ลมยามราตรีพัดโชยมา ฉีเทียนเหอเขย่งปลายเท้าย่องไปรอบๆ ด้านหลังรั้วเหล็กสีขาว ยืดคอมองเข้าไปข้างในอย่างลับๆ ล่อๆ
สวนดอกไม้ด้านหลังว่างเปล่า ดอกกุหลาบจันทร์กำลังบานสะพรั่งท่ามกลางรัตติกาล นอกจากโครงชิงช้าและแปลงดอกไม้ขนาดใหญ่แล้ว ยังไม่พบสิ่งใดที่ผิดปกติ
เวลาดึกดื่นครึ่งคืนเกือบตีสองแล้ว บ้านพักข้างๆ ก็ยังสว่างไสวอยู่
ดูเหมือนจะมีร่างหนึ่งเคลื่อนไหวอยู่หลังม่านบนชั้นสอง เขารีบซ่อนตัว ก่อนจะจากไปอย่างเงียบๆ
“ต้องหาทางเข้าไปดูให้ได้”
ฉีเทียนเหอลูบคางไปมา ตัดสินใจให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
……
บนชั้นสองของบ้านพัก เซียวปี้เฉิงเพิ่งออกมาจากห้องน้ำ อวิ๋นหลิงกำลังหยิบเครื่องเป่าผมจะเป่าผมให้เขา
“ได้ยินร้อยครั้งมิสู้เห็นกับตาหนึ่งครั้ง เคยได้ยินเจ้าบรรยายถึงความมหัศจรรย์ของโลกนี้ว่าเป็นเช่นไร แต่หลังจากที่ได้เห็นประจักษ์ด้วยตาตนเองก็รู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีมนต์ขลังยิ่งกว่านัก”
เซียวปี้เฉิงทำหน้าถอนหายใจ ถึงแม้เขาจะเป็นสมาชิกราชวงศ์ แทบจะมีความมั่งคั่งและอำนาจสูงสุดในแคว้นต้าโจวทั้งหมด
แต่เมื่อมาถึงโลกนี้ ความจริงคนธรรมดาส่วนใหญ่มีชีวิตที่สะดวกสบายกว่าเขามากนัก
ในช่วงแรกๆ เขามักจะรู้สึกเสมอว่าอวิ๋นหลิงไม่สนใจตำแหน่งและอำนาจของพระชายา เพราะนางเป็นคนที่ไม่มีอารมณ์อยากได้ใคร่ดี
บัดนี้ดูเหมือนว่าแม้สาเหตุส่วนหนึ่งจะเกิดจากบุคลิกของนาง แต่เหตุผลมากกว่านั้นก็คือนางไม่สนใจสิ่งเหล่านั้นที่คนธรรมดาให้ความสำคัญจริงๆ
เพราะนางได้เห็นแล้วว่าโลกที่เจริญรุ่งเรืองและมั่งคั่งอย่างแท้จริงนั้นเป็นอย่างไร
“พูดง่ายๆ ก็คือแสงไฟที่พลุกพล่านของถนนสายนี้ ต่อให้เป็นทั้งเมืองหลวงของแคว้นต้าโจวก็เทียบไม่ได้ แม้แต่แคว้นตงฉู่ที่ร่ำรวยที่สุดก็เทียบไม่ติดเช่นกัน”
หลังกินอาหารเสร็จ เซียวปี้เฉิงอยู่เป็นเพื่อนพระเจ้าหลวงร่วมชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนบนดาดฟ้าอยู่พักหนึ่ง
สำหรับปู่และหลาน แสงไฟนีออนยามค่ำคืนของเมืองหลวงประเทศจีนนั้นน่าตะลึงเหลือแสน
เมื่อมองจากระยะไกล แสงไฟบนถนนด้านนอกก็สว่างไสวราวกับไข่มุก รถราต่างๆ ก็แล่นไปมาบนถนนราบเรียบ
อาคารที่เรียกว่าตึกระฟ้านั้นมีลวดลายสีสันอันงดงามไปตลอดทั้งตัวตึก ความมหัศจรรย์ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง
“หลิงเอ๋อร์ เจ้ารู้หรือไม่ คืนที่สว่างที่สุดที่ข้าเคยเห็นในเมืองหลวงของแคว้นต้าโจวคือปีที่เสด็จพ่อฉลองวันเกิดปีที่สี่สิบ เวลานั้น ข้าชนะศึกในเมืองสุยหลายครั้ง พลิกสถานการณ์สงครามที่แคว้นต้าโจวจะปราชัยให้ชนะได้ ดังนั้นจึงมีชื่อเสียงกึกก้อง”
“เมื่อข้ากลับราชสำนักก็บังเอิญเป็นวันเกิดปีที่สี่สิบของเสด็จพ่อ ในวังระดมพลคนทั้งเมืองเฉลิมฉลอง จึงสั่งให้ประชาชนจุดไฟตลอดทั้งคืน หากไม่มีน้ำมันที่บ้าน ก็ส่งขุนนางตัวเล็กๆ ไปส่งให้ ดอกไม้ไฟถูกจุดตั้งแต่กลางคืนจนถึงรุ่งเช้าของวันรุ่งขึ้น หมายความว่าความเจริญรุ่งเรืองจะคงอยู่ตลอดไป”
“ข้าจำได้แม่นว่าคืนนั้นใช้เงินท้องพระคลังไปเท่าไร ทำให้ต่อมาแทบจะไม่มีเงินเลี้ยงแขกเหรื่อในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์เลยด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้น แสงไฟทั่วเมืองหลวงเมื่อเทียบกับที่นี่ก็เหมือนหิ่งห้อยที่สู้พระจันทร์ไม่ได้”
