เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1118

อวิ๋นหลิงเอ่ยถาม “มีอะไรหรือ”

“เมื่อครู่ข้ารู้สึกว่าค่ายกลดูเหมือนจะแปรปรวนนิดหน่อย”

เซียวปี้เฉิงลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่ระเบียง เขาเปิดม่านขึ้นมอง ก็เห็นเงาของใบไม้ในแปลงดอกไม้พลิ้วไหวท่ามกลางแสงไฟถนนและแสงจันทร์ ไม่มีความผิดปกติแต่อย่างใด

อวิ๋นหลิงก็เดินตามไปด้านข้าง “ค่ายกลแปรปรวน? มันไม่เสถียรหรือ”

นางกังวลเล็กน้อยว่าอุโมงค์แห่งกาลเวลาอาจเกิดปัญหาหรือไม่ เมื่อถึงขากลับแล้วพวกเขากลับไปไม่ได้ก็คงจะแย่

เซียวปี้เฉิงส่ายหน้า กล่าวปลอบโยน “ไม่หรอก ข้าแค่รู้สึกเมื่อครู่นี่เอง จู่ๆ พลังของค่ายกลก็แข็งแกร่งขึ้นมาก ตอนนี้กลับมาเป็นปกติแล้ว”

“คิดว่าอาจเป็นปรากฏการณ์ดาวตกที่ก่อให้เกิดความผิดปกติ อาจารย์หวู๋ซินเคยกล่าวว่าแรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์และฝนดาวตกจะส่งผลต่อค่ายกล แต่ด้วยดาวสี่ดวงเป็นดวงตาค่ายกล ค่ายกลนี้ก็จะไม่มีวันล่มสลาย”

หลังจากที่ทั้งสองสามีภรรยาตรวจดูค่ายกลในแปลงดอกไม้ให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาแล้ว ก็ปิดม่าน ปิดไฟ และพักผ่อน

……

เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อลุกขึ้นอย่างเกียจคร้าน ก็เห็นพระเจ้าหลวงประทับนั่งอยู่บนโซฟาสนทนากับอ้ายเฟยอย่างมีชีวิตชีวา

มีกาน้ำชาดำที่ชงเสร็จแล้ววางอยู่บนโต๊ะกาแฟ พระเจ้าหลวงทรงจิบชาเองหนึ่งอึก แล้วรินให้อ้ายเฟยโดยวางหนึ่งถ้วยไว้ข้างหน้า เอาเป็นว่าให้อารมณ์พิธีการอย่างยิ่ง

หลงเย่เดินเข้ามาแล้วพูดกลั้วหัวเราะ “ผู้สูงวัยนอนหลับน้อย พระเจ้าหลวงตื่นก่อนแปดโมงเช้า ได้พูดคุยกับอ้ายเฟยมานานกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว”

อาจเป็นครั้งแรกที่อ้ายเฟยได้พบกับมนุษย์ผู้กระตือรือร้นเช่นนี้ แต่อ้ายเฟยก็ตอบทุกคำถามและอธิบายกับพระเจ้าหลวงได้อย่างชัดเจนทุกข้อ

อวิ๋นหลิงได้ยินแว่วๆ รู้ว่าพระเจ้าหลวงไม่ได้ถามคำถามในชีวิตประจำวัน แต่เขาถามเกี่ยวกับประวัติศาสตร์แทน

ดูท่าเขาจะสงสัยใคร่รู้จริงๆ ว่าฮ่องเต้ของโลกนี้หายไปได้อย่างไร

อวิ๋นหลิงและสามีเป็นผู้ที่ตื่นสายที่สุด ตอนนี้ทุกคนก็ทานอาหารเช้ากันไปแล้ว กำลังยุ่งง่วนอยู่ในบ้านพัก

หลงเย่ยกอาหารเช้าอุ่นๆ ออกมาแล้วพูดว่า “พอกินเสร็จแล้ว พวกเจ้าสองคนขึ้นมาพูดคุยเรื่องสำคัญนิดหน่อยที่ชั้นสาม”

คิดว่าคงจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับธัญพืชแน่ๆ ดังนั้นเซียวปี้เฉิงจึงกระปรี้กระเปร่า รีบกินอาหารเช้าเสร็จอย่างรวดเร็ว

เมื่อเดินตามหลงเย่ขึ้นไปชั้นบน เขาก็มาถึงชั้นสามของบ้านพัก

ชั้นสองของบ้านพักหลังนี้มีเพียงสี่ห้องนอน ส่วนตรงกลางออกแบบให้มองเห็นท้องฟ้า พื้นที่ทั้งสองชั้นประสานเชื่อมต่อกัน

มีห้องหนังสือไว้ประชุมอยู่กลางชั้นสาม ก็เป็นที่ที่เฟิ่งเหมียนนอนในคืนแรกที่มาถึง

ห้องทำงานของอวิ๋นหลิงเป็นห้องที่มีแสงแดดส่องถึงและระบายอากาศดีที่สุด เนื่องจากเมล็ดพืชจำนวนมากที่นางเก็บไว้ต้องแห้งและระบายอากาศให้ปลอดโปร่ง

