เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1110

กงจื่อโยวกลับเดินวนอยู่ที่โซนเครื่องสำอางไม่ยอมกลับ เอาแต่ทอดถอนใจไม่หยุดว่าชาดและแป้งทาผิวที่นี่ทำให้ประณีตมาก

“ถ้าหากข้าสามารถเอาของเหล่านี้ไปขายทางโน้นได้ ต้องได้รับความนิยมมากแน่”

การค้ามากมายภายใต้ชื่อสำนักทิงเสวี่ย หนึ่งในการค้าที่ทำเงินมากที่สุดก็คือชาดและแป้งทาผิว

โดยเฉพาะที่แคว้นถังใต้ ผู้คนมีข้อกำหนดที่เข้มงวดเรื่องความงามและมารยาทของหญิงสาวมาก แม้จะเป็นหญิงสาวธรรมดาทั่วไป เมื่อออกจากบ้านจำเป็นต้องทาแป้งและชาด

ถ้าหากไม่เขียนคิ้วและทาปาก เหล่าหญิงสาวกระทั่งอายที่จะออกจากบ้าน และจะถูกคนอื่นตำหนิว่าเสียมารยาท

กงจื่อโยวไม่ชอบกฎเกณฑ์ที่ผูกมัดผู้คนเช่นนี้ แต่เขารักความสวยความงามมาตั้งแต่เกิด คิดว่านี่คือธรรมชาติของมนุษย์

เขาหวังว่าเหล่าสาวๆจะแต่งหน้าเพื่อความสุขของตนเอง แต่ไม่ใช่เพื่อให้ผู้ชายชื่นชอบ

ร้านค้าของเขาได้ถ่ายทอดความคิดเช่นนี้ ชั่วขณะหนึ่งทำให้เขากลายเป็น’เพื่อนของผู้หญิง’ ดังนั้นชาดและแป้งทาหน้าจึงขายดีมาก ได้รับความนิยมจากสาวๆเป็นอย่างสูง

แต่ว่า ปกติแล้วกงจื่อโยวก็ให้ความสำคัญกับการบำรุงผิวหน้า แต่กลับไม่เคยทาชาดและแป้งบนใบหน้าเลย

เขาเป็นคนหลงตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองหน้าตาดีมาตั้งแต่เกิด พวกชาดและแป้งกลับจะทำให้ใบหน้าเขาแปดเปื้อน

เดินเที่ยวอย่างตื่นเต้นอยู่ครึ่งวัน เห็นว่าข้างๆมีหวีหน้าตาแปลกๆวางโชว์อยู่มากมาย กงจื่อโยวหยิบขึ้นมาหวีผมที่รวบขึ้นเป็นหางม้าของตนเอง อาศัยตู้กระจกสะท้อนแสงที่อยู่ข้างๆเป็นกระจก

การกระทำนี้ดึงดูดสายตาของผู้คนได้ไม่น้อย เขายืดอกเชิดหน้า วางมาดอย่างเงียบๆ กลับได้ยินเสียง’คิกคัก’ของหญิงวัยรุ่นคนหนึ่งดังขึ้นมาทางด้านหลัง

เขารับรู้ได้ถึงความไม่ชอบมาพากลอย่างเลือนราง สายตากวาดมองไป อ่านตัวอักษรยึกยือบนฉลากจนได้ความว่า แปรงสำหรับสัตว์เลี้ยง

กงจื่อโยว “......”

เขาวางหวีลงเงียบๆ รีบเดินกลับไปข้างกายเสวียนจี

“พี่เขย ทำไมท่านไม่เดินเที่ยวแล้วล่ะ”

“......ไม่เดินแล้วไม่เดินแล้ว ข้าหิวแล้ว”

กงจื่อโยวแทบอยากจะหนีไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ในใจเอาแต่ภาวนา หวังว่าจะไม่มีใครเห็นท่าทีน่าเกลียดของเขาเมื่อครู่นี้

เสวียนจียักไหล่ เห็นว่าในที่สุดความอยากในการซื้อของของเขาได้หายไปแล้ว จึงทำการจ่ายเงิน ให้ทางห้างสรรพสินค้าส่งของไปยังบ้านเลขที่6หมู่บ้านทิวลิป

