้
มีชีวิตอยู่มานานกว่ายี่สิบปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าหัวใจและร่างกายของเขาควบคุมไม่ได้ ไม่ใช่เพราะความกลัวหรือความตื่นเต้น
การเต้นแรงอย่างอธิบายไม่ได้ทำให้เขาตื่น แม้แต่ปลายนิ้วก็สั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้
ห้องหนังสือเงียบสนิท ปิดกั้นเสียงลมและเสียงใบไม้ที่ส่งเสียงกรอบแกรบนอกหน้าต่าง
ทั้งห้องเริ่มสั่นสะเทือนด้วยเสียงเต้นหัวใจที่แรงและรวดเร็ว เสียงแล้วเสียงเล่า ทำให้เฟิ่งเหมียนมีความสุขและคาดหวังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
……
วันรุ่งขึ้น เก้าโมงเช้า
เมื่อถึงเวลา ทั้งบ้านพักก็อบอวลไปด้วยเสียงสเตอริโอร้องเพลงอันไพเราะและน่าดึงดูดของอ้ายเฟย
กงจื่อโยวมองไปทางหลงเย่เพื่อขอความช่วยเหลือ
หลงเย่หาวเบาๆ “วันนี้จะไม่ไปไหน จะพักผ่อนให้เต็มที่ก่อน ต้องสำรวจสภาพข้างนอกให้ชัดเจนเสียก่อนค่อยดำเนินการขั้นต่อไป”
ก่อนที่เขาจะพูด อ้ายเฟยก็ตอบว่า “เอาละคุณหนูใหญ่ ถ้าต้องการอะไร บอกมาได้เลย”
กงจื่อโยว “...”
ทำไมต้องแย่งพูดด้วยล่ะ!
เวลานี้เอง เฟิ่งเหมียนก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินลงมาชั้นล่าง
พอเสวียนจีเห็นเขา สายตาก็ทอประกายวาวโรจน์ ต้องพูดว่านกโง่สวมชุดนี้ดูดีมากจริงๆ
ชุดนี้เป็นเสื้อขาวกางเกงดำ เสื้อตัวนอกเป็นสีเทาอ่อน ลุคโดยรวมดูย้อนยุคแต่ทันสมัยและเรียบง่าย เข้ากันได้ดีกับผมยาวของเฟิ่งเหมียนที่รวบไว้สูง
ท่วงท่าที่ผสมผสานเข้ากับเสื้อผ้าแบบนั้นเป็นเสน่ห์ที่คนร่วมสมัยหลายคนเข้าไม่ถึง ดูมีเสน่ห์ให้เคลิบเคลิ้มยิ่งนัก
อ้ายเฟยสั่งเสื้อผ้ามาจำนวนมาก โดยพื้นฐานแล้วเป็นชุดที่ขายดีที่สุดในตลาด เฟิ่งเหมียนเลือกชุดลำลองที่มีลายจีนประยุกต์อยู่ด้วย
สำหรับเขาแล้วแม้ว่าจะดูไม่เข้าท่า แต่ก็ยอมรับได้ง่ายกว่าเสื้อผ้าสไตล์อื่นๆ
หลงเย่ทักทาย “ในเมื่อตื่นแล้วก็มากินช้าวเช้ากันเถอะ ถือโอกาสดูข่าวและเรียนรู้สถานการณ์ภายนอกไปด้วย”
อ้ายเฟยเป็นพ่อบ้านที่เหมาะสมกับตำแหน่ง ได้สั่งอาหารเช้าแบบจีนและตะวันตกสำหรับสี่คนไว้ก่อนแล้ว
เมื่ออวิ๋นหลิงและคนอื่นๆ ไม่อยู่ เขาจะปฏิบัติตามขั้นตอนทั้งสั่งผักและผลไม้สดเป็นประจำ และทิ้งอาหารที่หมดอายุแล้ว
ทั้งสี่นั่งรอบโต๊ะอาหาร หลงเย่เปิดจอฉายภาพบนผนังห้องนั่งเล่น แล้วกระโดดไปที่ข่าวด่วน
“นายฉีไหวเซิง นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ชื่อดังถึงแก่กรรมเมื่อต้นเดือนมีนาคมปีนี้ด้วยวัยหนึ่งร้อยปี ตอนนี้ตระกูลฉียังคงมีข้อพิพาทเรื่องทรัพย์สิน เมื่อเร็วๆ นี้ชายคนหนึ่งที่ต้องสงสัยว่าเป็นลูกนอกสมรสของตระกูลฉีถูกตามกลับมาด้วยความบังเอิญ ทำให้ความบาดหมางระหว่างตระกูลที่ร่ำรวยนี้ซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีก...”
“ฉีไหวเซิง?”
กงจื่อโยวลืมตาปรือขึ้นเล็กน้อย พูดด้วยความประหลาดใจ “นี่ไม่ใช่ชื่อที่ท่านพ่อตาหวู๋ซินเอ่ยถึงหรอกหรือ เป็นหมอผู้ก่อตั้งองค์กรมอยเรร่วมกับเขาไม่ใช่หรือไร”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...