เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1119

“ข้าอะไร” ฉีเทียนเหอมองเขาอย่างงุนงง “ข้าคือใคร”

เขามองเข้าไปข้างในด้วยความสับสน ก็เห็นหญิงสาวสวยสามคนอยู่ในห้องนั่งเล่น ทุกคนมีเรือนผมสีดำเป็นประกาย ไม่มีใครเป็นแม่นางผมขาวเลย

พระเจ้าหลวงรู้ว่าตัวเองพูดผิดไปจึงรีบแก้ทันที “อ้อ ตาแก่อย่างข้ากำลังพูดถึงตัวเอง คนบ้านนอกเข้าเมืองครั้งแรก เวลาพูดจะติดสำเนียงเหน่อเล็กน้อย คงจะไม่ว่ากัน”

ระบบภาษาของทั้งสองโลกเหมือนกัน ดังนั้นการออกเสียงจึงคล้ายกันมาก ไม่มีความแตกต่างกันมากนักระหว่างภาษาจีนกลางของแคว้นต้าโจวกับภาษาจีนกลางสมัยใหม่

สี่ประเทศในแผ่นดินเก้าแคว้นเดิมทีเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่มีอุปสรรคในการสื่อสารระหว่างกัน เพียงแต่มีจุดเด่นของลักษณะภูมิภาคที่แตกต่างกันไป

ตัวอย่างเช่นภาษาจีนกลางของแคว้นต้าโจวฟังดูคล้ายกับภาษาไท่หยวนมากกว่า กงจื่อโยวมาจากแคว้นถังใต้ เวลาพูดก็จะให้ความรู้สึกน่ารักและพาซื่อของชาวปาสู่เสฉวน

แต่พระเจ้าหลวงประสูติที่เมืองสุย ภาษาจีนกลางก็ไม่ได้มาตรฐานมากนัก

ตอนแรกฉีเทียนเหอไม่ได้นึกถึงสำเนียง แต่เมื่อได้ยินชายชราเอ่ยถึง สีหน้าของเขาก็ฉายแววตกใจเล็กน้อย

ในไม่ช้า เขาก็กลับมายิ้มสดใสอีกครั้งแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรครับ สำเนียงคุณลุง ผมว่าฟังดูเป็นมิตรดีออก! สำหรับผมขาวของผมนั้น ต้องไปย้อมที่ร้านทำผม ไม่ใช่วัยรุ่นผมหงอกอะไรหรอกครับ!”

แม้ว่าวันนี้จะมาที่นี่เพื่อตีสนิทกับผู้คนในบ้านพักหลังนี้ แต่นี่ไม่ใช่คำพูดที่ฉีเทียนเหออยากจะผูกมิตร

สำเนียงของชายชราตรงหน้าทำให้เขารู้สึกว่าคุ้นเคยมานาน ทำให้เขานึกถึงแม่ที่เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน

“มาเถอะพ่อหนุ่ม เข้ามานั่งในบ้านสิ พ่อหนุ่มมาจากไหน ชื่อแซ่อะไร”

เมื่อเห็นว่าพวกอวิ๋นหลิงไม่คัดค้าน พระเจ้าหลวงก็ต้อนรับแขกหนุ่มเข้ามาในห้องนั่งเล่น เดิมทีเขาเป็นตาแก่น้อยช่างพูด ค่อนข้างอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับคนหนุ่มสาวในโลกนี้

ฉีเทียนเหอยิ้มแย้ม กำลังจะพูด แต่ก็ได้ยินเสียงผู้ชายร้องอุทานอยู่ไม่ไกลนัก

“เอ๋? คุณไม่ใช่ฉีเทียนเหอ…ของตระกูลฉีที่เป็นแพทย์หรอกหรือ”

ทันทีที่กงจื่อโยวล้างจานผลไม้เสร็จก็เดินออกจากครัว เขาเห็นชายหนุ่มผมสีเงินที่อยู่ข้างๆ พระเจ้าหลวง

ตอนที่เขาท่องอินเทอร์เน็ตเมื่อไม่นานมานี้ เจอเรื่องซุบซิบเกี่ยวกับอีกฝ่ายมากมาย ผมสีเงินอันเป็นเอกลักษณ์ดูหรูหราเหลือเกิน ดังนั้นเขาจึงจำคนผู้นี้ได้ทันที

ฉีเทียนเหอยิ้มแฉ่ง ลูบผมสีเงินของเขาด้วยฝ่ามือ “โย่? ดูเหมือนหมู่นี้ผมจะมีชื่อเสียงจริงๆ”

นี่เท่ากับเป็นการยอมรับสถานะ สายตาของอวิ๋นหลิงแปรเปลี่ยนไปทันที สบสายตาเป็นเชิงอันตรายกับหลงเย่

หลิวฉิงมีปฏิกิริยาทันที ดวงตาพลันเย็นชาอย่างรุนแรง ตอนที่กลับมาเมื่อคืนนี้ พวกนางได้รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันขององค์กรมอยเรและตระกูลฉีแล้ว

รอยยิ้มที่มุมปากของฉีเทียนเหอแข็งทื่อครู่หนึ่ง เขาก็รู้สึกไวว่ามีบางอย่างผิดปกติไปในสายตาของพวกเธอ ในใจรู้สึกสับสนอยู่บ้าง

แต่ไม่นานก็เข้าใจว่าอาจเป็นเพราะสถานะลูกนอกกฎหมายของเขาสินะ ถึงอย่างไรคนสมัยใหม่ก็เกลียดเมียน้อยอยู่ดี

แต่หญิงสาวที่ดูแก่กว่ามีดวงตาคมกริบอยู่ข้างโซฟาคนนั้น...ให้ตายเถอะ เธอมีไอสังหารรุนแรงนัก!

