เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1106

หลงเย่ยิ้มจางๆ มองเขาด้วยแววตาอ่อนโยนแจ่มใส

เห็นเช่นนั้น เฟิ่งเหมียนกับเสวียนจีต่างก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างไม่นัดหมาย

แม้ว่าทั้งสองคนหนึ่งจะนิ่งเฉยตลอดมา อีกคนก็ไม่สนใจอะไร แต่ก็ยังคงทนมองทั้งสองคนที่แสดงความรักต่อกันอย่างเต็มเปี่ยมไม่ได้ สายตาหวานราวกับว่าวินาทีต่อไปจะเชื่อมต่อกันแล้ว

เสวียนจีเอียงศีรษะเอ่ยเสียงเบาๆว่า “เห็นแก่ท่านที่เป็นเพื่อนรักข้า ประเดี๋ยวข้าก็จะมอบให้ท่านหนึ่งเครื่อง”

เฟิ่งเหมียนก็กดเสียงลงต่ำ เอ่ยอย่างลังเลอยู่บ้างว่า “......สิ่งนี้ เกรงว่าคงจะแพงมากกระมัง”

“มือถือสำหรับโลกใบนี้ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่อะไร แทบจะมีกันทุกคน ท่านไม่ต้องเกรงใจข้า” เสวียนจีเอ่ยด้วยดวงตาเปล่งประกาย “ถ้าอยากจะตอบแทนข้าละก็ ประเดี๋ยวเข้ากลุ่มเล่นเกมกับข้าก็พอ ฮึๆ......”

เมื่อคืนก่อนนอนนางได้ล็อกอินเข้าไปดูในเกมที่ตัวเองชอบ เจ๋งเลยนี่เป็นวันสุดท้ายในกิจกรรมจำกัดเวลาในวันแห่งความรักแล้ว

ประเดี๋ยวผูกบัญชีคู่รักกับเฟิ่งเหมียน นางยังทันที่จะได้รับสกินลิมิเต็ดที่ทางเกมจะมอบให้ในครั้งนี้ด้วย

เวลานี้ ในที่สุดหลงเย่ก็ค้นหาบทความต่างๆที่เกี่ยวข้องกับฉีไหวเซิงจนเจอ

‘การเสียชีวิตของอัจฉริยะทางการแพทย์ฉีไหวเซิง’

วันที่10 เดือนมีนาคม ค.ศ.2223 นายแพทย์ฉีไหวเซิงที่มีชื่อเสียงได้ถึงแก่กรรมแล้วที่โรงพยาบาลในเมืองหลง สิริอายุหนึ่งร้อยปี

มีรายงานว่า ฉีไหวเซิงในอายุสามสิบห้าปีเป็นโรคทางประสาทอย่างรุนแรง ไม่เพียงแต่มีอาการของโรคจิตเภท ยังเป็นโรคซึมเศร้าอย่างรุนแรง

ในขณะที่เขามีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ดี ยังคงมุ่งมั่นที่จะรักษาโรคหายากไม่ว่าต้องแลกกับอะไรก็ตาม ตามรายงานการสัมภาษณ์ การวิจัยทางการแพทย์เป็นยาชั้นดีที่ทำให้เขาสามารถรักษาสติเอาไว้ได้

หลายปีมานี้ เขาไม่เพียงแต่เอาชนะโรคมะเร็ง ยังพบความหวังที่จะรักษาผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงได้อีกด้วย เสียดายที่ก่อนที่เขาจะทราบผลอย่างเป็นทางการ ก็ต้องพบกับความเจ็บป่วยซึ่งนำไปสู่ความผิดปกติทางจิตอย่างสมบูรณ์ และหยุดการวิจัยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

แต่พวกเราเชื่อว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ ต้องมีคนรุ่นหลังมาสืบทอดเจตนาที่ยังไม่บรรลุผลของเขาเป็นแน่

อ่านถึงตรงนี้ กงจื่อโยวอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาอย่างระมัดระวังว่า “ข้าเคยได้ยินอวิ๋นหลิงบอกว่า มะเร็งเป็นโรคที่น่ากลัวไม่มีทางรักษาให้หายได้ คนคนนี้......แม้ว่าเขาจะสร้างองค์กรขึ้นมา แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่คนที่สติฟั่นเฟือนไปเสียทั้งหมด”

บนรายงานฉบับนี้ยังมีรูปถ่ายทั้งตอนวัยหนุ่มและวัยแก่ของฉีไหวเซิง เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายดูเป็นคนดีมากทีเดียว แววตาในวัยหนุ่มดูมีสติสัมปชัญญะดีมาก แต่ก็ดูมุ่งมั่นแจ่มใส