ทันทีที่เข้าไปในห้อง เขาก็เห็นอุปกรณ์ระดับไฮเอนด์ที่ดูซับซ้อนจำนวนมากวางอยู่ในพื้นที่ด้านซ้าย ทางด้านขวาเป็นชั้นวางสูงหลายชั้น จัดวางขวด เหยือก และตัวอย่างพืชจำนวนนับไม่ถ้วน นอกจากนี้ยังมีเมล็ดพืชอีกมากมาย

ทั้งห้องสะอาดและสว่าง สะอาดสะอ้านถึงขั้นเข้มงวดจนแทบไม่มีฝุ่นเกาะ แตกต่างจากห้องนอนของนางที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและกระถางดอกไม้เต็มไปหมดอย่างสิ้นเชิง

อวิ๋นหลิงมองปราดเดียวก็สังเกตเห็นว่ามีของหลายอย่างวางอยู่บนชั้นวางของของนาง

“พี่ใหญ่ นี่เป็นของที่พี่ซื้อกลับมาทั้งหมดเลยหรือ”

นางหยิบกระปุกพลาสติกบนชั้นวางขึ้นมาดู พบว่าทั้งหมดนี้เป็นเมล็ดพันธุ์พืชที่สถาบันเกษตรเพาะขึ้น

หลงเย่คลี่ยิ้มน้อยๆ “ข้าเดาว่าเจ้าจะต้องทำเรื่องเหล่านี้หลังจากกลับมาแน่นอน แต่ข้าชิงทำก่อนหนึ่งก้าว ประกอบกับว่างไม่มีอะไรทำ มิสู้ช่วยเจ้าจะได้ทุ่นเวลาได้บ้าง”

อวิ๋นหลิงเดินเตร่อยู่หน้าชั้นวางแล้วตรวจดูอย่างละเอียด ข้างบนนั้นเต็มไปด้วยเมล็ดพืชทั่วไปหลากหลายชนิด ทั้งข้าว ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ถั่วเหลือง...

อวิ๋นหลิงอธิบายว่า “เวลานี้พวกเรามีสิทธิ์ซื้อตามปกติเท่านั้น จำนวนและปริมาณการซื้อต่อปีมีจำนวนจำกัด ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ใครก็ตามทำกำไรจากการขายต่อหรือเก็งกำไร แต่อย่างน้อยตอนนี้พวกเราก็สามารถปลูกในทุ่งนานอกชานเมืองแคว้นต้าโจวได้ไปก่อนบางส่วน สำหรับทุ่งนาในเมืองอื่นๆ ยังไม่สามารถแจกจ่ายเมล็ดพืชมากเกินไปชั่วคราว”

เซียวปี้เฉิงได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย “ถ้าปลูกในเขตชานเมืองหลวงได้คงจะวิเศษเลย อย่างน้อยก็ลองปลูกบางส่วนเพื่อดูผลเก็บเกี่ยว”

หากเมล็ดอันล้ำค่าที่ได้มาอย่างยากลำบากถูกโปรยลงบนพื้นดินหมดรวดเดียวอย่างส่งเดช แล้วเติบโตได้ไม่ดีเขาคงจะรู้สึกปวดใจ

หลงเย่พูดยิ้มๆ “เรื่องนี้ไม่สามารถบรรลุผลได้ในเวลาอันสั้น พวกเจ้าสองคนใช้วันหยุดครึ่งเดือนคราวนี้อย่างสบายใจโดยไม่ต้องกังวลอะไรได้เลย”

อวิ๋นหลิงพยักหน้า แล้วยิ้มกว้างให้นางอย่างอดไม่ได้

มีหลงเย่ช่วยทำภารกิจเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้เสร็จก่อนล่วงหน้า นางก็เบิกบานใจที่ได้ผ่อนคลายไปสักพักหนึ่ง

ขณะที่ทั้งสามกำลังคุยกัน ก็ได้ยินเสียงกริ่งประตูดังขึ้นจากลำโพงตัวเล็กที่อยู่ตรงมุม อ้ายเฟยก็เตือนว่ามีแขกแปลกหน้ามาที่ประตู

อวิ๋นหลิงถามอย่างนึกสงสัย “แขก? พวกเราจะมีแขกที่นี่ได้หรือ”

ควรรู้ไว้ว่าสถานะที่พวกนางใช้อยู่ในปัจจุบันนั้นไม่มีอยู่ในเครือข่ายโซเชียลเลย

ทันทีที่ลงไปชั้นล่าง ก็เห็นพระเจ้าหลวงสวมรองเท้าแตะ เดินโงนเงนไปเปิดประตู

“เป็นใครกัน”

ชายหนุ่มรูปงามผมสีเงิน สวมเสื้อผ้าสีขาว กางเกงขายาวสีแดงยืนอยู่หน้าประตูด้วยรอยยิ้มที่สดใสเจิดจ้า

เขายกตะกร้าผลไม้ในมือขึ้นแล้วพูดอย่างกระตือรือร้น “สวัสดีครับคุณลุง ผมอยู่บ้านพักเลขที่ 5 ข้างๆ เพิ่งย้ายมาที่นี่เมื่อวาน เลยแวะมาทักทาย คงไม่ถือสาใช่ไหมครับ”

พระเจ้าหลวงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็ไม่ได้ยื่นมือออกไปปฏิเสธชายผู้ยิ้มแย้ม จึงปล่อยให้เขาเข้ามา “นี่ๆ...พ่อหนุ่มอายุเท่าไรแล้ว ทำไมถึงมีผมหงอกมากกว่าข้าเสียอีก”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