ฉีเทียนเหอวางตัวได้ดีมาก รีบประสานมือขึ้นมาคำนับเซียวปี้เฉิงทันที “พี่สามเซียว โปรดรับการคำนับจากผมด้วย”
“ระหว่างพวกเราก็ถือว่ามีภูมิหลังเชื่อมโยงกัน สามารถพบเจอกันได้ถือเป็นวาสนา ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ”
เซียวปี้เฉิงก็มีสีหน้าอบอุ่นขึ้น เมื่อคำนวณอย่างละเอียดแล้ว อีกฝ่ายยังเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเฟิงอู๋จีด้วยซ้ำ
เขายังคงแนะนำคนอื่นๆให้ฉีเทียนเหอรู้จัก “นี่เป็นภรรยาของข้าอวิ๋นหลิง ส่วนสองคนที่อยู่ข้างๆนั้นเป็นพี่เขย”
หลังจากแนะนำหมดแล้ว ในที่สุดฉีเทียนเหอที่รู้สึกมึนงงก็เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา
“ที่แท้พวกพี่สะใภ้ก็เป็นคนในมิติเวลานี้นี่เอง ถึงว่าพวกคุณทำไมถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ผมขอถามอย่างล่วงเกินหน่อยได้ไหมว่า พวกคุณใช้วิธีการอะไรที่ทำให้การเดินทางระหว่างสองมิติมีเสถียรภาพ”
ที่สำคัญที่สุดคือ ให้เขาเข้าร่วมด้วยได้หรือไม่ ไปในมิติเวลานั้นสักครั้ง ทำความปรารถนาของคุณแม่ให้เป็นจริง
ฉีเทียนเหอเอ่ยขอร้องอย่างจริงใจ
เมื่อครู่อวิ๋นหลิงก็เดาได้แล้วว่าเขาต้องทำเช่นนี้ หัวใจหวั่นไหลเล็กน้อย รีบลุกขึ้นมาด้วยความยินดี
“แน่นอนว่าไม่มีปัญหา แต่เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ฉันอยากจะเสนอเงื่อนไขหนึ่งข้อ”
“พี่สะใภ้พูดมาได้เลย ขอเพียงผมทำได้ จะให้บุกน้ำลุยไฟ บุกป่าฝ่าดงผมก็ไม่มีทางปฏิเสธ”
เซียวปี้เฉิงเดาออกว่าอวิ๋นหลิงต้องการจะเสนอเงื่อนไขอะไรแล้ว และเป็นอย่างที่คาด นางบอกว่า “ฉีซื่อกรุ๊ปเป็นตระกูลใหญ่และมีกิจการใหญ่โต น่าจะมีโครงการธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับฟาร์มและที่ดิน ฉันอยากจะใช้ชื่อของตระกูลฉี เพื่อจัดซื้อเมล็ดพันธุ์และปุ๋ยจำนวนมากจากสถาบันเกษตร เงินก้อนนี้คุณไม่ต้องจ่าย ฉันแค่ต้องการสิทธิ์ในการจัดซื้อและอ้างชื่อเพื่อบังหน้าเท่านั้น”
เกิดเป็นคนในยุคปัจจุบัน ฉีเทียนเหอได้ยินอวิ๋นหลิงพูดเช่นนี้ก็รู้ว่าแล้วเธออยากจะทำอะไร จึงพยักหน้ารับอย่างไม่ลังเล
“พี่สะใภ้อยากจะเอาของพวกนี้กลับไปอีกโลกหนึ่งใช่ไหม ไม่มีปัญหา ไม่ว่ายังไงนี่ก็เป็นเรื่องดีที่การสร้างความผาสุกให้กับประชาชนในยุคโบราณ มอบให้เป็นหน้าที่ผมเถอะ เงินพวกคุณไม่ต้องจ่าย มอบให้เป็นหน้าที่ผม ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆที่ผมตอบแทนความช่วยเหลือของพวกคุณ”
ในเมื่อเงินเหล่านี้อยู่ในมือก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร เขาใช้ชีวิตเสแสร้งไปวันๆก็ใช้ไม่หมด ไม่สู้ไปทำเรื่องที่มันเป็นประโยชน์จะดีกว่า
อวิ๋นหลิงยิ้มสดใสพลางพูดว่า “ตกลง”
ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้รับความช่วยเหลือจากฉีเทียนเหอ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิ์ในการสั่งซื้อหรือการปกปิดตัวตนล้วนแก้ตกไปตามๆกัน
นางพบว่าตนเองโชคดีมาก ทุกครั้งที่ต้องการความช่วยเหลือก็มักจะได้รับการสนับสนุนอยู่เสมอ
อีกทั้งฉีเทียนเหอยังเป็นคนวงในที่รู้ความลับของการข้ามมิติเวลาเหมือนกัน เป็นเพื่อนร่วมทีมชั้นดีที่ตกลงมาจากสวรรค์จริงๆ
แก้ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดตรงหน้าได้แล้ว พวกอวิ๋นหลิงก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา สายตาที่มองฉีเทียนเหอก็เป็นกันเองขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
“ใกล้ถึงเวลากินข้าวแล้ว อยู่กินข้าวด้วยกันเถอะ คุณอยากจะรู้เรื่องอะไรเดี๋ยวพวกเราค่อยๆเล่าให้ฟัง”
