พวกเซียวปี้เฉิงกำลังนินทากันอย่างออกรส ถึงกับไม่ทันสังเกตความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นทางด้านหลัง
“เสด็จปู่ ท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็ตอนที่พวกเจ้าพูดถึงเรื่องมุมนัดหาคู่อะไรนั่น โลกนี้ยังมีสถานที่เช่นนี้ด้วยหรือ ไม่เลวไม่เลว มีพ่อแม่และผู้อาวุโสในบ้านออกหน้า ดูน่าเชื่อถือว่ากว่าการแนะนำจากแม่สื่อ พรุ่งนี้ข้าก็จะไปดูสักหน่อย ประเดี๋ยวกลับเมืองหลวงแล้วจะได้พาประชาชนทำบ้าง”
พระเจ้าหลวงนั่งลงข้างเซียวปี้เฉิง เพลิดเพลินกับอาหารเช้าแสนอร่อย
อวิ๋นหลิงพูดยิ้มๆว่า “ทำไมจู่ๆท่านจึงเป็นห่วงเรื่องเหล่านี้ขึ้นมา หรือว่าอยากจะเป็นพ่อสื่อให้ใคร”
ในบรรดาหลานชายของเขา ก็เหลือแต่องค์ชายหกที่ยังไม่แต่งงาน
เดิมทีจักรพรรดิจาวเหรินยังอยากจะแสร้งทำเป็นพ่อที่แสนดีจัดการเรื่องนี้ แต่สนมลี่ผินกลับไม่รีบร้อนเลยสักนิด บอกว่าต้องรออีกสองสามปี เขาก็ไม่กล้าชี้นิ้วสั่งแต่อย่างใด
พระเจ้าหลวงเอ่ยอย่างลิงโลดว่า “นอกจากเสี่ยวเทียน ข้ายังจะเป็นพ่อสื่อให้ใครได้ เมื่อวานข้าได้พูดคุยเรื่องเล็กๆน้อยๆเหล่านี้กับเขา เขาบอกว่าเขาโตจนป่านนี้แล้วยังไม่เคยมีความรัก และไม่เคยมีแฟน”
“ดังนั้นข้าจึงคิดว่า สามารถช่วยดูหญิงสาวสองสามคนที่มีรูปร่างหน้าตาและนิสัยดี ถ้าหากสามารถหาหญิงสาวที่ถูกตาต้องใจเสี่ยวเทียนได้ก็เป็นเรื่องดี”
“ที่จริง เดิมทีข้าอยากจะจับคู่เสี่ยวเทียนกับนางหนูหยวนเป่า พวกเขาสองคนนิสัยคล้ายกันมาก และต่างก็เป็นคนในโลกนี้ น่าจะเข้ากันได้ดี ไหนเลยจะรู้ว่าเสี่ยวเฟิ่งก็ชอบนางหนูหยวนเป่าเหมือนกัน เรื่องนี้คงจะจัดการยากหน่อย”
ด้วยสถานะของฉีเทียนเหอ เขามีความลับที่ยิ่งใหญ่มากอยู่กับตัว ไม่ว่าจะอยู่ในโลกไหนก็ไม่สะดวกที่จะหาคู่
เขาครุ่นคิดอยู่ครึ่งค่อนวัน รู้สึกว่าเขากับเสวียนจีเหมาะสมกันดี ทั้งสองคนไม่ว่าจะเป็นอายุแนวคิดหรือนิสัย แต่ละด้านล้วนเหมือนกันมาก
เซียวปี้เฉิงรีบพูดขึ้นว่า “เสด็จปู่ เรื่องนี้ท่านไม่ต้องเป็นกังวลแล้ว ข้าดูแล้วเทียนเหอไม่น่าจะกำราบแม่สาวน้อยได้ เฟิ่งเหมียนรู้จักกับนางมาตั้งนานแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนสามารถพูดได้ว่าไม่ธรรมดา มีเพียงเส้นบางๆกั้นอยู่เท่านั้น”
พระเจ้าหลวงมีความห่วงใยต่อฉีเทียนเหอเป็นพิเศษ นอกจากคุยกันถูกคอแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะเรื่องของเฟิงซ่านซิงทำให้เกิดความรู้สึกผิดและเสียดายขึ้นในใจจนอยากจะชดเชยให้
แต่หากพูดถึงความคิดเห็นส่วนตัว เขาก็ยังเอนเอียงไปทางเฟิ่งเหมียนอยู่บ้าง เพราะทุกคนต่างก็รู้จักกันมานานแล้ว
อีกอย่างไม่ง่ายเลยที่เพื่อนจะรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาสักครั้ง เป็นชายแก่อายุยี่สิบแปดปีแล้ว ถ้าหากยังต้องทนรับแรงกระแทกจากการอกหัก เช่นนั้นคงน่าสมเพชเกินไปแล้ว
“ดูเจ้าพูดเข้า ข้าเป็นคนประเภทจับคู่ไปเรื่อยเปื่อยหรืออย่างไร”
พระเจ้าหลวงทำเสียงไม่พอใจ “อีกอย่าง เรื่องเช่นนี้ไม่มีใครมาก่อนมาหลัง ให้ความสำคัญกับความรู้สึกเท่านั้น เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเสี่ยวเทียนกับนางหนูหยวนเป่าจะเข้ากันไม่ได้ บางทีแค่พวกเขาเจอกันครั้งแรกก็อาจเหมือนอุกกาบาตพุ่งชนโลก สะเทือนเลือนลั่นไปหมด”
