เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1125

ในห้องโถง ดวงตาของฉีเทียนเหอแดงรื้นขึ้นมา

ก้อนกระดาษทิชชูบนโต๊ะกองเป็นภูเขาเล็กๆ พระเจ้าหลวงกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น แล้วก็ดึงกระดาษทิชชูใหม่ออกมาอีก สร้างก้อนกระดาษทิชชูพร้อมกับกงจื่อโยว

“ซ่านซิง เด็กที่น่าสงสาร......”

กงจื่อโยวร้องไห้จนน้ำตาไหลพราก อิงแอบอยู่กับไหล่ของหลงเย่สะอื้นจนหายใจหอบ “ฮือๆๆ ข้าคิดถึงท่านแม่แล้ว......”

เซียวปี้เฉิงใจลอยเหม่อมองทิชชู สีหน้าก็เศร้าสร้อยเช่นกัน บางทีอาจเป็นเพราะมีความเข้าอกเข้าใจ

ยังจำสิ่งที่จักรพรรดิจาวเหรินเคยพูดเอาไว้ แม่ผู้ให้กำเนิดของเขาก็เคยถูกชมว่ามีนิสัยคล้ายกับต้าเฟิงมาก เงาร่างที่เดิมทียังดูเลือนราง ภายใต้การบรรยายอย่างไพเราะของฉีเทียนเหอ เหมือนจะแจ่มชัดขึ้นมาแล้ว

อวิ๋นหลิงนั่งฟังอยู่ข้างๆอย่างเงียบๆ พึมพำอยู่ในใจ ต้าเฟิงที่อยู่ในข่าวลือคนนั้น มีประสบการณ์ที่น่าอัศจรรย์กว่าที่คิดเอาไว้

ในห้องโถง ทุกคนต่างก็เงียบไปพักใหญ่ ต่างก็ปรับอารมณ์ให้สงบลง

ผ่านไปครู่หนึ่ง ฉีเทียนเหอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พูดต่อไปว่า “หลังจากที่แม่ผมตาย ผู้หญิงที่หลอกแม่ผมคนนั้น......ก็คือคุณหนูไฮโซของตระกูลการแพทย์ที่ใช้วิธีสกปรกจนตั้งท้องลูกของพ่อผม ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตด้วยข้อหาหลอกลวงและเจตนาฆ่า”

ทั้งสองครอบครัวกลายเป็นศัตรูกัน ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะรวมกันเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งด้วยการแต่งงานอีกต่อไป คุณปู่คุณย่าของเขาก็ไม่กล้าก่อเรื่องอีก

ไม่ว่าสองผู้อาวุโสจะเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากแค่ไหน ลูกชายก็ไม่สามารถขจัดความบาดหมางในใจที่มีต่อพวกเขาได้อีกต่อไป

ฉีโม่เสวี่ยมีนิสัยยับยั้งชั่งใจ มีความสัมพันธ์ที่อบอุ่นกับคนในครอบครัวตั้งแต่เด็กไม่มากนัก ตอนนี้พวกเขาเพิ่งจะหวนนึกถึงความดีของลูกสะใภ้ เพื่อเป็นการบรรเทาความสัมพันธ์ในครอบครัวของพวกเขาที่ต้องใช้ความอดทนอย่างไม่สิ้นสุด

แต่ทุกอย่างก็สายเกินไปแล้ว เฟิงซ่านซิงได้จากไปอย่างไม่หวนกลับชั่วนิจนิรันดร์

“หลังจากที่แม่ผมตายไปได้ไม่นาน ผมพบสมุดบันทึกจำนวนมากที่แม่ทิ้งเอาไว้ในห้องหนังสือของพ่อผม......สมุดบันทึกหนาๆหลายเล่ม ได้รับรู้ถึงการมีตัวตนของอีกโลกหนึ่งตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา”

“หลังจากนั้นผมก็ตัดสินใจ ว่าต้องค้นหามัน ทำความหวังของแม่ให้เป็นจริง”

“ไปเยี่ยมบ้านเกิดแทนแม่ เยี่ยมคุณตาคุณยาย ขจัดความบาดหมางที่ผ่านมาของพวกเขา”

พูดถึงตรงนี้ ท่าทีเอ้อระเหยลอยชายของฉีเทียนเหอก็หายไปจนหมดสิ้น สีหน้ามุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวมาก

นี่เป็นสาเหตุที่พอเขาโตแล้วได้เลือกเรียนประวัติศาสตร์และโบราณคดี

ในโลกอนาคต ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ที่แปลกใหม่นานาชนิดถูกผลิตขึ้นมาไม่หยุด คนที่เลือกจะเขียนบันทึกด้วยลายมือนั้นมีน้อยมาก

แต่เพื่อต้องการฝึกฝนการเขียนอักษรจีนย่อและฝึกเขียนอักษรด้วยปากกา เฟิงซ่านซิงใช้เวลาวันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่าในการมุ่งมั่นเขียนบันทึกด้วยลายมือ

ฉีเทียนเหออาศัยสมุดบันทึกที่ล้ำค่าเหล่านี้ สัมผัสถึงความทรงจำที่คุณแม่เก็บเอาไว้นับสิบปี รวมไปถึงร่องรอยที่เกี่ยวกับความลับแห่งกาลเวลาของนางเมื่อยี่สิบปีก่อน

