เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1117

ลมยามราตรีพัดโชยมา ฉีเทียนเหอเขย่งปลายเท้าย่องไปรอบๆ ด้านหลังรั้วเหล็กสีขาว ยืดคอมองเข้าไปข้างในอย่างลับๆ ล่อๆ

สวนดอกไม้ด้านหลังว่างเปล่า ดอกกุหลาบจันทร์กำลังบานสะพรั่งท่ามกลางรัตติกาล นอกจากโครงชิงช้าและแปลงดอกไม้ขนาดใหญ่แล้ว ยังไม่พบสิ่งใดที่ผิดปกติ

เวลาดึกดื่นครึ่งคืนเกือบตีสองแล้ว บ้านพักข้างๆ ก็ยังสว่างไสวอยู่

ดูเหมือนจะมีร่างหนึ่งเคลื่อนไหวอยู่หลังม่านบนชั้นสอง เขารีบซ่อนตัว ก่อนจะจากไปอย่างเงียบๆ

“ต้องหาทางเข้าไปดูให้ได้”

ฉีเทียนเหอลูบคางไปมา ตัดสินใจให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

……

บนชั้นสองของบ้านพัก เซียวปี้เฉิงเพิ่งออกมาจากห้องน้ำ อวิ๋นหลิงกำลังหยิบเครื่องเป่าผมจะเป่าผมให้เขา

“ได้ยินร้อยครั้งมิสู้เห็นกับตาหนึ่งครั้ง เคยได้ยินเจ้าบรรยายถึงความมหัศจรรย์ของโลกนี้ว่าเป็นเช่นไร แต่หลังจากที่ได้เห็นประจักษ์ด้วยตาตนเองก็รู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีมนต์ขลังยิ่งกว่านัก”

เซียวปี้เฉิงทำหน้าถอนหายใจ ถึงแม้เขาจะเป็นสมาชิกราชวงศ์ แทบจะมีความมั่งคั่งและอำนาจสูงสุดในแคว้นต้าโจวทั้งหมด

แต่เมื่อมาถึงโลกนี้ ความจริงคนธรรมดาส่วนใหญ่มีชีวิตที่สะดวกสบายกว่าเขามากนัก

ในช่วงแรกๆ เขามักจะรู้สึกเสมอว่าอวิ๋นหลิงไม่สนใจตำแหน่งและอำนาจของพระชายา เพราะนางเป็นคนที่ไม่มีอารมณ์อยากได้ใคร่ดี

บัดนี้ดูเหมือนว่าแม้สาเหตุส่วนหนึ่งจะเกิดจากบุคลิกของนาง แต่เหตุผลมากกว่านั้นก็คือนางไม่สนใจสิ่งเหล่านั้นที่คนธรรมดาให้ความสำคัญจริงๆ

เพราะนางได้เห็นแล้วว่าโลกที่เจริญรุ่งเรืองและมั่งคั่งอย่างแท้จริงนั้นเป็นอย่างไร

“พูดง่ายๆ ก็คือแสงไฟที่พลุกพล่านของถนนสายนี้ ต่อให้เป็นทั้งเมืองหลวงของแคว้นต้าโจวก็เทียบไม่ได้ แม้แต่แคว้นตงฉู่ที่ร่ำรวยที่สุดก็เทียบไม่ติดเช่นกัน”

หลังกินอาหารเสร็จ เซียวปี้เฉิงอยู่เป็นเพื่อนพระเจ้าหลวงร่วมชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนบนดาดฟ้าอยู่พักหนึ่ง

สำหรับปู่และหลาน แสงไฟนีออนยามค่ำคืนของเมืองหลวงประเทศจีนนั้นน่าตะลึงเหลือแสน

เมื่อมองจากระยะไกล แสงไฟบนถนนด้านนอกก็สว่างไสวราวกับไข่มุก รถราต่างๆ ก็แล่นไปมาบนถนนราบเรียบ

อาคารที่เรียกว่าตึกระฟ้านั้นมีลวดลายสีสันอันงดงามไปตลอดทั้งตัวตึก ความมหัศจรรย์ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง

“หลิงเอ๋อร์ เจ้ารู้หรือไม่ คืนที่สว่างที่สุดที่ข้าเคยเห็นในเมืองหลวงของแคว้นต้าโจวคือปีที่เสด็จพ่อฉลองวันเกิดปีที่สี่สิบ เวลานั้น ข้าชนะศึกในเมืองสุยหลายครั้ง พลิกสถานการณ์สงครามที่แคว้นต้าโจวจะปราชัยให้ชนะได้ ดังนั้นจึงมีชื่อเสียงกึกก้อง”

“เมื่อข้ากลับราชสำนักก็บังเอิญเป็นวันเกิดปีที่สี่สิบของเสด็จพ่อ ในวังระดมพลคนทั้งเมืองเฉลิมฉลอง จึงสั่งให้ประชาชนจุดไฟตลอดทั้งคืน หากไม่มีน้ำมันที่บ้าน ก็ส่งขุนนางตัวเล็กๆ ไปส่งให้ ดอกไม้ไฟถูกจุดตั้งแต่กลางคืนจนถึงรุ่งเช้าของวันรุ่งขึ้น หมายความว่าความเจริญรุ่งเรืองจะคงอยู่ตลอดไป”

“ข้าจำได้แม่นว่าคืนนั้นใช้เงินท้องพระคลังไปเท่าไร ทำให้ต่อมาแทบจะไม่มีเงินเลี้ยงแขกเหรื่อในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์เลยด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้น แสงไฟทั่วเมืองหลวงเมื่อเทียบกับที่นี่ก็เหมือนหิ่งห้อยที่สู้พระจันทร์ไม่ได้”