อวิ๋นหลิงยกนิ้วโป้งขึ้นมา “ท่านเรียนรู้คำศัพท์ได้ดีมาก”
“ใช่ไหมล่ะ ความจำข้ายังดี เสี่ยวเทียนพูดรอบเดียวข้าก็จำได้แล้ว” พระเจ้าหลวงสีหน้าได้ใจ จากนั้นก็พูดอย่างจริงจังว่า “วกเข้าประเด็นสำคัญ ทั้งสองคนนี้ใครจะถูกตาต้องใจนางหนูหยวนเป่ากว่ากัน ยังต้องให้นางตัดสินใจเอง”
“ก่อนที่นางหนูหยวนเป่าจะทำการตัดสินใจ ทั้งสองฝ่ายต้องแข่งขันกันอย่างยุติธรรม ข้าไม่ขวางที่พวกเจ้าจะจับคู่นางกับเสี่ยวเฟิ่ง แต่พวกเข้าก็ห้ามขวางไม่ให้ข้าช่วยเสี่ยวเทียน”
พวกเซียวปี้เฉิงต่างก็มองหน้ากัน ที่จริงพระเจ้าหลวงก็พูดถูก พวกเขาไม่มีเหตุผลที่จะขัดขวาง
อวิ๋นหลิงกลับรับคำด้วยรอยยิ้มสดใส “ท่านพูดถูก ใครสามารถทำให้นางหนูหวั่นไหวได้ก่อน ก็ถือเป็นความสามารถของเขา”
พระเจ้าหลวงพยักหน้าด้วยความตื่นเต้นยินดี “เช่นนั้นพวกเราก็ตั้งตารอได้เลย ดูซิว่าท้ายที่สุดแล้วใครจะสามารถได้ใจนางหนูหยวนเป่าไป”
หลังจากกินอาหารเช้า พระเจ้าหลวงก็ไปหาอ้ายเฟยเพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ของโลกใบนี้ต่อ
เพราะในบรรดาพี่น้องทั้งหมด มีเพียงนางที่เคยผ่านประสบการณ์ความบาดหมางระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้
แม้ว่าแผนการของพระสนมหลี่จะไม่ลึกล้ำอะไร ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายก็อยู่ร่วมกันอย่างสันติแล้ว แต่เมื่อก่อนตอนที่เกิดความขัดแย้ง ทำให้รู้สึกโมโหและไม่มีความสุขจริงๆ
การพูดจาและการกระทำของนางยังถือว่าควบคุมได้ดีแล้ว หาเปลี่ยนเป็นเสวียนจีที่เป็นจอมปีศาจ นั่นคงจะทำให้ปั่นป่วนวุ่นวายทุกวันแน่ๆ
ความรักจะลึกซึ้งแค่ไหน ก็ต้องถูกความรุนแรงในชีวิตกำจัดออกไป ยิ่งไปกว่านั้นเฟิ่งเหมียนยังเป็นผู้ชายดั้งเดิมที่ให้ความสำคัญกับความกตัญญูมาก
สถานการณ์ของเขาแตกต่างจากพวกกงจื่อโยวโดยสิ้นเชิง ปกติหากบังเอิญเอ่ยถึงพ่อแม่ พิจารณาจากน้ำเสียงที่พูด ความสัมพันธ์ในครอบครัวน่าจะกลมเกลียวกันดีมาก
ถ้าหากเกิดความขัดแย้งขึ้นมาจริงๆ ยากมากที่จะบอกได้ว่าเขาจะเลือกทำอย่างไร
ในเมื่ออวิ๋นหลิงก็เอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าหากตอนนั้นเซียวปี้เฉิงไม่ได้ยืนหยัดที่จะยืนอยู่ข้างนาง แต่เลือกที่จะปกป้องและยอมอ่อนข้อให้กับพระสนมหลี่ นางก็คงจะโกรธจนหนีไปนานแล้ว
เดิมทีเซียวปี้เฉิงอยากจะช่วยเฟิ่งเหมียนพูดจาอยู่บ้าง พอคำพูดมาถึงริมฝีปากก็นิ่งเงียบไป
“เจ้าพูดถูก ครอบครัวของเฟิ่งเหมียนเป็นอย่างไร พวกเราไม่รู้เลย และการแต่งงานเป็นเรื่องของสองครอบครัว”
เมื่อคิดปะติดปะต่อกับนิสัยของเฟิ่งเหมียน เขาคิดว่าพ่อแม่ตระกูลเฟิ่งก็น่าจะมีนิสัยค่อนข้างหัวโบราณและเคร่งครัด ทั้งสองจะสามารถยอมรับเสวียนจีได้จริงหรือ
แม้ว่าเฟิ่งเหมียนจะพูดหนักแน่นเป็นที่พึ่งได้มากกว่าฉีเทียนเหอ
เฮ้อ ไข่เหล็กเอ๋ยไข่เหล็ก ใครใช้ให้เจ้าปกติมักจะทำตัวเฉื่อยชาเหมือนหมู ตอนนี้คู่แข่งที่แข็งแกร่งจะปรากฏตัวแล้ว

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...