สีหน้าของหลงเย่เปลี่ยนเป็นความรังเกียจขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ เพราะชื่อ”ฉีไหวเซิง”นี้ นำมาซึ่งประสบการณ์ที่ซับซ้อนยากจะลบเลือนให้กับพวกนาง
แต่ในขณะเดียวกัน นางก็รู้สึกสับสนในใจอยู่บ้าง เพราะความดึงดันของเขาที่จะสำรวจสมองของมนุษย์ จึงได้ทำให้พวกนางกำเนิดขึ้นมา
ปรับอารมณ์ให้นิ่ง หลงเย่สั่งการว่า “อ้ายเฟย รวบรวมข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับฉีไหวเซิงในสามปีมานี้ให้ฉันที”
นางต้องการทำความเข้าใจสภาพที่แท้จริงขององค์กรมอยเรหลังจากถูกทำลายไป จากสถานการณ์ของตระกูลฉี
“ได้ค่ะคุณหนูใหญ่ ประเดี๋ยวฉันจะรวบรวมเป็นไฟล์เอกสาร ส่งให้คุณทางมือถือ”
หน้าจอฉายภาพในห้องรับแขก เสวียนจีเหลือบไปเห็นมุมหน้าจอที่ขึ้นฟีดวิดีโอ มีข่าวซุบซิบเกี่ยวกับตระกูลฉีซึ่งเป็นตระกูลไฮโซ จึงได้เลือกกดเข้าไปดูวิดีโอ
“ชื่อของอัจฉริยะด้านการแพทย์ฉีไหวเซิง คิดว่าทุกคนคงคุ้นหูกันดี ได้ยินมาว่าเขามุ่งมั่นอยู่แต่กับการวิจัยทางการแพทย์ อายุสี่สิบแล้วจึงแต่งงานมีครอบครัว”
“คุณฉีมีลูกชายทั้งหมดสองคน ตอนนี้มีลูกชายของภรรยาคนที่สองสืบทอดตระกูล เพราะครอบครัวลูกชายคนโตที่กำเนิดจากภรรยาคนแรกได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางเครื่องบินส่วนตัวเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน เชื่อว่าเรื่องนี้คนมากมายต่างก็รับรู้แล้ว”
“แต่ว่าตอนนี้ จากการปรากฏตัวของฉีเทียนเหอ เกี่ยวโยงไปถึงเรื่องราวความลับของหลายตระกูลดัง ว่ากันว่าการตายของลูกชายคนโตนั้นมีเงื่อนงำแฝงอยู่......”
เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตระกูลฉี เสวียนจีจึงอดไม่ได้ที่จะหยุดฟังมากขึ้น
วิดีโอสั้นนี้ต้องการจะสื่อว่า หลังจากการเสียชีวิตเมื่อต้นปีของฉีไหวเซิง ภรรยาคนรองได้สืบทอดมรดกมหาศาล แต่มีสมาคมการแพทย์ไม่น้อยกับเกิดข้อสงสัย บอกว่าตอนที่ฉีไหวเซิงยังมีชีวิตอยู่เคยรับปาก จะมอบมรดกครึ่งหนึ่งให้กับลูกหลาน อีกครึ่งหนึ่งจะมอบให้กับ
สมาคมการแพทย์ เพื่อให้ทำการวิจัยเรื่องการพิชิตโรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายได้และโรคหายากต่อไป
แต่หลังจากที่เขาเสียชีวิต ทางสมาคมการแพทย์ไม่ได้รับการบริจาคเงินก้อนนี้ มีคนภายในบอกว่าพินัยกรรมที่อยู่ในมือของสองสามีภรรยาลูกคนรองเป็นเอกสารที่ปลอมแปลงขึ้นมา อีกฝ่ายร่วมมือกับทนายสร้างเอกสารเท็จ
ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายตกสู่ความขัดแย้ง ชายหนุ่มที่ชื่อฉีเทียนเหอก็ปรากฏตัวขึ้น ได้รับพินัยกรรมฉบับจริงมาจากทนายความโดยบังเอิญ
ว่ากันว่าพินัยกันฉบับจริงเดิมทีต้องถูกทำลาย แต่ทนายความเกิดความโลภอยากจะใช้พินัยกรรมนี้ข่มขู่เขาทรัพย์สินจากครอบครัวของภรรยารอง จึงได้เก็บเอาไว้เอง
และชายหนุ่มที่ชื่อฉีเทียนเหอคนนี้ เขาบอกว่าตนเองเป็นสายเลือดของตระกูลฉี ทำการตรวจดีเอ็นเอท่ามกลางเสียงโต้แย้งของผู้คน พบว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็มีความสัมพันธ์กันจริง
หลังจากนั้น ภรรยาของลูกคนรองคิดว่าสามีได้มีบุตรนอกสมรส ทั้งสองทะเลาะกันจนเกือบจะมองหน้ากันไม่ติด
