เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1121

“โอ๊ย จี้ของผม! ทำไมถึงไปอยู่ในมือคุณลุง ใช่ครับ คนในรูปสร้อยคอคือแม่ผมเอง!”

เมื่อเห็นของที่พระเจ้าหลวงถืออยู่ในมือ ฉีเทียนเหอที่สับสนก็ตอบไปโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่นานสีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

“คุณลุงรู้จักแม่ผมด้วยเหรอ ไม่หรอกมั้ง คุณลุงรู้จักแม่ผมได้ยังไง จำผิดคนแล้วละ!”

ประโยคครึ่งแรกน่าตกใจ ส่วนครึ่งหลังปฏิเสธอย่างเหลือเชื่อและหนักแน่น

ถึงจะพูดไปแบบนั้น จู่ๆ ในใจฉีเทียนเหอก็รู้สึกถึงโชคชะตาที่กำลังเล่นตลก แล้วมองไปที่เซียวปี้เฉิงด้วยสีหน้าตึงเครียด

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาคุยกับเซียวปี้เฉิงในสวนดอกไม้เมื่อครู่นี้ อีกฝ่ายก็พูดติดสำเนียงเหน่อด้วย

เมื่อเขาสงบสติอารมณ์แล้วขบคิด เมื่อเทียบกับลุงเซียวแล้ว สำเนียงของเซียวปี้เฉิงก็เหมือนกับสำเนียงของแม่เขาเป๊ะเลย!

สีหน้าของพระเจ้าหลวงก็ดูงุนงงและแปลกใจเล็กน้อย เขาก็หยั่งเชิงถาม “เสี่ยวเทียน แม่ของพ่อหนุ่มชื่อเต็มว่าอะไร ใช่เฟิงซ่านซิงหรือไม่”

‘ผู้สมรู้ร่วมคิดลักพาตัว’ อย่างกงจื่อโยวที่ดูอยู่ด้านข้าง เริ่มทำหน้ามึนงง อดถามไม่ได้ว่า “เฟิงซ่านซิงคือใคร”

“ลูกสาวคนโตของตาเฒ่าเฟิง ป้าแท้ๆ ของเฟิงหยาง”

สายตาของพระเจ้าหลวงจับจ้องไปที่ฉีเทียนเหอ ราวกับกำลังพิจารณาใบหน้าของเขาอย่างละเอียด

เมื่อลั่นประโยคนี้ออกมา อวิ๋นหลิงและผู้คนรอบข้างก็มองหน้ากันไปมา ต่างก็เห็นความประหลาดใจเล็กน้อยในสายตาของกันและกัน

นั่นไม่ใช่ต้าเฟิงหรอกหรือ!

ให้ความรู้สึกเหมือนว่าเรื่องราวจะออกนอกลู่นอกทางไปในแนวที่คาดเดาไม่ได้เสมอ...

นางอดเหลือบมองฉีเทียนเหออีกสองสามครั้งไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าโครงหน้าของเด็กหนุ่มคนนี้ค่อนข้างคล้ายกับของเสนาบดีซ้ายเฟิงอยู่บ้าง

ฉีเทียนเหอกะพริบตาปริบๆ จู่ๆ ก็ตื่นเต้นอย่างมาก ลุกขึ้นพรวดนั่งกับพื้น

“คุณลุง แม่ผมเป็นคนเมืองจินหยางของซีโจว บ้านเกิดคุณลุงอยู่ที่ไหน”

ตอนที่พูดคุยกัน อีกฝ่ายบอกแค่ว่าเป็นชาวนาจากชนบททางตะวันตกเฉียงเหนือ เขาก็ไม่ได้ถามอะไรมากนัก

ได้ยินเช่นนี้ เซียวปี้เฉิงเป็นคนแรกที่พูดด้วยความประหลาดใจ “คุณรู้จักจินหยางได้อย่างไร”

เมืองจินหยางเป็นชื่อเมืองหลวงของแคว้นต้าโจว หนุ่มผมขาวรู้เรื่องนี้ด้วยหรือ

ตอนนี้ทุกคนสับสนกันไปหมด

แต่จู่ๆ ฉีเทียนเหอก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ประกอบกับผมสีขาวยุ่งเหยิงของเขาทำให้ดูค่อนข้างเสียสติ ทุกคนก็ตกใจสะดุ้งโหยง

เขายกสองมือขึ้นลูบหน้าตัวเองอย่างแรง สูดหายใจเข้าลึกๆ สองสามที แต่เขาก็อดยกมุมปากด้วยความตื่นเต้นไม่ได้

“นี่ยังนึกว่าชาตินี้จะไม่มีวันเจอสถานที่แห่งนี้ซะอีก แต่ไม่คิดว่าพยายามหาแทบตายก็ไม่เจอ พอเลิกหากลับเจอซะงั้น ไม่ต้องเปลืองแรงเลย...”