เครื่องเป่าผมในมือส่งเสียง ‘หึ่งๆ’ อวิ๋นหลิงเอ่ยยิ้มเบาๆ “อย่าอิจฉาที่นี่นักเลย กว่าหนึ่งพันกว่าปีที่แล้ว สถานที่แห่งนี้ก็เหมือนกับโลกอื่น”
เซียวปี้เฉิงรู้สึกประทับใจยิ่งนัก สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “หลิงเอ๋อร์ การเปลี่ยนแปลงในแคว้นต้าโจวทำให้โลกสั่นสะเทือนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อันที่จริง ข้ารู้สึกค่อนข้างพอใจ”
“ทุกครั้งที่ออกไปเจอการจราจรที่พลุกพล่านบนท้องถนน ฟังเสียงผู้คนชื่นชมข้า ข้ารู้สึกมีความสุขจนตัวลอยเมื่อคิดว่าสถานที่ร่ำรวยอย่างแคว้นตงฉู่อาจไม่มีภาพที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ แต่ข้าสามารถทำได้ถึงขั้นนี้ในสามปี คิดว่าผ่านไปอีกสามปีอีกฝ่ายจะต้องตามหลังอย่างแน่นอน”
“ที่ผ่านมา ราชวงศ์ต้องทนอึดอัดต่อหน้าทูตแคว้นตงฉู่ไม่น้อย ตอนนี้พวกเขาต้องการเปิดเส้นทางการค้ากับเปอร์เซียและชมพูทวีป ยังคงต้องพึ่งพาแคว้นต้าโจว ข้าก็ต้องดุดันและแข็งกร้าวต่อหน้าทูตด้วยไม่น้อย”
เซียวปี้เฉิงพูดถึงตรงนี้ เขาก็ยิ้มหยันตนเอง “ตอนนี้คิดดูแล้ว ก็เหมือนกับกบในกะลาที่กระหยิ่มใจอย่างน่าเกลียด”
อวิ๋นหลิงฟังคำพูดที่สะเทือนอารมณ์นี้อย่างเงียบๆ นางก็เข้าใจได้ว่าเซียวปี้เฉิงรู้สึกอย่างไรในขณะนี้
“ถึงจะสามารถกลับมายังโลกนี้ แต่เป็นเพราะข้างกายมีพวกท่าน จึงทำให้เรียกบ้านหลังนี้ได้เต็มปากเต็มคำว่าบ้าน”
“ก่อนหน้านี้ มันก็ถือได้ว่าเป็นที่พักแรมและพักผ่อนหย่อนใจเท่านั้นเอง”
ระหว่างโลกทั้งสองนางไม่ได้เลือกแคว้นต้าโจว แต่เลือกบ้าน
เซียวปี้เฉิงหันไปมองนางเล็กน้อย รอยยิ้มมุมปากเบ่งบานด้วยความอบอุ่นใจ เขาตระกองกอดดวงหน้านางแล้วจุมพิตแรงๆ หนึ่งที
“ต่อไปถ้าเจ้าอยากกลับมาที่นี่อีก ข้าจะมากับเจ้าทุกเมื่อ”
อวิ๋นหลิงเลิกคิ้วเล็กน้อย ในดวงตาฉายแววแย้มยิ้ม ก่อนจะเอ่ยว่า “องค์รัชทายาทที่รักของข้า ปีหน้าท่านจะขึ้นครองบัลลังก์ เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราสองคนจะผลัดกันทำงานและพักร้อนได้ใช่หรือไม่”
แล้วจะพานางกลับมาทุกเมื่อทุกที่ที่ต้องการได้อย่างไร
“ไม่สำคัญ เอาเป็นว่าเจ้าอยู่ที่ไหนข้าก็อยู่ที่นั่น อย่างมากก็ให้หยวนโม่และอวี้จือดูแลประเทศไปพลางๆ ก่อน ข้าทำงานหนักตั้งแต่แปดโมงถึงสามทุ่มทุกวัน จะให้พวกเขามีอิสรเสรีเป็นอยู่สุขสบายอยู่ข้างๆ ไม่ได้หรอก”
“อีกอย่าง ถ้าไม่ให้ข้าเจอหน้าเจ้าครึ่งเดือน เช่นนั้นเอาชีวิตข้าไปเลยไม่ดีกว่าหรือ”
เซียวปี้เฉิงพูดพลางดึงอวิ๋นหลิงจากข้างกายมาไว้ในอ้อมแขนแล้วอุ้มนางไปที่เตียง
ตอนดึกเขากลัวว่าการเคลื่อนไหวจะดึงดูดความสนใจของผู้อื่นจึงลดเสียงลงและพูดเบาๆ “เจ้าเตือนข้าแล้วว่าพวกเราสองคนมาที่นี่พร้อมกันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย คราวหน้าต้องพาเจ้าตัวเล็กสามคนมาด้วย ยากนักที่คนสองคนจะอยู่บนโลกนี้ ถ้าไม่รีบหาความสุขสักหน่อยก็คงจะไม่ดี”
อวิ๋นหลิงหัวเราะแล้วดุเขา “ดูสิ ท่านร้อนตัวแต่ไม่กล้าเอาเสียเลย บ้านพักของพวกเรากันเสียงได้ดีเชียวนะ”
คืนนี้ดึกมากแล้ว เซียวปี้เฉิงก็ไม่คิดจะทำเสียงดังแต่อย่างใด เขาจึงอุ้มนางลงบนเตียงแล้วหยอกล้อกันไปสักพัก
ทันใดนั้น เซียวปี้เฉิงก็หยุดกึก มุ่นคิ้วเล็กน้อยก่อนมองออกไปนอกหน้าต่าง

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...