ฉีเทียนเหอรีบพยักหน้ารับทันที เขาอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับพวกอวิ๋นหลิงมาก
พวกหล่อนเดินทางข้ามเวลาไปที่โลกนั้นได้ยังไง กลับมาที่นี่ได้ยังไง
ท่านพ่อหวู๋ซินเป็นใคร ระหว่างเขากับบรรพบุรุษฉีไหวเซิงมีเรื่องราวอะไรที่คนอื่นไม่รู้
ฉีเทียนเหอนั่งอยู่บนโซฟาตลอดช่วงบ่าย ในที่สุดก็เข้าใจถึงที่มาที่ไปทั้งหมด และได้ทำความเข้าใจสถานการณ์โดยรวมของครอบครัวคุณตาตระกูลเฟิง
ท้องฟ้าค่อยๆมือสลัวลงแล้ว ฉีเทียนเหอเพิ่งจะลุกขึ้นเตรียมจะจากไป โบกมืออำลา
“การเดินทางทะลุมิติครั้งหน้าคือหลังจากนี้สิบสี่วัน ทุกครั้งของการเดินทางข้ามมิติจะใช้ระยะเวลาคูลดาวน์ครึ่งเดือน......โอเค ผมจำได้หมดแล้ว”
“เรื่องที่รับปากพี่สะใภ้ผมจะรีบจัดการให้เสร็จโดยเร็วที่สุด รอให้ถึงวันที่แรมหนึ่งค่ำครั้งหน้า จะไม่ให้พวกคุณต้องกลับไปมือเปล่าแน่”
พระเจ้าหลวงมองด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ แต่เมื่อคิดได้ว่าเด็กคนนี้อาศัยอยู่บ้านข้างๆ เดินแค่สองสามนาทีก็สามารถพบกันได้แล้ว ก็สบายใจขึ้นมา
กงจื่อโยวอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ก่อนหน้านี้น้องเสี่ยวเทียนเคยเอ่ยถึง มีคนบอกว่าหินอุกกาบาตชิ้นนั้นของเขาแฝงไปด้วยพลังที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ พวกเจ้ารับรู้ได้ถึงพลังอะไรหรือไม่”
พวกอวิ๋นหลิงต่างก็ส่ายหน้า “ข้าไม่ได้สัมผัสถึงคลื่นพลังจิตเลย”
ก่อนหน้านี้ตอนที่เข้าวังเป็นครั้งแรก นางรับรู้ได้ถึงคลื่นพลังของหินอุกกาบาตสีแดงในระยะไกลมาก แต่หินอุกกาบาตชิ้นนี้ของฉีเทียนเหอกลับไม่มีอะไรผิดปกติ
นางรู้กงจื่อโยวกำลังคิดว่า ถ้าหากหินอุกกาบาตก้อนนี้สามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับค่ายกลได้ บางทีอาจจะสามารถทำให้การเดินทางข้ามมิติที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้เป็นจริงขึ้นมา
แต่หินอุกกาบาตที่ปรากฏขึ้นมาตอนนี้กลับเป็นหินอุกกาบาตธรรมดาไม่ได้พิเศษอะไร อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง
หลงเย่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ กลับพูดว่า “ต้องรอให้อาจารย์หวู๋ซินดูแล้วจึงจะรู้ ก่อนหน้านี้เขาเคยบอกว่า หินอุกกาบาตในมือพวกเราทุกคน ที่สามารถใช้ฝึกฝนพลังจิตได้ เพราะเขาได้ทำการเบิกเนตรล่วงหน้าแล้ว”
หินอุกกาบาตที่ไม่ได้ผ่านการเบิกเนตรก็เหมือนหยกที่ซ่อนอยู่ในก้อนหิน ยังคงเป็นแค่หินธรรมดาก้อนหนึ่ง
เซียวปี้เฉิงพยักหน้า คิดและพูดว่า “สิ่งนี้เป็นของที่ท่านแม่ของเทียนเหอทิ้งเอาไว้ให้ ไม่ว่าจะสามารถใช้เสริมพลังของค่ายกลได้หรือไม่ ก็ต้องทำตามความคิดเห็นของเขา”
นี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเมื่อครู่เขาไม่พูดถึงเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนแรก
กงจือโยวบิดขี้เกียจ หาวออกมาและพูดว่า “เช่นนั้นก็รอให้พาเขาไปด้วยกันแล้วค่อยว่ากันอีกที เมื่อคืนนอนดึกมาก ทุกคนรีบพักผ่อนเถอะ”
อาจเป็นเพราะพระเจ้าหลวงอายุมากแล้ว นอนดึกตื่นเช้าจึงทำให้สัปหงกทั้งวัน ง่วงซึมราวกับลูกเจี๊ยบตั้งนานแล้ว หลังกินอาหารค่ำได้ไม่นานก็เข้าห้องนอนไปแล้ว
พวกอวิ๋นหลิงคิดว่าจะรีบพักผ่อน เพื่อสะสมกำลัง แต่ไม่รู้ว่านางหนูเสวียนจีพาเฟิ่งเหมียนไปเหลวไหลที่ไปแล้ว จนป่านนี้ก็ยังไม่กลับมา
พวกพี่น้องต่างก็พาสามีออกไปเดินเล่น หลิวฉิงออกกำลังกายอยู่ในสวนหลังบ้านตามความเคยชิน ก่อนจะกลับเข้าห้อง
กลับพบว่ากู้ฉางเซินกำลังจ้องมองดวงจันทร์จากข้างหน้าต่าง บนโต๊ะสีกาแฟมีเค้กวางเอาไว้ชิ้นหนึ่ง เทียนเล่มเล็กๆที่ปักเอาไว้บนนั้นส่องแสงรำไร

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...