เดินเที่ยวกว่าครึ่งค่อนวัน พอกินข้าวเสร็จก็เป็นเวลาสี่โมงกว่าแล้ว

บนถนนที่มีผู้คนพลุกพล่าน ทั้งสามเดินย่อยอาหาร พลางชื่นชมทัศนียภาพของเมืองนี้

“แม่สาวน้อย เดิมทีข้าคิดว่ารถม้าที่เจ้าทำสุดยอดมากแล้ว คิดไม่ถึงว่ายังมีสิ่งที่วิ่งได้เร็วกว่า......ที่ส่งเราออกมาจากบ้านวันนี้ ช่างทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ”

ทุกวินาทีหลังจากที่มาถึงโลกใบนี้ กงจื่อโยวยังไม่หยุดความอยากรู้และการสำรวจ

ยิ่งเข้าใจที่นี่มากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกตกตะลึง ยิ่งซาบซึ้งใจและชื่นชม

ซาบซึ้งที่หลงเย่ยอมสละชีวิตที่สุขสบายไร้กังวลของที่นี่ และเลือกที่จะอยู่กับเขาในโลกใบนั้นระยะยาว

และชื่นชมความมุ่งมั่นของพวกนาง

“บางครั้ง ข้าก็รู้สึกชื่นชมพวกเจ้าจริงๆ ภายใต้เงื่อนไขที่สามารถกลับมาได้ แต่ยังคงไม่ลืมอีกฝั่ง”

อวิ๋นหลิงกับหลิวฉิงทนที่จะไม่กลับมาทันทีได้อย่างไร

เสวียนจียิ้มจนเห็นฟันเขี้ยว “เพราะทางนั้นมีพวกท่านและท่านพ่อหวู๋ซินอยู่ จึงเป็นบ้านที่แท้จริง”

เมื่อเทียบกับกงจื่อโยวที่พูดมาก เห็นได้ชัดว่าเฟิ่งเหมียนดูเงียบและพูดจาน้อยมาก

เขามองดูรถราเสียงดังที่แล่นไปบนถนน และผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมา ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

เดินทอดน่องช้าๆไปบนถนนโดยหยุดพักบ้างเป็นครั้งคราว ไม่ช้าก็กลับมาถึงสวนสาธารณะที่อยู่ด้านนอกของหมู่บ้านทิวลิป

เห็นว่าบริเวณลานน้ำพุมีคนรุมล้อมอยู่มากมาย กงจื่อโยวที่เดิมทีดูเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้างก็มีท่าทีกระตือรือร้นขึ้นมาทันที

“แม่สาวน้อย คนพวกนั้นทำอะไรกัน”

เสวียนจีกวาดตามอง ก่อนจะเอ่ยตอบว่า “นั่นเป็นมุมนัดหาคู่ พวกลุงป้าน้าอากำลังหาคู่ให้กับลูกของตัวเองอยู่”

บริเวณใกล้เคียงของหมูบ้านทิวลิปยังมีที่อยู่ระดับไฮเอนด์อยู่หมู่บ้านหนึ่ง ตรงกลางมีลานดอกไม้ขนาดใหญ่ มักจะได้เห็นคนแก่มาออกกำลังกายช่วงเช้าที่นี่ แน่นอนว่าย่อมขาดเอกลักษณ์อันโดดเด่นที่สืบทอดมากว่าสามร้อยปีไม่ได้ นั่นก็คือมุมนัดหาคู่ในสวนดอกไม้

“อะไร นัดหาคู่กันที่นี่หรือ” กงจือโยวที่เป็นคนชอบความสนุกคึกคัก ยื่นคอยาวขึ้นมาทันที “ไปๆๆ พวกเราไปดูกันเถอะ”

ทั้งสามเดินไปใกล้กับบริเวณน้ำพุ ก็พบว่าตรงหน้าคนวัยกลางคนจำนวนมากบ้างก็มีกระดาษวางอยู่หนึ่งแผ่นบ้างก็หนึ่งปึก ข้างบนมีรูปถ่ายและข้อมูลพื้นฐานของคนที่จะนัดดูตัว

มีคนคิดว่าการหาคู่ต้องอาศัยวาสนา แค่กระดาษพิมพ์สีใบเดียวก็ถือว่าสิ้นเรื่องแล้ว ยังมีบางคนที่จัดทำข้อมูลของลูกเป็นหนังสือปกแข็ง ข้างในมีภาพถ่ายศิลปะควบคู่กับประวัติที่ยาวเหยียด

