เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1116

หลงเย่หัวใจกระตุก มีกงจื่อโยวเป็นบทเรียนก่อนหน้านี้ เกรงว่าคนแก่จะถูกหุ่นยนต์ทำให้ตกใจจนเกิดอะไรขึ้นมา

นางคิดไม่ถึงเลยว่าสองสามีภรรยาจะพาพระเจ้าหลวงมาด้วย เมื่อครู่ตอนที่พวกเขาไปรออยู่ที่สวนดอกไม้ เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นคนแรกที่ออกมาจากค่ายกล ทั้งสี่ต่างก็รู้สึกมึนงงมาก

ขณะที่กำลังรู้สึกเป็นห่วง ก็เห็นพระเจ้าหลวงไม่มีทีท่าตื่นเต้นหวาดกลัวเลยสักนิด ยังยื่นมือออกมาลูบตัวของอ้ายเฟยอย่างประหลาดใจ

อ้ายเฟยถามอย่างไม่เข้าใจว่า “แขกที่รัก คุณลูบฉันทำไม”

พระเจ้าหลวงกระโดดตัวลอยขึ้นมาทันที “อ๊ะ ในนี้มีคนซ่อนอยู่หรือ”

อวิ๋นหลิงกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ เดินเข้าไปอธิบายถึงประวัติที่มาที่ไปของอ้ายเฟย รวมไปถึงอะไรคือหุ่นยนต์ในบ้าน

พระเจ้าหลวงฟังได้ครึ่งเดียว ก็รีบพึมพำออกมาทันทีว่า “เข้าใจแล้ว ข้าเข้าใจแล้ว นี่ต้องเป็นอาวุธแห่งจิตวิญญาณแน่ๆ”

“ได้ยินมาว่าเวลาที่เซียนสร้างอาวุธแห่งจิตวิญญาณและอาวุธวิเศษ ถ้าหากเพิ่มวิญญาณของสัตว์ประหลาดเข้าไปด้วย ก็จะทำให้กลายเป็นสิ่งล้ำค่าที่มีจิตวิญญาณ เจ้าเปลือกเหล็กนี่มีที่มาไม่ธรรมดาเลย”

อ้ายเฟยที่เป็นเทคโนโลยีเอไอระดับสูง สามารถเข้าใจความหมายในคำพูดของพระเจ้าหลวงทั้งหมด การตั้งค่าด้านความตลกขบขันกระทั่งทำให้มันพูดล้อเล่นอย่างให้ความร่วมมือขึ้นมา

“ฮ่าๆ คุณชมกันเกินไปแล้ว บางทีฉันอาจจะเคยเป็นสมบัติในมือของเซียนคนนั้นก็ได้”

เซียวปี้เฉิงอดไม่ได้ที่จะเขยิบเข้าไปหา เอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “เสด็จปู่ขยับออกไปหน่อย ให้ข้าลองจับดู”

ทันใดนั้นสองปู่หลานก็เริ่มลงมือ”ลูบไล้ไปมา” จับตรงนี้ เคาะตรงนั้น

กู้ฉางเซินก็เลิกคิ้วมองไปทางอ้ายเฟย เอียงศีรษะไปกระซิบถามอะไรบางอย่างกับหลิวฉิง

พวกพี่น้องอวิ๋นหลิงทำหน้าไม่ถูกขึ้นมาทันที

กงจื่อโยวเห็นเช่นนั้น กลับเบิกตาโต “พวกท่านเห็นมันครั้งแรก ไม่รู้สึกกลัวเลยหรืออย่างไร”

เซียวปี้เฉิงเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ “ก็แค่เปลือกที่ทำจากเหล็ก มีอะไรต้องกลัว ถ้าจะบอกว่าแปลกไหม ต้องบอกเลยว่าแปลกมาก”

กู้ฉางเซินก็ตอบอย่างรู้สึกสนใจมากว่า “เป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์มากจริงๆ ข้าเคยเห็นกลไกหุ่นไม้ที่ลูกศิษย์ตระกูลโม่และผู้สืบทอดของหลู่ปันสร้างขึ้นมา แต่กลไกหุ่นเหล็กที่สามารถพูดคุยได้ข้าเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก”

เหมือนพระเจ้าหลวงจะรับรู้ถึงอะไรบางอย่าง หันไปมองทางกงจื่อโยวอย่างได้ใจว่า “เห็นทีก่อนหน้านี้เจ้าหมอนี่คงตกใจไม่น้อย”

“เฮ้อ คนหนุ่มก็คือคนหนุ่ม มีประสบการณ์ชีวิตน้อย ไม่เหมือนข้าที่เป็นวีรบุรุษไร้เทียมทาน จะขี้ขลาดก็เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้”

กงจื่อโยวใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที ชี้ไปทางเฟิ่งเหมียนแล้วเอ่ยเสียงสูงว่า “ที่ ที่ไหนกัน......ตอนนั้นพี่เฟิ่งเหมียนก็ถูกทำให้ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อเหมือนกัน”

แต่แล้วเฟิ่งเหมียนกลับเอ่ยด้วยเสียงเรียบเฉยว่า “ข้าไม่ได้กลัวมัน แต่เสียงร้องราวกับสัตว์ประหลาดของท่าน ทำให้ข้าตกใจ”

กงจื่อโยว “......”

