อวิ๋นหลิงเอ่ยถาม “มีอะไรหรือ”
“เมื่อครู่ข้ารู้สึกว่าค่ายกลดูเหมือนจะแปรปรวนนิดหน่อย”
เซียวปี้เฉิงลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่ระเบียง เขาเปิดม่านขึ้นมอง ก็เห็นเงาของใบไม้ในแปลงดอกไม้พลิ้วไหวท่ามกลางแสงไฟถนนและแสงจันทร์ ไม่มีความผิดปกติแต่อย่างใด
อวิ๋นหลิงก็เดินตามไปด้านข้าง “ค่ายกลแปรปรวน? มันไม่เสถียรหรือ”
นางกังวลเล็กน้อยว่าอุโมงค์แห่งกาลเวลาอาจเกิดปัญหาหรือไม่ เมื่อถึงขากลับแล้วพวกเขากลับไปไม่ได้ก็คงจะแย่
เซียวปี้เฉิงส่ายหน้า กล่าวปลอบโยน “ไม่หรอก ข้าแค่รู้สึกเมื่อครู่นี่เอง จู่ๆ พลังของค่ายกลก็แข็งแกร่งขึ้นมาก ตอนนี้กลับมาเป็นปกติแล้ว”
“คิดว่าอาจเป็นปรากฏการณ์ดาวตกที่ก่อให้เกิดความผิดปกติ อาจารย์หวู๋ซินเคยกล่าวว่าแรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์และฝนดาวตกจะส่งผลต่อค่ายกล แต่ด้วยดาวสี่ดวงเป็นดวงตาค่ายกล ค่ายกลนี้ก็จะไม่มีวันล่มสลาย”
หลังจากที่ทั้งสองสามีภรรยาตรวจดูค่ายกลในแปลงดอกไม้ให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาแล้ว ก็ปิดม่าน ปิดไฟ และพักผ่อน
……
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อลุกขึ้นอย่างเกียจคร้าน ก็เห็นพระเจ้าหลวงประทับนั่งอยู่บนโซฟาสนทนากับอ้ายเฟยอย่างมีชีวิตชีวา
มีกาน้ำชาดำที่ชงเสร็จแล้ววางอยู่บนโต๊ะกาแฟ พระเจ้าหลวงทรงจิบชาเองหนึ่งอึก แล้วรินให้อ้ายเฟยโดยวางหนึ่งถ้วยไว้ข้างหน้า เอาเป็นว่าให้อารมณ์พิธีการอย่างยิ่ง
หลงเย่เดินเข้ามาแล้วพูดกลั้วหัวเราะ “ผู้สูงวัยนอนหลับน้อย พระเจ้าหลวงตื่นก่อนแปดโมงเช้า ได้พูดคุยกับอ้ายเฟยมานานกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว”
อาจเป็นครั้งแรกที่อ้ายเฟยได้พบกับมนุษย์ผู้กระตือรือร้นเช่นนี้ แต่อ้ายเฟยก็ตอบทุกคำถามและอธิบายกับพระเจ้าหลวงได้อย่างชัดเจนทุกข้อ
อวิ๋นหลิงได้ยินแว่วๆ รู้ว่าพระเจ้าหลวงไม่ได้ถามคำถามในชีวิตประจำวัน แต่เขาถามเกี่ยวกับประวัติศาสตร์แทน
ดูท่าเขาจะสงสัยใคร่รู้จริงๆ ว่าฮ่องเต้ของโลกนี้หายไปได้อย่างไร
อวิ๋นหลิงและสามีเป็นผู้ที่ตื่นสายที่สุด ตอนนี้ทุกคนก็ทานอาหารเช้ากันไปแล้ว กำลังยุ่งง่วนอยู่ในบ้านพัก
หลงเย่ยกอาหารเช้าอุ่นๆ ออกมาแล้วพูดว่า “พอกินเสร็จแล้ว พวกเจ้าสองคนขึ้นมาพูดคุยเรื่องสำคัญนิดหน่อยที่ชั้นสาม”
คิดว่าคงจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับธัญพืชแน่ๆ ดังนั้นเซียวปี้เฉิงจึงกระปรี้กระเปร่า รีบกินอาหารเช้าเสร็จอย่างรวดเร็ว
เมื่อเดินตามหลงเย่ขึ้นไปชั้นบน เขาก็มาถึงชั้นสามของบ้านพัก
ชั้นสองของบ้านพักหลังนี้มีเพียงสี่ห้องนอน ส่วนตรงกลางออกแบบให้มองเห็นท้องฟ้า พื้นที่ทั้งสองชั้นประสานเชื่อมต่อกัน
มีห้องหนังสือไว้ประชุมอยู่กลางชั้นสาม ก็เป็นที่ที่เฟิ่งเหมียนนอนในคืนแรกที่มาถึง
ห้องทำงานของอวิ๋นหลิงเป็นห้องที่มีแสงแดดส่องถึงและระบายอากาศดีที่สุด เนื่องจากเมล็ดพืชจำนวนมากที่นางเก็บไว้ต้องแห้งและระบายอากาศให้ปลอดโปร่ง