แต่ฉีเทียนเหอกลับบอกว่าบิดาผู้ให้กำเนิดเขาคือลูกชายคนโตของฉีไหวเซิง ตอนนี้สีหน้าของลูกคนรองเปลี่ยนไปทันที เริ่มจัดการกับฉีเทียนเหออย่างลับๆอยู่บ่อยๆ กระทั่งไม่ลังเลที่จะจ้างนักฆ่า
“เดิมทีผู้ชมจำนวนมากรู้สึกแค่ว่า ฉีเทียนเหอคนนี้เป็นลูกนอกสมรสของลูกชายคนโตที่ถูกทอดทิ้ง คิดไม่ถึงว่าการลอบสังหารนี้จะเกี่ยวโยงไปถึงเบาะแสการตายของครอบครัวลูกคนโต”
“ว่ากันว่า ที่เครื่องส่วนตัวเกิดอุบัติเหตุก็เพราะฝีมือของภรรยารอง ตอนนี้กำลังมีการรื้อคดีขึ้นมาสอบสวนใหม่อีกครั้ง หากการสอบสวนเป็นความจริง ครอบครัวของภรรยาคนรองจะต้องเผชิญกับโทษจำคุก”
บนโต๊ะอาหาร กงจื่อโยวมือซ้ายถือซาลาเปาไส้คัสตาร์ดและมะพร้าว มือขวาถือน้ำเต้าหู้ร้อนๆเอาไว้แก้วหนึ่ง กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย
เขาเอ่ยแสดงความคิดเห็น “จุ๊ๆๆ......คิดไม่ถึงว่าตระกูลใหญ่ในโลกของพวกเจ้าก็มีความวุ่นวายมาก”
“แต่ว่ากฎหมายของพวกเจ้าที่นี่ก็ยุติธรรมจริงๆ หากเปลี่ยนเป็นที่ที่พวกเราอยู่ ผู้มีอำนาจบารมีสูงแม้จะทำผิดร้ายแรงเช่นนี้ก็มีความสามารถที่จะยับยั้งไว้ได้ การที่ศาลต้าหลี่จะตัดสินประหารอีกฝ่ายไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นนั้น”
หลงเย่ส่ายหน้า ขมวดคิ้วพลางเอ่ยว่า “เสียงบรรยายเอไอในวิดีโอนี้แค่ฟังก็รู้แล้วว่าเป็นแอคเคาท์ที่ปล่อยข่าวโจมตี พวกท่านอย่าเชื่อสิ่งที่คนอื่นพูดอย่างเด็ดขาด”
นางกำชับอย่างจริงจัง เกรงว่าผู้ชายสองคนที่เพิ่งจะมาที่นี่เป็นครั้งแรก จะถูกแอคเคาท์ที่ปล่อยข่าวโจมตีชักจูงให้เกิดการรับรู้ในทางที่ผิด
ระหว่างที่พูดคุยกัน จอฉายภาพบนกำแพงได้เปลี่ยนเป็นคลิปสั้นที่อยู่ถัดไป
กงจื่อโยวถูกสิ่งแปลกใหม่ดึงดูด ค่อยๆคลายความตื่นเต้นหวาดกลัวในตอนแรกไปแล้ว
แม้ว่าเฟิ่งเหมียนจะกินอาหารเช้าอย่างสบายๆตลอดมา แต่ก็จ้องหน้าจอสายตาไม่กะพริบ เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนรู้สึกสนใจในสิ่งนี้มาก
ใช้เวลาไปเกือบหนึ่งชั่วโมงกับการจ้องมองจอฉายภาพ พลางกินอาหารเช้าไปด้วย ในที่สุดก็กินเสร็จ
หลังจากที่จัดการกับโต๊ะอาหารแล้ว อ้ายเฟยได้จัดการรวบรวมข่าวสารข้อมูลที่หลงเย่ต้องการส่งไปยังมือถือของนาง
หลงเย่นั่งอยู่บนโซฟา กงจื่อโยวและเสวียนจีนั่งประกบอยู่ซ้ายขวา เฟิ่งเหมียนนั่งติดกับเสวียนจี
สายตาของทั้งสามคนจ้องไปบนสิ่งของที่อยู่ในมือหลงเย่
กงจื่อโยวที่อยากรู้อยากเห็นเอ่ยถามขึ้นมาก่อน “หลงเอ๋อร์ หน้าจอเล็กๆในมือของเจ้าคืออะไร ดูเหมือนจอฉายเมื่อครู่มาก”
แต่ของสิ่งนี้มีตัวตนอยู่จริง สามารถใช้มือสัมผัสได้ เดิมทีเหมือนจะบางและเล็กเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส พอเปิดออกแล้วกลับมีความกว้างเท่ากับฝ่ามือของเขา
“นี่เป็นมือถือพัดได้ เมื่อก่อนข้าเคยเล่าให้ท่านฟังแล้ว สามารถใช้ทำงานได้หลายอย่าง”
“ข้าจำได้ข้าจำได้ มีของสิ่งนี้อยู่ แม้จะห่างไกลกันเป็นหมื่นลี้ก็สามารถพูดคุยเห็นหน้ากันได้ ใช่ไหม”
“อืม ประเดี๋ยวข้าจะเตรียมไว้ให้ท่านหนึ่งเครื่อง ถ้าไม่มีของสิ่งนี้ละก็ อยู่ในโลกของพวกเราจะลำบากทุกฝีก้าวจริงๆ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่สะดวก”
รอบกายของกงจื่อโยวมีประกายของความสุขเปล่งออกมาทันที เอ่ยอย่างดีใจว่า “หลงเอ๋อร์หลงเอ๋อร์ เจ้าช้างดีกับข้าจริงๆ......”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...