คำพูดนี้ไม่ต้องพูดออกมาก็ได้ จะให้เขาเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

ในขณะที่กงจื่อโยวกำลังรู้สึกโกรธ เสวียนจีก็ร้องเรียกให้ทุกคนนั่งลงเพื่อกินมื้อดึกด้วยความตื่นเต้นดีใจ

“รู้ว่าพวกท่านจะมา พวกเราได้เตรียมอาหารปิ้งย่างเอาไว้โดยเฉพาะ คืนนึคึกคักมากจริงๆ พวกเราต้องฉลองกันสักหน่อย ฮึๆๆ”

อวิ๋นหลิงเพิ่งจะสังเกตเห็นว่า โต๊ะกินข้าวที่บ้านได้เปลี่ยนใหม่เป็นโต๊ะยาวแบบตะวันตก สามารถรองรับทุกคนได้

ข้างบนมีตะแกรงปิ้งย่างและกระทะก้นแบนที่หลงเย่ซื้อมาวางอยู่ ข้างหนึ่งเป็นพวกผักและเนื้อสด อีกข้างเป็นพวกเครื่องดื่มและของหวาน

ระดับการยอมรับโลกใบใหม่ของพระเจ้าหลวงสูงกว่าที่พวกเขาคิดไปมากทีเดียว เพิ่งจะเข้าบ้านมาได้ไม่ถึงยี่สิบนาที ก็คุ้นเคยกับคฤหาสน์หลังนี้แล้ว

สิ่งแปลกใหม่ของที่นี่ไม่มีผลกระทบต่อเขาในการทำตัวให้กลมกลืนเลยสักนิด

อาศัยจังหวะที่กินปิ้งย่าง อวิ๋นหลิงอธิบายถึงเหตุผลที่มาพระเจ้าหลวงมาที่นี่ด้วย

“คืนนั้นตอนที่พวกท่านกระโดดลงไปในบ่อถูกเขาพบเห็นเข้า ปิดบังไม่อยู่ก็เลยต้องเปิดเผยตรงๆ หลังจากนั้นก็เอาแต่บ่นว่าจะมาเที่ยวที่นี่ด้วย”

หลงเย่เห็นคนแก่ที่ปรับตัวกับที่นี่ได้ดีมาก ก็รู้สึกวางใจ พูดยิ้มๆว่า “โชคดีที่ข้าได้เก็บกวาดทั้งสองห้องของชั้นแรกไว้เรียบร้อยแล้ว เดิมทีคิดว่าจะเตรียมไว้ใช้เป็นห้องนอนแขก คิดไม่ถึงว่าจะได้ใช้อย่างรวดเร็วเช่นนี้”

“อย่างนี้ก็ดี ข้าไม่เคยคิดเลยว่าบ้านของพวกเราจะมีวันที่คึกคักมากขนาดนี้”

ที่จริงนางเป็นคนชอบความเงียบสงบ ไม่ชอบเสียงเอะอะของผู้คน

ไม่ไกลออกไปนัก ในคฤหาสน์เลขที่ห้าฉีเทียนเหอกลับนอนหลับไม่สนิทสักเท่าไหร่

นี่เป็นวันแรกที่เขาย้ายมาที่นี่ หลังจากที่จัดการเรื่องราววุ่นวายของตระกูลฉีแล้ว เขากลับมาถึงบ้านก็ล้มตัวลงนอนทันที

ช่วงกลางดึก กลับถูกความรู้สึกร้อนผ่าวที่บริเวณหน้าอกทำให้ตื่นขึ้นมา

ผมสีเงินยุ่งเหยิง ชายหนุ่มที่สวมใส่ต่างหูสีดำตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ รู้สึกสะดุ้งโหยง

“ให้ตาย”

ฉีเทียนเหอลุกขึ้นนั่งทันที คว้าจี้อุกกาบาตที่ห้อยอยู่ตรงอกขึ้นมา พบว่าเจ้าสิ่งนี้กำลังเปล่งประกาย

เขาจำได้อย่างเลือนรางว่า ตอนที่เกิดเหตุกับยานอวกาศ เหมือนจะเคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นแล้ว

“ไม่ใช่มั้ง หรือว่าฉันจะทะลุมิติอีกแล้ว”

หินอุกกาบาตที่ลึกลับก้อนนี้แฝงไปด้วยพลังยิ่งใหญ่ที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ บางทีอาจสามารถนำไปเป็นแหล่งพลังงานของการทดลองยานอวกาศข้ามมิติเวลาได้ ตอนนั้นนักวิทยาศาสตร์ที่สร้างยานอวกาศได้บอกกับเขาไว้อย่างนี้

ฉีเทียนเหอขมวดคิ้วแน่น พาร่างท่อนบนที่เปล่าเปลือยไปดึงม่านหน้าต่างออก ค่อยๆเดินไปยังระเบียงโล่งด้านนอก กลับพบว่าบนท้องฟ้าไม่ได้มีฝนดาวตกแต่อย่างใด

เวลานี้เอง จู่ๆเขาก็รู้สึกถึงความร้อนของหินอุกกาบาตในมือที่เพิ่มขึ้น

ลองแกว่งจี้หินอุกกาบาตไปมา เป็นเพราะเข้าใกล้กับบางสิ่งบางอย่างจึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ใช่หรือไม่

ฉีเทียนเหอสวมเสื้อผ้าเรียบร้อย ลงมาจากบ้านด้วยผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง เดินวนรอบคฤหาสน์

กระทั่งหินสีแดงในมือเปล่งประกายแดงฉานราวกับสีของลาวา ร้อนจนไม่สามารถกำไว้ในมือได้

เขาก็หยุดลง จ้องมองไปข้างหน้านิ่งๆ

“นี่มัน......สวนหลังบ้านของบ้านข้างๆนี่นา”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