ตอนแรกเธอเขียนตัวอักษรเหมือนลายมือเด็กประถม มักจะใช้ตัวอักษรจีนดั้งเดิม แต่ไม่ช้าก็เปลี่ยนเป็นตัวอักษรที่มีความสวยงามเป็นระเบียบมาก

เนื้อหาในบันทึกส่วนใหญ่จะเป็นชีวิตประจำวันและความรู้สึกที่เกิดขึ้น กระทั่งหลังจากที่ให้กำเนิดเขา แม่พูดถึงบ้านเกิดบ่อยมากขึ้นเรื่อยๆ แทบจะบรรยายความทรงจำในวัยเยาว์จำนวนหลายหน้าอยู่เป็นประจำ

ฉีเทียนเหออ่านบันทึกซ้ำๆ ค่อยๆรับรู้ว่าคุณแม่มาจากไหน ที่บ้านมีใครบ้าง แล้วเจอกับเรื่องราวอะไร

เขาพยายามค้นหาร่องรอยของแคว้นต้าโจวจากประวัติศาสตร์หลายพันปีของประเทศจีน เสียดายที่ไม่มีเบาะแสอะไรเลย

บ้านเกิดที่เฟิงซ่านซิงพูดถึง เหมือนกับโลกใบนี้ของเขามาก แต่วิถีประวัติศาสตร์มากมายล้วนถูกเบี่ยงเบน เขาเดาว่าน่าจะเป็นมิติคู่ขนานอื่นๆ

เซียวปี้เฉิงรู้สึกชื่นชมฉีเทียนเหอขึ้นมาบ้างแล้ว ยกนิ้วโป้งให้เขา “หลังจากนั้นเจ้าก็สร้างยานอวกาศขึ้นมาจริงๆ สำรวจความลึกลับของกาลเวลา ทะลุมิติสำเร็จ”

ฉีเทียนเหอได้สติกลับมา ส่ายหน้าอย่างรู้สึกกระดากอายอยู่บ้าง

จะว่าไปแล้วก็ทำให้รู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก คุณอานักวิทยาศาสตร์ของเขาคนนี้ พอล่วงเลยเข้าสู่วัยกลางคนก็หมกมุ่นกับอภิปรัชญาขึ้นมา

การตั้งค่ายกลฝนยานอวกาศแบบนี้ ถ้าหากถูกนำไปเขียนเป็นข่าวคงถูกคนด่าว่าเขาสติไม่ดีแล้ว

แต่ผู้ชายสามคนที่ถูกความคิดถึงครอบงำจิตใจและสมอง ไม่มีเวลามาสนใจอะไรทั้งสิ้น

“โอกาส......มีเพียงครั้งเดียว ฉันเข้าใจดี นายกับเสี่ยวเทียนมีสิทธิ์มากกว่าฉัน”

การรอคอยสิบกว่าปี คุณอาได้มอบโอกาสให้เขากับพ่อ แต่พ่อกลับเลือกที่จะไม่ขึ้นยานอวกาศ

ไรผมสองข้างใบหน้าของฉีโม่เสวี่ยมีเส้นผมขาวปะปนอยู่ประปราย เขาจ้องมองยานอวกาศเงียบๆ ส่ายหน้าไปมา

“ฉันไปไม่ได้ ถ้าฉันไปแล้ว ซ่านซิงอยู่ที่นี่คนเดียวจะโดดเดี่ยวมาก”

“หลายปีก่อน ฉันมักจะคิดเสมอว่าถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้คงดี กลับไปในวันที่เกิดเรื่องกับซ่านซิง ห้ามเธอ......แต่หลายปีมานี้ ฉันมาคิดทบทวนดู เรื่องราวได้เกิดขึ้นแล้ว แม้ว่าฉันจะกลับไปในอดีตได้ คนที่ฉันช่วยไว้จะเป็นซ่านซิงจริงเหรอ”

“บางทีฉันอาจจะช่วยซ่านซิงที่อยู่ในอีกมิติเวลาหนึ่งเอาไว้ได้ แต่ซ่านซิงที่เป็นของฉันจริงๆ จะหลับใหลอย่างโดดเดี่ยวอยู่ที่นี่ตลอดไป......ฉันจะจากไปได้ยังไง ฉันไม่สามารถทิ้งเธอเอาไว้ได้”

ประสบการณ์ของเฟิงซ่านซิงทำให้พวกได้อนุมานบทสรุปได้ข้อหนึ่ง โลกคู่ขนานบางทีอาจจะมีอยู่จริง

นี่หมายความว่า กลับไปช่วยซ่านซิงคนนั้นเอาไว้ อาจไม่ใช่ซ่านซิงที่อยู่ในโลกใบนี้

ฉีโม่เสวี่ยเลือกที่จะอยู่ที่นี่ อยู่เป็นเพื่อนภรรยาของเขา กระทั่งหลับใหลไปชั่วนิรันดร์

ผู้ชายที่อยู่ข้างๆเขามองเขาอยู่นาน ในที่สุดก็ก้มหน้ายิ้มออกมา พึมพำกับตัวเองว่า

“เป็นอย่างที่คิด นายเป็นคนที่รักเธอมากกว่าฉันเสมอมา”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