“เท่าที่ผมรู้ ไม่เคยมีสถานที่ที่เรียกว่าเมืองจินหยางในประวัติศาสตร์ของโลกนี้ แม้ว่าจะมีราชวงศ์ที่เรียกว่าซีโจวเหมือนกัน แต่เมืองหลวงไม่ได้ชื่อว่าจินหยาง แต่เป็นเมืองฮ่าวจิงและเมืองเฟิงจิง”

ฉีเทียนเหอวางมือลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองพวกเขาด้วยสองตาทอประกายวาวโรจน์

“ถ้าจำไม่ผิด หลายคนเดิมทีไม่ใช่คนของโลกนี้ใช่หรือไม่”

กงจื่อโยวสูดลมหายใจแล้วชี้ไปที่เขา พูดเสียงสั่นเครือ “โอ้สวรรค์! หรือว่าคุณก็มาจากที่นั่นด้วย?”

นั่นไม่ใช่คนบ้านเดียวกันหรอกหรือ!

“เช่นนั้นข้าก็ไม่ต้องยืนกรานแสดงละครบทนี้อีก ไม่เพียงให้ผู้ชมดูสนุกไปเปล่าๆ แล้วตัวเองกลายเป็นตัวร้ายที่ไปพรากคู่รัก ดูจะไม่ค่อยดีนัก”

“อีกอย่างแม้ว่าซ่านซิงจะเป็นผู้หญิง แต่ก็มีความกล้าที่ไม่แพ้ใคร รัชทายาทไม่เหลียวแลข้าเลย จะให้ข้าไปพูดคำหวานหูรับไมตรีจากเขานั้นข้าทำไม่ได้จริงๆ”

“ขอบพระทัยที่ท่านเข้าข้าง ชื่นชมและให้ความสำคัญมาตลอดหลายปีนี้ เช่นนั้นโปรดยกโทษให้ข้าที่กลับคำ”

พระเจ้าหลวงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ อย่างไรก็ไม่เคยคิดเลยว่าจักรพรรดิจาวเหรินผู้เชื่อฟังมาตั้งแต่เด็กจะทำให้การแต่งงานวุ่นวายถึงเพียงนี้

เขาไม่รู้หรือว่าทั้งสองคนไม่ได้รักกัน

ตอนแรกพูดโน้มน้าวใจเฟิงซ่านซิง วิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของราชสำนัก วังหลังและวงศ์ตระกูล ทำให้แม่นางผู้มีไหวพริบและรักอิสระคนนี้ยินดีสละการแต่งงานที่จะได้เป็นถึงฮองเฮาพระมารดาแห่งแผ่นดิน ขณะที่นางนั่งอยู่ในวังหลัง ก็กลายเป็นมือขวาของจักรพรรดิจาวเหรินได้ด้วย

แม่นางผู้นี้ไม่ได้ใส่ใจเรื่องความรัก นางมีโลกของตัวเองและความใฝ่ฝันอยู่ในหัวใจ เต็มใจจะให้ความสำคัญกับราชสำนักและบ้านเมืองมาเป็นอันดับแรก

แต่จักรพรรดิจาวเหรินไม่รู้ว่าอะไรดีไม่ดี ในช่วงเวลานั้นเขาอาจคิดกบฏอย่างรุนแรงในสมัยวัยเยาว์ เขาจึงทำเรื่องที่ทำให้ผู้คนกรุ่นโกรธราวกับลุ่มหลงในทางที่ผิด

ให้เขานำราชโองการไปสู่ขอเฟิงซ่านซิงกับตระกูลเฟิง เขาประเสริฐนักละ ถ่อไปถึงลานบ้านของเสี่ยวเฟิง เอาของแทนใจของทั้งสองสาบานทำนองว่าชาตินี้จะไม่มีวันทำให้ผิดหวัง

ทำให้เสี่ยวเฟิงถึงกับซาบซึ้งจนน้ำตาไหล แต่เมื่อคำพูดแพร่ออกไปกลับทำให้เฟิงซ่านซิงกลายเป็นตัวตลก

ลูกสาวคนโตสายตรงผู้แสนดีของเสนาบดีซ้าย สตรีสูงศักดิ์ที่ไม่มีคุณหนูผู้ใดในเมืองหลวงจะเทียบรัศมีได้ มีผู้ชายมากมายหมายปองแต่ขี้ขลาดจนรู้สึกต่ำต้อย ทำให้เขาถูกเหยียบย่ำกลายเป็นเช่นนี้ เขามีน้ำโหจนจับจักรพรรดิจาวเหรินมามัดห้อยและเฆี่ยนตี

เสนาบดีซ้ายเฟิงก็เป็นตาแก่เลอะเลือน ลำเอียง ทำเป็นน้อยใจเสียใหญ่โต พอเกิดเหตุการณ์นี้ เขายังบ่นว่าเฟิงซ่านซิงที่จัดการเรื่องของจักรพรรดิจาวเหรินและน้องสาวไม่ดี ทำให้คนนอกหัวเราะเยาะตระกูลเฟิง

เฟิงซ่านซิงเห็นว่าจักรพรรดิจาวเหรินไม่ใช่คนประเภทที่ทะเยอทะยานใฝ่สูง ด้วยเหตุนี้จึงทะเลาะกับเสนาบดีซ้ายเฟิงครั้งใหญ่ คว้ากระบี่ออกเดินทางไปสุดหล้าฟ้าเขียว เสนาบดีซ้ายเฟิงเดือดดาลจนขู่จะตัดความสัมพันธ์พ่อลูก

นับตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีข่าวคราวของเฟิงซ่านซิงมาหลายปี พระเจ้าหลวงรู้สึกติดหนี้บุญคุณนางอย่างสุดซึ้งมาตลอด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