เครื่องเป่าผมในมือส่งเสียง ‘หึ่งๆ’ อวิ๋นหลิงเอ่ยยิ้มเบาๆ “อย่าอิจฉาที่นี่นักเลย กว่าหนึ่งพันกว่าปีที่แล้ว สถานที่แห่งนี้ก็เหมือนกับโลกอื่น”

เซียวปี้เฉิงรู้สึกประทับใจยิ่งนัก สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “หลิงเอ๋อร์ การเปลี่ยนแปลงในแคว้นต้าโจวทำให้โลกสั่นสะเทือนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อันที่จริง ข้ารู้สึกค่อนข้างพอใจ”

“ทุกครั้งที่ออกไปเจอการจราจรที่พลุกพล่านบนท้องถนน ฟังเสียงผู้คนชื่นชมข้า ข้ารู้สึกมีความสุขจนตัวลอยเมื่อคิดว่าสถานที่ร่ำรวยอย่างแคว้นตงฉู่อาจไม่มีภาพที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ แต่ข้าสามารถทำได้ถึงขั้นนี้ในสามปี คิดว่าผ่านไปอีกสามปีอีกฝ่ายจะต้องตามหลังอย่างแน่นอน”

“ที่ผ่านมา ราชวงศ์ต้องทนอึดอัดต่อหน้าทูตแคว้นตงฉู่ไม่น้อย ตอนนี้พวกเขาต้องการเปิดเส้นทางการค้ากับเปอร์เซียและชมพูทวีป ยังคงต้องพึ่งพาแคว้นต้าโจว ข้าก็ต้องดุดันและแข็งกร้าวต่อหน้าทูตด้วยไม่น้อย”

เซียวปี้เฉิงพูดถึงตรงนี้ เขาก็ยิ้มหยันตนเอง “ตอนนี้คิดดูแล้ว ก็เหมือนกับกบในกะลาที่กระหยิ่มใจอย่างน่าเกลียด”

อวิ๋นหลิงฟังคำพูดที่สะเทือนอารมณ์นี้อย่างเงียบๆ นางก็เข้าใจได้ว่าเซียวปี้เฉิงรู้สึกอย่างไรในขณะนี้

“ถึงจะสามารถกลับมายังโลกนี้ แต่เป็นเพราะข้างกายมีพวกท่าน จึงทำให้เรียกบ้านหลังนี้ได้เต็มปากเต็มคำว่าบ้าน”

“ก่อนหน้านี้ มันก็ถือได้ว่าเป็นที่พักแรมและพักผ่อนหย่อนใจเท่านั้นเอง”

ระหว่างโลกทั้งสองนางไม่ได้เลือกแคว้นต้าโจว แต่เลือกบ้าน

เซียวปี้เฉิงหันไปมองนางเล็กน้อย รอยยิ้มมุมปากเบ่งบานด้วยความอบอุ่นใจ เขาตระกองกอดดวงหน้านางแล้วจุมพิตแรงๆ หนึ่งที

“ต่อไปถ้าเจ้าอยากกลับมาที่นี่อีก ข้าจะมากับเจ้าทุกเมื่อ”

อวิ๋นหลิงเลิกคิ้วเล็กน้อย ในดวงตาฉายแววแย้มยิ้ม ก่อนจะเอ่ยว่า “องค์รัชทายาทที่รักของข้า ปีหน้าท่านจะขึ้นครองบัลลังก์ เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราสองคนจะผลัดกันทำงานและพักร้อนได้ใช่หรือไม่”

แล้วจะพานางกลับมาทุกเมื่อทุกที่ที่ต้องการได้อย่างไร

“ไม่สำคัญ เอาเป็นว่าเจ้าอยู่ที่ไหนข้าก็อยู่ที่นั่น อย่างมากก็ให้หยวนโม่และอวี้จือดูแลประเทศไปพลางๆ ก่อน ข้าทำงานหนักตั้งแต่แปดโมงถึงสามทุ่มทุกวัน จะให้พวกเขามีอิสรเสรีเป็นอยู่สุขสบายอยู่ข้างๆ ไม่ได้หรอก”

“อีกอย่าง ถ้าไม่ให้ข้าเจอหน้าเจ้าครึ่งเดือน เช่นนั้นเอาชีวิตข้าไปเลยไม่ดีกว่าหรือ”

เซียวปี้เฉิงพูดพลางดึงอวิ๋นหลิงจากข้างกายมาไว้ในอ้อมแขนแล้วอุ้มนางไปที่เตียง

ตอนดึกเขากลัวว่าการเคลื่อนไหวจะดึงดูดความสนใจของผู้อื่นจึงลดเสียงลงและพูดเบาๆ “เจ้าเตือนข้าแล้วว่าพวกเราสองคนมาที่นี่พร้อมกันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย คราวหน้าต้องพาเจ้าตัวเล็กสามคนมาด้วย ยากนักที่คนสองคนจะอยู่บนโลกนี้ ถ้าไม่รีบหาความสุขสักหน่อยก็คงจะไม่ดี”

อวิ๋นหลิงหัวเราะแล้วดุเขา “ดูสิ ท่านร้อนตัวแต่ไม่กล้าเอาเสียเลย บ้านพักของพวกเรากันเสียงได้ดีเชียวนะ”

คืนนี้ดึกมากแล้ว เซียวปี้เฉิงก็ไม่คิดจะทำเสียงดังแต่อย่างใด เขาจึงอุ้มนางลงบนเตียงแล้วหยอกล้อกันไปสักพัก

ทันใดนั้น เซียวปี้เฉิงก็หยุดกึก มุ่นคิ้วเล็กน้อยก่อนมองออกไปนอกหน้าต่าง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