ทันทีที่เข้าไปในห้อง เขาก็เห็นอุปกรณ์ระดับไฮเอนด์ที่ดูซับซ้อนจำนวนมากวางอยู่ในพื้นที่ด้านซ้าย ทางด้านขวาเป็นชั้นวางสูงหลายชั้น จัดวางขวด เหยือก และตัวอย่างพืชจำนวนนับไม่ถ้วน นอกจากนี้ยังมีเมล็ดพืชอีกมากมาย
ทั้งห้องสะอาดและสว่าง สะอาดสะอ้านถึงขั้นเข้มงวดจนแทบไม่มีฝุ่นเกาะ แตกต่างจากห้องนอนของนางที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและกระถางดอกไม้เต็มไปหมดอย่างสิ้นเชิง
อวิ๋นหลิงมองปราดเดียวก็สังเกตเห็นว่ามีของหลายอย่างวางอยู่บนชั้นวางของของนาง
“พี่ใหญ่ นี่เป็นของที่พี่ซื้อกลับมาทั้งหมดเลยหรือ”
นางหยิบกระปุกพลาสติกบนชั้นวางขึ้นมาดู พบว่าทั้งหมดนี้เป็นเมล็ดพันธุ์พืชที่สถาบันเกษตรเพาะขึ้น
หลงเย่คลี่ยิ้มน้อยๆ “ข้าเดาว่าเจ้าจะต้องทำเรื่องเหล่านี้หลังจากกลับมาแน่นอน แต่ข้าชิงทำก่อนหนึ่งก้าว ประกอบกับว่างไม่มีอะไรทำ มิสู้ช่วยเจ้าจะได้ทุ่นเวลาได้บ้าง”
อวิ๋นหลิงเดินเตร่อยู่หน้าชั้นวางแล้วตรวจดูอย่างละเอียด ข้างบนนั้นเต็มไปด้วยเมล็ดพืชทั่วไปหลากหลายชนิด ทั้งข้าว ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ถั่วเหลือง...
เซียวปี้เฉิงได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย “ถ้าปลูกในเขตชานเมืองหลวงได้คงจะวิเศษเลย อย่างน้อยก็ลองปลูกบางส่วนเพื่อดูผลเก็บเกี่ยว”
หากเมล็ดอันล้ำค่าที่ได้มาอย่างยากลำบากถูกโปรยลงบนพื้นดินหมดรวดเดียวอย่างส่งเดช แล้วเติบโตได้ไม่ดีเขาคงจะรู้สึกปวดใจ
หลงเย่พูดยิ้มๆ “เรื่องนี้ไม่สามารถบรรลุผลได้ในเวลาอันสั้น พวกเจ้าสองคนใช้วันหยุดครึ่งเดือนคราวนี้อย่างสบายใจโดยไม่ต้องกังวลอะไรได้เลย”
อวิ๋นหลิงพยักหน้า แล้วยิ้มกว้างให้นางอย่างอดไม่ได้
มีหลงเย่ช่วยทำภารกิจเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้เสร็จก่อนล่วงหน้า นางก็เบิกบานใจที่ได้ผ่อนคลายไปสักพักหนึ่ง
ขณะที่ทั้งสามกำลังคุยกัน ก็ได้ยินเสียงกริ่งประตูดังขึ้นจากลำโพงตัวเล็กที่อยู่ตรงมุม อ้ายเฟยก็เตือนว่ามีแขกแปลกหน้ามาที่ประตู
อวิ๋นหลิงถามอย่างนึกสงสัย “แขก? พวกเราจะมีแขกที่นี่ได้หรือ”
ควรรู้ไว้ว่าสถานะที่พวกนางใช้อยู่ในปัจจุบันนั้นไม่มีอยู่ในเครือข่ายโซเชียลเลย
ทันทีที่ลงไปชั้นล่าง ก็เห็นพระเจ้าหลวงสวมรองเท้าแตะ เดินโงนเงนไปเปิดประตู
“เป็นใครกัน”
ชายหนุ่มรูปงามผมสีเงิน สวมเสื้อผ้าสีขาว กางเกงขายาวสีแดงยืนอยู่หน้าประตูด้วยรอยยิ้มที่สดใสเจิดจ้า
เขายกตะกร้าผลไม้ในมือขึ้นแล้วพูดอย่างกระตือรือร้น “สวัสดีครับคุณลุง ผมอยู่บ้านพักเลขที่ 5 ข้างๆ เพิ่งย้ายมาที่นี่เมื่อวาน เลยแวะมาทักทาย คงไม่ถือสาใช่ไหมครับ”
พระเจ้าหลวงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็ไม่ได้ยื่นมือออกไปปฏิเสธชายผู้ยิ้มแย้ม จึงปล่อยให้เขาเข้ามา “นี่ๆ...พ่อหนุ่มอายุเท่าไรแล้ว ทำไมถึงมีผมหงอกมากกว่าข้าเสียอีก”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...