กงจื่อโยวที่มีหน้าตาโดดเด่น เขาเพิ่งจะเดินผ่านก็ดึงดูดสายตาผู้คนได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

หนึ่งในนั้นเป็นป้าที่ท่าทางดูร่ำรวยคนหนึ่งกอดหนังสือปกแข็งตาเป็นประกาย เขยิบเข้ามาหาด้วยรอยยิ้มสดใส

“แค่ดูก็รู้แล้วว่าต้องเป็นหนุ่มหน้าตาดีที่ถูกผู้หญิงมีเงินเลี้ยงดู เหลือเกินจริงๆ ไม่มีอะไรทำแล้วมาที่มุมนัดดูตัวทำไม”

กงจื่อโยว “......”

โลกกำลังเสื่อมโทรม ใจคนก็เสื่อมถอยลงจริงๆ

เขาเป็นถึงท่านอ๋องจินผู้มั่งคั่งแห่งแคว้นต้าโจว คิดไม่ถึงว่าจะมีวันที่ถูกคนอื่นมองว่าเป็นผู้ชายขายบริการ

กงจื่อโยวเศร้าใจมาก เสวียนจีที่อยู่ข้างๆมองเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น หัวเราะจนงอหาย

แม้แต่เฟิ่งเหมียนยังสะกดกลั้นความรู้สึกเอาไว้ไม่อยู่ ดวงตามีแววยิ้มขำ

แต่แล้วรอยยิ้มของเขาคงอยู่ได้ไม่นาน คุณป้าที่ดูร่ำรวยคนเมื่อครู่ได้เดินมาข้างกายเขา

“พ่อหนุ่ม เธออายุเท่าไหร่แล้ว ที่บ้านมีใครบ้าง แต่งงานหรือยัง”

มีเสียงกระซิบจากคนรอบข้าง “เธอดูคนข้างๆสิ ท่าทางไม่เลว ดูไม่เหมือนผู้ชายขายบริการ”

พูดจบ ก็ล้อมวงเข้าไป

ไม่ช้าเฟิ่งเหมียนก็พบกับสถานการณ์ที่ถูกห้อมล้อมพูดคุยเหมือนกงจื่อโยวเมื่อครู่นี้ รอยยิ้มแข็งค้างไปทันที

แต่มีตัวอย่างก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ช้าเขาก็พูดคล้อยตามสถานการณ์ “เป็นคนนอกพื้นที่ ปีนี้อายุยี่สิบแปด เป็นลูกคนเดียว พ่อแม่ยังอยู่ ไม่เคยแต่งงาน ช่วงนี้มาเป็นแขกที่บ้านเพื่อน อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านทิวลิปชั่วคราว”

คนรอบข้างลดความสนใจลงไปกว่าครึ่ง แต่คุณป้าที่ดูร่ำรวยคนนั้นยังคงถามอย่างเป็นกันเองว่า “เป็นคนที่ไหน ที่บ้านทำธุรกิจอะไร”

เฟิ่งเหมียนนิ่งคิด ก่อนจะยิ้มอย่างขออภัย “ผมมาจากบ้านนอก ไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึง ที่บ้านเปิดเป็นสถานปฏิบัติธรรม”

ไหนเลยจะคิดว่า สายตาของอีกฝ่ายเป็นประกายขึ้นมาทันที

ผู้คนรอบข้างก็เกิดความสนใจขึ้นมาอีกครั้ง “ที่บ้านเป็นสถานปฏิบัติธรรม ถ้าอย่างนั้นก็ดีมากเลย พ่อหนุ่มเธอถ่อมตัวมากไปแล้ว”

คนที่ครอบครัวมีวัดหรือสถานปฏิบัติธรรม เป็นพวกเจ้าพ่อ ประเภทที่มีทรัพย์สมบัติหลายร้อยล้านแน่ๆ

“จุ๊ๆ พ่อหนุ่มมาทำอะไรที่เมืองหลวง มาคุยธุรกิจกับเพื่อนเหรอ”

“เอ่อ......จะว่าอย่างนั้นก็ได้” เฟิ่งเหมียนเผลอมองไปทางเสวียนจีที่อยู่ห่างออกไป “คิดว่าจะเปิดร้านขายของเล่นกับเพื่อน......”

คุณป้าที่ดูร่ำรวยอุทานออกมา “ร้านขายของเล่น ที่แท้เธอก็มีธุรกิจของตัวเองนี่นา”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