หลงเย่ยิ้มจางๆ มองเขาด้วยแววตาอ่อนโยนแจ่มใส
เห็นเช่นนั้น เฟิ่งเหมียนกับเสวียนจีต่างก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างไม่นัดหมาย
แม้ว่าทั้งสองคนหนึ่งจะนิ่งเฉยตลอดมา อีกคนก็ไม่สนใจอะไร แต่ก็ยังคงทนมองทั้งสองคนที่แสดงความรักต่อกันอย่างเต็มเปี่ยมไม่ได้ สายตาหวานราวกับว่าวินาทีต่อไปจะเชื่อมต่อกันแล้ว
เสวียนจีเอียงศีรษะเอ่ยเสียงเบาๆว่า “เห็นแก่ท่านที่เป็นเพื่อนรักข้า ประเดี๋ยวข้าก็จะมอบให้ท่านหนึ่งเครื่อง”
เฟิ่งเหมียนก็กดเสียงลงต่ำ เอ่ยอย่างลังเลอยู่บ้างว่า “......สิ่งนี้ เกรงว่าคงจะแพงมากกระมัง”
“มือถือสำหรับโลกใบนี้ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่อะไร แทบจะมีกันทุกคน ท่านไม่ต้องเกรงใจข้า” เสวียนจีเอ่ยด้วยดวงตาเปล่งประกาย “ถ้าอยากจะตอบแทนข้าละก็ ประเดี๋ยวเข้ากลุ่มเล่นเกมกับข้าก็พอ ฮึๆ......”
เมื่อคืนก่อนนอนนางได้ล็อกอินเข้าไปดูในเกมที่ตัวเองชอบ เจ๋งเลยนี่เป็นวันสุดท้ายในกิจกรรมจำกัดเวลาในวันแห่งความรักแล้ว
ประเดี๋ยวผูกบัญชีคู่รักกับเฟิ่งเหมียน นางยังทันที่จะได้รับสกินลิมิเต็ดที่ทางเกมจะมอบให้ในครั้งนี้ด้วย
เวลานี้ ในที่สุดหลงเย่ก็ค้นหาบทความต่างๆที่เกี่ยวข้องกับฉีไหวเซิงจนเจอ
‘การเสียชีวิตของอัจฉริยะทางการแพทย์ฉีไหวเซิง’
วันที่10 เดือนมีนาคม ค.ศ.2223 นายแพทย์ฉีไหวเซิงที่มีชื่อเสียงได้ถึงแก่กรรมแล้วที่โรงพยาบาลในเมืองหลง สิริอายุหนึ่งร้อยปี
มีรายงานว่า ฉีไหวเซิงในอายุสามสิบห้าปีเป็นโรคทางประสาทอย่างรุนแรง ไม่เพียงแต่มีอาการของโรคจิตเภท ยังเป็นโรคซึมเศร้าอย่างรุนแรง
ในขณะที่เขามีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ดี ยังคงมุ่งมั่นที่จะรักษาโรคหายากไม่ว่าต้องแลกกับอะไรก็ตาม ตามรายงานการสัมภาษณ์ การวิจัยทางการแพทย์เป็นยาชั้นดีที่ทำให้เขาสามารถรักษาสติเอาไว้ได้
หลายปีมานี้ เขาไม่เพียงแต่เอาชนะโรคมะเร็ง ยังพบความหวังที่จะรักษาผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงได้อีกด้วย เสียดายที่ก่อนที่เขาจะทราบผลอย่างเป็นทางการ ก็ต้องพบกับความเจ็บป่วยซึ่งนำไปสู่ความผิดปกติทางจิตอย่างสมบูรณ์ และหยุดการวิจัยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
แต่พวกเราเชื่อว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ ต้องมีคนรุ่นหลังมาสืบทอดเจตนาที่ยังไม่บรรลุผลของเขาเป็นแน่
อ่านถึงตรงนี้ กงจื่อโยวอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาอย่างระมัดระวังว่า “ข้าเคยได้ยินอวิ๋นหลิงบอกว่า มะเร็งเป็นโรคที่น่ากลัวไม่มีทางรักษาให้หายได้ คนคนนี้......แม้ว่าเขาจะสร้างองค์กรขึ้นมา แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่คนที่สติฟั่นเฟือนไปเสียทั้งหมด”
บนรายงานฉบับนี้ยังมีรูปถ่ายทั้งตอนวัยหนุ่มและวัยแก่ของฉีไหวเซิง เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายดูเป็นคนดีมากทีเดียว แววตาในวัยหนุ่มดูมีสติสัมปชัญญะดีมาก แต่ก็ดูมุ่งมั่นแจ่มใส
