รอบข้างเริ่มมีคนเข้ามาประจบ “เป็นคนหนุ่มที่มีอนาคตจริงๆ ลูกเศรษฐีที่มีจิตใจแสวงหาความก้าวหน้าอย่างเธอมีไม่มากแล้ว คนหนุ่มสาวตอนนี้ถ้าไม่นอนอยู่บ้านเฉยๆก็เป็นพวกขอเงินพ่อแม่ใช้ ไม่มีหรอกที่จะออกมาสร้างธุรกิจของตัวเอง”
และมีคนเอ่ยอย่างประชดประชันว่า “อยากจะสร้างธุรกิจต้องมีเงินทุน ลูกหลานเศรษฐีออกมาสร้างธุรกิจสำเร็จเราเรียกว่าคนหนุ่มสาวที่มีอนาคต ถ้าล้มเหลวก็กลับไปสืบทอดกิจการที่บ้าน คนทั่วไปไม่มีเงื่อนไขแบบนี้”
คนรอบข้างต่างก็แสดงความคิดเห็น ยังมีคนเกิดความคิดขึ้นมา อยากจะอาศัยเรื่องธุรกิจเพื่อหลอกเอาข้อมูลติดต่อของเฟิ่งเหมียน
“พ่อหนุ่ม ญาติของฉันทำธุรกิจร่วมลงทุน ถ้าเธอจะเปิดร้านของเล่นละก็ ฉันขอนามบัตรหน่อยได้ไหม ถ้าไม่มี จะเป็นพีพีไอดีก็ได้”
“……”
เฟิ่งเหมียนสีหน้าเรียบเฉย ในใจกลับรู้สึกกระวนกระวายอยู่บ้าง
นามบัตรอะไร พีพีไอดีอะไร เขาฟังไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่คำเดียว
ดีที่พวกน้าๆที่มีท่าทีกระตือรือร้นได้เบียดลุงคนนั้นไปด้านข้าง คลี่คลายสถานการณ์กระดากกระเดื่องของเขาไปได้
คุณป้าที่ดูร่ำรวยคนนั้นเอ่ยยิ้มๆว่า “พ่อหนุ่ม เธออายุตั้งยี่สิบแปดปีแล้วยังไม่แต่งงาน คงจะมุ่งมั่นอยู่กับธุรกิจแน่ๆ คงจะยุ่งคนไม่มีเวลามีความรักใช่ไหม”
“พอดีเลย ลูกสาวฉันทำก็ร้านเครื่องเขียน เป็นธุรกิจของตัวเอง ฉันรู้สึกว่าพวกเธอสองคนน่าจะเข้ากันได้ดีมากดีเดียว อยากจะลองคบดูไหม”
เฟิ่งเหมียนยังไม่ทันได้เอ่ยปากปฏิเสธ น้าผมลอนอีกคนหนึ่งก็เขยิบเข้ามาข้างกายเขาอย่างไม่ยอมแพ้ โปรโมทลูกของตัวเองอย่างเต็มที่
“โธ่เอ๊ย พ่อหนุ่มเป็นคนบ้างาน ถ้าอย่างนั้นก็คงอยากจะหาภรรยาที่ดีแน่ๆ ถ้าเอาแต่มุ่งมั่นเรื่องธุรกิจทั้งสองคน ครอบครัวจะดีได้ยังไง”
“พ่อหนุ่ม ลูกชายฉันเป็นนักโภชนาการระดับสูง ยังเคยเรียนทำอาหารกับเชฟมิชลินห้าดาวอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นอาหารจีนอาหารฝรั่งล้วนไม่มีปัญหา เขาเป็นคนนิสัยสงบเสงี่ยม ดูแลเทคแคร์เก่งมาก พวกเราเพิ่มเพื่อนกันดีกว่า”
เฟิ่งเหมียน “?”
เขาเข้าใจทุกอย่าง แต่ทำไมต้องนำเสนอแม้แต่ลูกชาย
ในที่สุดใบหน้าเขาก็สูญเสียการควบคุม เอ่ยราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูว่า “คุณผู้หญิงทั้งหลาย ขอบคุณความหวังดีของพวกคุณ ผมมีคนที่ชอบแล้ว”
พอพูดคำนี้ออกไป รอบข้างก็มีเสียงถอนหายใจดังขึ้นมาทันที บนใบหน้าของเหล่าน้าๆเต็มไปด้วยความผิดหวัง
เกรงว่าจะถูกรบเร้าต่อ เฟิ่งเหมียนรีบหมุนตัวจากไป เงาร่างดูน่าเวทนาอย่างเห็นได้ชัด
เสวียนจีกับกงจื่อโยวไม่รู้ว่าออกห่างจากกลุ่มคนในลานกลางแจ้งตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งสองคนต่างก็ถือไอศกรีมช็อกโกแลตเอาไว้ในมือคนละแท่ง ดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างสนุกสนาน
มุมปากของกงจื่อโยวเลอะช็อกโกแลต เอ่ยอย่างเห็นใจว่า “โถ คิดไม่ถึงว่าพี่เฟิ่งที่ปราดเปรียวขนาดนี้ ยังทนรับความกระตือรือร้นเช่นนี้ไม่ไหว”
เห็นนางหนูคนนั้นยังหัวเราะชอบใจอยู่ข้างๆเขา เฟิ่งเหมียนก็เอ่ยอย่างไม่ค่อยพอใจว่า “ทำไมเจ้าไม่ช่วยข้าคลี่คลายสถานการณ์ ตอนที่ต้องการข้า ก็ให้ข้าเป็นคู่รักอะไรนั่นของเจ้า พอไม่ต้องการข้าแล้ว ก็วิ่งหนีอย่างว่องไวเชียว”