คงไม่ใช่มั้ง

“แค่กๆ...บุ่มบ่ามมาเยี่ยมถึงที่ออกจะกะทันหันไปหน่อย รบกวนการพักผ่อนช่วงสุดสัปดาห์ของบรรดาพี่สาวหรือเปล่า ไว้ผมค่อยมาวันหลัง?”

สัญชาตญาณบอกฉีเทียนเหอว่าที่นี่ดูเหมือนจะมีอันตรายบางอย่าง ทำให้เขาอยากออกไปโดยสัญชาตญาณ

ครู่ต่อมา หลงเย่กลับเทน้ำผลไม้หนึ่งแก้วแล้วเดินไปหาเขาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

“ที่แท้เป็นหลานชายของคุณฉีไหวเซิง ไม่นึกว่าจะได้เป็นเพื่อนบ้านกับคนมีชื่อเสียงเช่นคุณ ช่างบังเอิญจังเลย ใกล้ถึงเวลาอาหารแล้ว ทำไมไม่อยู่รับประทานอาหารกลางวันล่ะ เป็นเพื่อนบ้านกันก็จะได้คุ้นเคยกันไว้”

เมื่อมองสองตาที่อ่อนโยนดุจวารีของพี่สาวคนสวย ฉีเทียนเหอก็รู้สึกว่าความไม่สบายใจและความระแวดระวังในใจหายไปในทันที เขาไม่สามารถพูดคำปฏิเสธใดๆ ได้

“เขามาหาพวกเราโดยเฉพาะ?”

ขณะพูด นางก็หยิบกระบี่เล่มใหญ่ที่เปล่งประกายเย็นยะเยือกออกมาจากจี้ไม้เก็บของวิเศษ

หลงเย่ปลอบใจ “ตอนนี้ไม่รู้สึกถึงความมุ่งร้ายแล้ว อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม จะทำอะไรตามใจชอบที่นี่ไม่ได้”

หลิวฉิงสงบลง ก่อนเก็บกระบี่เล่มใหญ่กลับไป

อยู่อีกโลกหนึ่งมานาน นางก็เกือบลืมการมีอยู่ของสถานีตำรวจไป

มิน่าที่พี่น้องหลายคนจะคิดมาก เมื่อเจอกับคนที่เกี่ยวข้องกับตระกูลฉี จะระวังการคาดเดาโดยสัญชาตญาณ

หากท่านพ่อหวู๋ซินเผลอปล่อยบางอย่างหลุดออกมา คนผู้นี้รู้ความลับบางอย่างเกี่ยวกับพลังจิต หรือรู้เรื่องของพวกเธอจากเอกสารขององค์กรที่เหลือ ก็ไม่แน่อาจจงใจเข้าใกล้พวกเธอเพื่อจุดประสงค์นี้

เซียวปี้เฉิงพูดอย่างครุ่นคิด “จะว่าไป เมื่อคืนนี้ข้ารู้สึกได้ถึงความแปรปรวนอย่างรุนแรงของค่ายกลในสวนดอกไม้หลายวินาที ไม่รู้ว่าคนผู้นี้เกี่ยวข้องด้วยหรือไม่”

ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา สีหน้าของพี่น้องทั้งสามก็เริ่มจริงจัง

หลงเย่พูดช้าๆ “ข้าเพิ่งใช้พลังจิตบอกใบ้ให้เขารั้งอยู่ในฐานะแขก มาดูกันก่อนว่าเขาคิดจะทำอะไร...หากแน่ใจว่าเกี่ยวข้องกับพลังจิต จะได้วางแผนการอื่นกัน”

อวิ๋นหลิงพยักหน้า ตอนนี้ก็ได้แต่ทำเช่นนี้ นางชำเลืองมองไปทางฉีเทียนเหอในห้องนั่งเล่น นัยน์ตาฉายแสงเย็นเยียบ

ต้องไม่ให้ปัจจัยที่ไม่มั่นคงส่งผลกระทบต่อชีวิตที่สงบสุขในตอนนี้!

ในห้องนั่งเล่น ฉีเทียนเหอไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังตกเป็นเป้าหมาย เขากำลังสนทนากับพระเจ้าหลวงอย่างออกรสออกชาติโดยเรียกว่า ‘คุณลุงเซียว’ ไม่ขาดปาก

เมื่อเห็นว่าคุยกันถูกอกถูกคอ ฉีเทียนเหอก็พูดยิ้มๆ “จริงสิคุณลุงเซียว ผมเพิ่งซื้อบ้านพักเมื่อไม่นานนี้เอง ช่วงนี้กะจะตกแต่งภายใน ผมคิดว่าสไตล์การตกแต่งบ้านพักของคุณลุงดีมากๆ เลย จะขอเดินดูรอบๆ ที่นี่ได้ไหมครับ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