เฟิ่งเหมียนกวาดตาดูรูปถ่ายแวบหนึ่ง เลิกคิ้วก่อนจะพูดว่า “มองจากรูปลักษณ์ภายนอก ไม่ใช่คนที่เลวร้ายอะไร แต่มีสุขวาสนากับเวรกรรมปะปนกัน เป็นโหงวเฮ้งที่พบเห็นได้ยากมาก”
หลงเย่เม้มปากไม่พูดอะไร พวกพี่น้องของนางไม่ชอบชื่อนี้เลย
นางเลื่อนดูต่อไป ประกายตาหม่นแสงลง
นอกจากนี้ ตามคำบอกเล่าของคนวงใน ตอนที่แพทย์ผู้อัจฉริยะคนนี้มีไร้สติสัมปชัญญะ มักจะบ่นหาคนที่ชื่อ’เต้าหวู๋ซิน’ไปทั่ว
คนในตระกูลฉีคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ด้วยเหตุนี้ยังเคยออกประกาศตามหาบุคคลคนนี้โดยมีเงินรางวัลตอบแทนสูง แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า
แต่สิ่งที่เป็นที่กล่าวขวัญถึง ก็คือวันที่ฉีไหวเซิงเสียชีวิต เขาที่อยู่ในอาการเลอะเลือนมาหลายสิบปี จู่ๆก็ฟื้นคืนสติขึ้นมาราวกับปาฏิหาริย์
เขาบอกกับนางพยาบาลที่ดูแลอย่างดีใจว่า ในที่สุดตัวเองก็หาคนคนนั้นเจอ และสิ้นสุดภาระในใจไปเรื่องหนึ่ง
‘เขาเคยบอกว่ามอยเรเป็นเทพีแห่งโชคชะตาในตำนานเทพเจ้ากรีก แม้แต่บิดาสวรรค์อย่างซุสก็ไม่สามารถฝ่าฝืนลิขิตของนางได้ และชาวกรีกคิดว่าทุกคนต่างก็มีเทพีแห่งโชคชะตาของตนเอง ด้วยเหตุนี้เขาจึงหวังจะให้ผู้ป่วยทุกคนล้วนสามารถกำหนดโชคชะตาของตนเองได้เช่นเดียวกัน เพื่อเอาชนะโรคภัย’
แค่วิเคราะห์จากคำพูดประโยคนี้ ฉีไหวเซิงเป็นผู้ที่มีอุดมการณ์สูงส่งมากคนหนึ่ง
“แต่ว่า การที่เขามีอุดมการณ์สูงส่งเช่นนี้ แต่คนรอบกายกลับถูกความปรารถนาครอบงำอย่างเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นอุดมการณ์ของเขาจึงกลายเป็นเครื่องมือหาประโยชน์ของคนอื่น ให้กำเนิดองค์กรผิดกฎหมายในเวลาต่อมา”
การแพทย์ของฉีไหวเซิงประสบความสำเร็จสูงมาก แต่เขาช่วยเหลือคนที่ถูกผลประโยชน์ครอบงำไม่ได้
บางที โรคซึมเศร้าขั้นรุนแรงที่เขาเป็นในตอนหลังอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็เป็นได้
เข้าใจในจุดนี้แล้ว หลงเย่ก็ถอนหายใจออกมาด้วยอารมณ์ซับซ้อน “ฉีไหวเซิงควบคุมสถานการณ์เช่นนั้นไม่ได้ จนถึงสุดท้าย องค์กรมอยเรไม่ใช่องค์กรที่เขากับเต้าหวู๋ซินร่วมกันสร้างขึ้นมาอีกต่อไปแล้ว หลุดพ้นจากความควบคุมไปจนหมดสิ้น”
เฟิ่งเหมียนค่อยๆเอ่ยขึ้นว่า “เขาช่วยเหลือคนมากมาย และทำร้ายผู้คนมากมายอย่างต่อเนื่อง ช่างเป็นผู้ที่มีความคิดหนึ่งเป็นพระ ความคิดหนึ่งเป็นมารจริงๆ”
“ข้าขอเดาอย่างบังอาจ ที่ผู้อาวุโสหวู๋ซินไม่ได้บอกเรื่องเหล่านี้กับพวกเรา เพราะเข้าใจในความแค้นที่พวกข้ามีแต่เขา ดังนั้นจึงไม่ได้เอ่ยต่อหน้าพวกเจ้า”
เต้าหวู๋ซินเข้าใจดี ในฐานะที่เป็นหนึ่งในเหยื่อจำนวนมาก พวกพี่น้องหลงเย่ไม่มีจุดยืนที่จะให้อภัยและเข้าใจในตัวฉีไหวเซิง
หลงเย่พยักหน้า แววตาอ่อนโยนลงหลายส่วน
เขาช่างเป็นพ่อที่อบอุ่นจริงๆ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...