เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1114

ในห้องตำรา สองสามีภรรยาปรึกษาหารือกันอย่างกระตือรือร้น ต่างก็ออกความคิดเห็นและกำหนดหัวข้อสำคัญของการสอบจบการศึกษาของเหล่าลูกศิษย์

เดิมทีเรื่องเหล่านี้ ควรจะมีกู้ฉางเซินและคณะอาจารย์ในสำนักศึกษาเป็นผู้มอบหมายหน้าที่ให้กับเหล่าลูกศิษย์

แต่ในสภานักเรียนมีนักเรียนอยู่สองสามคน ล้วนเป็นคนที่ทั้งสองคนให้ความสำคัญมาก จำเป็นต้องกำหนดการทดสอบเองจึงจะสบายใจ

ตอนนี้ ในสภานักเรียนยังเหลือหัวหน้ากรรมการศิลปวัฒนธรรมหรงรั่ว หัวหน้ากรรมการฝ่ายบุ๋นหลิ่วหลันโจวและหัวหน้าสภานักเรียนกู้ฮั่นม่อที่ยังไม่ได้กำหนดหัวข้อการสอบ

หลิ่วหลันโจวเป็นลูกที่อาลักษณ์กรมอาญาให้ความสำคัญมากที่สุด แต่เหมือนว่าหนุ่มน้อยคนนี้จะไม่ค่อยสนใจอยากจะสืบทอดกิจการครอบครัวสักเท่าไหร่ กลับชื่นชอบการศึกษาวรรณคดีและปรัชญา

กลยุทธ์มากมายของสองสามีภรรยาล้วนเต็มไปด้วยความทันสมัย สำหรับคนในยุคนี้แล้วมักจะเกินความเข้าใจ ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือในการประชุมราชสำนักจะมีช่องว่างระหว่างวัยและความคิด

หลิ่วหลันโจวเป็นทั้งลูกหลานของขุนนางใหญ่ ทั้งยังได้รับการปลูกฝังอุดมการณ์จากสำนักศึกษาชิงอี้ ทำให้อวิ๋นหลิงนึกถึงนักเรียนที่ไปศึกษาต่อยังต่างประเทศในยุค1970

นางต้องการคนที่สามารถประสานงานจากภายใน มีตัวตนอยู่อย่างลื่นไหลทนการเสียดทาน คนที่เหลือจะได้ทำงานไม่ลำบากมากนัก

เป็นตัวเชื่อมสำคัญระหว่างอนุรักษนิยมและปฏิวัติใหม่ หนุ่มน้อยคนนี้เหมาะสมมาก

การสอบของหลิ่วหลันโจวดูเหมือนจะง่ายดายมาก แต่ก็ยากมากเช่นกัน

เพราะภารกิจของเขาคือทำงานร่วมกับสภานักเรียนทำการทดสอบคืนๆให้แล้วเสร็จ ผลการสอบของคนอื่นๆเกี่ยวข้องโดยตรงกับผลการสอบของเขา

ส่วนหรงรั่ว จะถูกส่งไปฝึกงานเป็นเจ้าหน้าที่ระดับล่างของสำนักหงหลู

สำหนักหงหลูเป็นหนึ่งในเก้าสำนัก ที่รับผิดชอบในการต้อนรับแขกต่างแคว้น และพิธีการในราชสำนัก เหมือนกับกรมการต่างประเทศในยุคโบราณ ทำหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและเจ้าหน้าที่แปลภาษา

เดิมทีอวิ๋นหลิงอยากจะส่งหรงรั่วไปฝึกงานที่โรงพิมพ์ แต่หลังจากที่สำนักศึกษาชิงอี้ได้เพิ่มวิชาภาษาต่างประเทศเข้ามา กลับทำให้นางพบว่าสาวน้อยคนนี้มีพรสวรรค์ด้านภาษาที่ทรงพลังมาก

คะแนนรวมของหรงรั่วอยู่ในระดับกลางของสำนักศึกษา แต่ภาษาตะวันตกของเขากลับเป็นที่หนึ่งของทั้งสำนักศึกษา กดดันกู้ฮั่นม่อไม่น้อย

สาวน้อยคนนี้เหมือนจะสนใจวิชาด้านภาษาโดยธรรมชาติ ภายใต้การบ้านที่หนักหน่วง คนอื่นๆเรียนภาษาตะวันตกเพิ่มอีกหนึ่งวิชายังรู้สึกลำบากมาก แต่นางกลับสามารถเรียนควบคุมไปกับภาษาทูเจวีย และมีผลการเรียนในวิชานี้เป็นสิบอันดับแรก

เซียวปี้เฉิงอดไม่ได้ที่จะบ่นว่า “นางหนูคนนี้ดีทุกอย่าง แต่ถูกไป๋ชวนชักจูงให้เขวไปบ้าง มักจะโดดเรียนออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก”

ถ้าหากจริงจังกว่านี้อีกสักหน่อย ไหนเลยจะมีระดับผลการเรียนแค่ระดับกลางของสำนักศึกษา

เฟิงอู๋จีที่เป็นหัวหน้ากรรมการตรวจสอบวินัย จะทำรายงานส่งทุกเดือน เขาได้เห็นชื่อของสาวน้อยคนนี้ทุกครั้ง

เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้นำสภานักเรียน ถ้าไม่ใช่เพราะนางหนูคนนี้จัดการเรื่องกิจกรรมสันทนาการต่างๆของสำนักศึกษาได้อย่างดีเยี่ยม เขาคงจะไม่มีเหตุผลไปอธิบายกับเหล่าอาจารย์ ทำไมจึงไม่ไล่อีกฝ่ายออกจากตำแหน่ง

อวิ๋นหลิงพูดยิ้มๆว่า “ข้ากลับรู้สึกว่าดีมาก ขณะที่โดดเรียนยังสามารถรักษาผลการเรียนเอาไว้ได้ ก็ถือเป็นความสามารถอย่างหนึ่งมิใช่หรือ ข้าได้ยินมาว่านางคลุกคลีอยู่กับไป๋ชวนมานานแล้ว แม้แต่ภาษาเหมียวก็เรียนรู้ได้ไม่น้อยทีเดียว”

“สาวน้อยหรงรั่วคนนี้นิสัยร่าเริง ใจกว้างและกระตือรือร้น มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีมากในสำนักศึกษา นางทำหน้าที่ของหัวหน้ากรรมการศิลปวัฒนธรรมได้โดดเด่นมาก เป็นอัจฉริยะในการเข้าสังคมจริงๆ ภายหน้าสำนักหงหลูย่อมขาดนางไม่ได้”

อาศัยแค่มีความสามารถด้านภาษาหลายภาษา ตำแหน่งขุนนางหญิงจัดสรรของหรงรั่วนั้นมั่นคงแน่แล้ว

สุดท้าย ก็เหลือแค่กู้ฮั่นม่อ

เป็นคนที่สองสามีภรรยาให้ความสำคัญมากที่สุด การทดสอบของเขาแตกต่างจากคนอื่น และยากที่สุด

ทุกคนต่างก็ถูกส่งไปทำงานในระดับล่างและพื้นที่ต่างๆ มีเพียงเขาที่ถูกเซียวปี้เฉิงโยนเข้าไปในวังหลวง และทิ้งป้ายแขวนเอวเอาไว้ให้

“นี่เป็นป้ายคำสั่งที่ข้ามอบให้เจ้า พบป้ายคำสั่งดุจพบข้า หากเป็นวันหยุดของสำนักศึกษา หรือหากไม่มีคาบเรียนในสำนักศึกษา ให้ท่านอ๋องโม่พาเจ้าเข้าวังประชุมราชสำนักด้วย อย่าได้เกียจคร้านอย่างเด็ดขาด”

“มีป้ายคำสั่งนี้อยู่ เจ้าสามารถเข้าออกวังหลวงและทั้งหกกรมได้ตามใจ กระทั่งการไปเยี่ยมเยือนจวนของเหล่าขุนนางบุ๋นบู๊ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถปฏิเสธได้”

สำหรับกู้ฮั่นม่อแล้ว เป็นทั้งเรื่องที่น่าภูมิใจ และเป็นวิกฤติด้วย

แต่อวิ๋นหลิงก็รอดูผลงานของเขา

……

ยุ่งมากว่าครึ่งเดือน ภายใต้การช่วยเหลือของกู้ฉางเซิน สองสามีได้ทำการจัดสรรเรื่องการสอบจบการศึกษาของนักเรียนในสำนักศึกษาชิงอี้จนเสร็จหมดแล้ว

รอให้ถึงต้นเดือนสิบ จะเริ่มการฝึกงานอย่างเป็นทางการ

ในที่สุดอวิ๋นหลิงก็มีเวลาว่างสองวัน เตรียมตัวกลับไปยังยุคปัจจุบันด้วยความคาดหวังที่เต็มเปี่ยม

นางกับเซียวปี้เฉิงประกาศให้คนภายนอกรู้ว่า จะไปตรวจเยี่ยมประชาชนในเมืองลี่ที่อยู่ข้างๆ จะไม่เข้าประชุมราชสำนักครึ่งเดือน ระหว่างนั้นจะมีพวกอ๋องโม่คอยช่วยเหลือจักรพรรดิจาวเหริน

ส่วนลูกๆทั้งสามคน อวิ๋นหลิงได้ไตร่ตรองดูแล้ว ตัดสินใจยังไม่พาไปด้วยในตอนนี้

พวกเขาอายุยังน้อย การไปทำงานครั้งนี้ อาจมีช่วงเวลาที่ดูแลไม่ทั่วถึง

รอให้ว่างกว่านี้ ค่อยพาพวกเขาไปเล่นให้เต็มที่เลย

ภายในตำหนักฉางหนิง พระเจ้าหลวงรออย่างร้อนอกร้อนใจตั้งนานแล้ว เป็นการรอคอยที่ยาวนานจริงๆ

“คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง ข้าได้บอกกับเจ้าเก้าแล้ว ว่าข้าจะแปรพระราชฐานครึ่งเดือน ประเดี๋ยวข้าจะแสร้งทำเป็นออกจากวัง จากนั้นก็ไปซ่อนตัวเอาไว้ พวกเจ้าเองก็ต้องระวังหน่อย อย่าให้ใครเห็นเข้าล่ะ”

อวิ๋นหลิงดูตาแก่น้อยที่ทำท่าราวกับ”โจรกระทำความผิด” ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขำ

“ท่านไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้น มีอาจารย์หวู๋ซินอยู่ เขาจะช่วยพวกเราไม่ให้คนอื่นเห็น”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