“ก็ช้าเห็นว่าท่านคุยกับพวกน้าๆเหล่านั้นได้ถูกคอมาก ไม่กล้ารบกวนพวกท่าน”
เสวียนจีมองเขาอย่างไร้ความผิด จากนั้นก็เอ่ยสนับสนุนด้วยเจตนาร้าย “ก่อนหน้านี้ท่านอยากจะเรียนรู้เรื่องทางโลกมิใช่หรือ จะให้ข้าช่วยหาแฟนทางนี้ให้เอาไหมล่ะ”
“ที่นี่ไม่เหมือนกับที่นั่น ความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงอิสระมาก คนมากมายที่มีคู่รักไม่ได้มุ่งหมายเรื่องแต่งงาน ก็แค่มีความสุขกับความรักก็เท่านั้น จืดชืดแล้วก็เลิกกัน คนต่อไปดียิ่งกว่า”
“อืม.....ท่านหน้าตาดีขนาดนี้ คงมีผู้หญิงที่ทั้งสาวทั้งสวยทั้งรวยมาชอบมากมายแน่ๆ”
ได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งเหมียนก็รู้สึกจุกในใจ มีความรู้สึกโมโหเกิดขึ้นมาอย่างกะทันหันโดยไม่มีเหตุผล
“เจ้าเห็นข้าเป็นคนอย่างไร”
ถ้าหากเขามีความคิดเช่นนี้จริงๆ ตอนที่อยู่แคว้นตงฉู่ก็คงจะมีหญิงสาวมากมายโผเข้ามาหาเข้าไม่ขาดสายตั้งนานแล้ว
เห็นเฟิ่งเหมียนโมโหแล้ว เสวียนจีก็รีบหยุดทันที ตากลมโตกะพริบปริบๆ
“ข้าก็แค่ล้อเล่น”
พอรู้ตัวว่าตนเองตอบสนองรุนแรงเกินไป เฟิ่งเหมียนก็สงบจิตใจ ค่อยๆพูดขึ้นมาว่า “ขออภัย ข้าไม่ได้ดุเจ้า ข้าก็แค่ไม่ชอบความรู้สึกที่ราวกับลอยคว้างเช่นนั้น”
นี่ไม่เหมือนเขาเลย
แต่ว่า กงจื่อโยวคิดว่าเป็นเช่นนี้ก็ไม่ได้แย่
เพราะเฟิ่งเหมียนที่เป็นแบบนี้ยิ่งอยู่ก็ยิ่งมีชีวิตชีวา และทำให้เขารู้สึกว่าไม่ยากที่จะเข้าใกล้เหมือนแต่ก่อนแล้ว
……
ในวันต่อๆมา หลงเย่ยังคงออกไปทำธุระนอกบ้านทุกวัน กระทั่งมืดค่ำแล้วจึงจะกลับบ้าน
นางไม่ยอมให้เสวียนจีพาทั้งสองคนออกไปไกลนัก ช่วงเช้าของทุกวันยังจัดสรรเวลาสามชั่วโมงออกมาเป็นการเฉพาะ เพื่อเสริมความรู้ด้านต่างๆเกี่ยวกับโลกใบนี้ให้กับเฟิ่งเหมียนและกงจื่อโยว
เพื่อรับประกันว่าพวกเขาจะสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างไม่มีข้อผิดพลาด โดยเฉพาะการเรียนรู้ว่าจะใช้การนำทางและการแบ่งปันตำแหน่ง เพื่อให้หาทางกลับบ้านได้กรณีหลงทาง
ทั้งสามคนถือว่าเชื่อฟังมาก มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้หลงเย่ปวดหัว คือการเรียกให้กงจื่อโยวนอนในทุกคืนต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง
“ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ค่อยดูต่อเถอะ ท่านมองใกล้ขนาดนั้น นานไปท่านจะกลายเป็นคนสายตาสั้น”
ช่วงนี้กงจื่อโยวเสพติดการดูการ์ตูน แค่การ์ตูนเรื่อง《แมวกับหนู》ก็สามารถดูได้ตลอดช่วงบ่าย ไม่ดื่มไม่กินเลยทีเดียว
นางรู้ดีว่านางหนูเสวียนจีนั้นพึ่งพาไม่ได้ ดีที่ยังมีเฟิ่งเหมียน ดังนั้นจึงอยากจะบอกกับอีกฝ่ายว่า ตอนที่ตนเองไม่อยู่ ต้องดูแลสองพี่น้องนั้นให้มากหน่อย
ปรากฏว่าเฟิ่งเหมียนเองก็นั่งดูมือถืออยู่บนโซฟาเช่นกัน ตั้งใจดูหน้าจออย่างใจจดใจจ่อ
หลงเย่เขยิบเข้าไปเหลือบดู ก็พบว่าเขากำลังเล่นเกมมือถืออย่างมีสมาธิ จึงหมดคำพูดในทันที
เห็นทีไม่ว่าจะยุคไหน ก็ไม่มีผู้ชายคนไหนสามารถต้านทานเสน่ห์ของการเล่นเกมได้
คนที่เดิมทีคิดว่าน่าจะพึ่งพาได้มากที่สุดก็ไม่สามารถพึ่งพาได้แล้ว นางรู้สึกเหนื่อยใจจริงๆ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...