เฟิ่งเหมียนกวาดตาดูรูปถ่ายแวบหนึ่ง เลิกคิ้วก่อนจะพูดว่า “มองจากรูปลักษณ์ภายนอก ไม่ใช่คนที่เลวร้ายอะไร แต่มีสุขวาสนากับเวรกรรมปะปนกัน เป็นโหงวเฮ้งที่พบเห็นได้ยากมาก”

หลงเย่เม้มปากไม่พูดอะไร พวกพี่น้องของนางไม่ชอบชื่อนี้เลย

นางเลื่อนดูต่อไป ประกายตาหม่นแสงลง

นอกจากนี้ ตามคำบอกเล่าของคนวงใน ตอนที่แพทย์ผู้อัจฉริยะคนนี้มีไร้สติสัมปชัญญะ มักจะบ่นหาคนที่ชื่อ’เต้าหวู๋ซิน’ไปทั่ว

คนในตระกูลฉีคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ด้วยเหตุนี้ยังเคยออกประกาศตามหาบุคคลคนนี้โดยมีเงินรางวัลตอบแทนสูง แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า

แต่สิ่งที่เป็นที่กล่าวขวัญถึง ก็คือวันที่ฉีไหวเซิงเสียชีวิต เขาที่อยู่ในอาการเลอะเลือนมาหลายสิบปี จู่ๆก็ฟื้นคืนสติขึ้นมาราวกับปาฏิหาริย์

เขาบอกกับนางพยาบาลที่ดูแลอย่างดีใจว่า ในที่สุดตัวเองก็หาคนคนนั้นเจอ และสิ้นสุดภาระในใจไปเรื่องหนึ่ง

หลงเย่ยังจำได้ดี เต้าหวู๋ซินเคยพูดเอาไว้เช่นนี้

‘เขาเคยบอกว่ามอยเรเป็นเทพีแห่งโชคชะตาในตำนานเทพเจ้ากรีก แม้แต่บิดาสวรรค์อย่างซุสก็ไม่สามารถฝ่าฝืนลิขิตของนางได้ และชาวกรีกคิดว่าทุกคนต่างก็มีเทพีแห่งโชคชะตาของตนเอง ด้วยเหตุนี้เขาจึงหวังจะให้ผู้ป่วยทุกคนล้วนสามารถกำหนดโชคชะตาของตนเองได้เช่นเดียวกัน เพื่อเอาชนะโรคภัย’

แค่วิเคราะห์จากคำพูดประโยคนี้ ฉีไหวเซิงเป็นผู้ที่มีอุดมการณ์สูงส่งมากคนหนึ่ง

“แต่ว่า การที่เขามีอุดมการณ์สูงส่งเช่นนี้ แต่คนรอบกายกลับถูกความปรารถนาครอบงำอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นอุดมการณ์ของเขาจึงกลายเป็นเครื่องมือหาประโยชน์ของคนอื่น ให้กำเนิดองค์กรผิดกฎหมายในเวลาต่อมา”

การแพทย์ของฉีไหวเซิงประสบความสำเร็จสูงมาก แต่เขาช่วยเหลือคนที่ถูกผลประโยชน์ครอบงำไม่ได้

บางที โรคซึมเศร้าขั้นรุนแรงที่เขาเป็นในตอนหลังอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็เป็นได้

เข้าใจในจุดนี้แล้ว หลงเย่ก็ถอนหายใจออกมาด้วยอารมณ์ซับซ้อน “ฉีไหวเซิงควบคุมสถานการณ์เช่นนั้นไม่ได้ จนถึงสุดท้าย องค์กรมอยเรไม่ใช่องค์กรที่เขากับเต้าหวู๋ซินร่วมกันสร้างขึ้นมาอีกต่อไปแล้ว หลุดพ้นจากความควบคุมไปจนหมดสิ้น”

เฟิ่งเหมียนค่อยๆเอ่ยขึ้นว่า “เขาช่วยเหลือคนมากมาย และทำร้ายผู้คนมากมายอย่างต่อเนื่อง ช่างเป็นผู้ที่มีความคิดหนึ่งเป็นพระ ความคิดหนึ่งเป็นมารจริงๆ”

“ข้าขอเดาอย่างบังอาจ ที่ผู้อาวุโสหวู๋ซินไม่ได้บอกเรื่องเหล่านี้กับพวกเรา เพราะเข้าใจในความแค้นที่พวกข้ามีแต่เขา ดังนั้นจึงไม่ได้เอ่ยต่อหน้าพวกเจ้า”

เต้าหวู๋ซินเข้าใจดี ในฐานะที่เป็นหนึ่งในเหยื่อจำนวนมาก พวกพี่น้องหลงเย่ไม่มีจุดยืนที่จะให้อภัยและเข้าใจในตัวฉีไหวเซิง

หลงเย่พยักหน้า แววตาอ่อนโยนลงหลายส่วน

เขาช่างเป็นพ่อที่อบอุ่นจริงๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