พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 116

สรุปบท ตอนที่ 116 นางอยากจะหย่าแล้ว: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ

ตอนที่ 116 นางอยากจะหย่าแล้ว – ตอนที่ต้องอ่านของ พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ

ตอนนี้ของ พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ โดย Anchali ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนติกโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 116 นางอยากจะหย่าแล้ว จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

จักรพรรดิจาวเหรินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สะกดกลั้นโทสะเอาไว้พูดอย่างเป็นห่วงว่า “พระเจ้าหลวงเป็นอะไร ข้าจะไปดู”

ฝูกงกงตัวสั่นชั่วครู่ แล้วจึงพูดด้วยเสียงระมัดระวังว่า “ฝ่าบาท พระเจ้าหลวงทรงกำชับมาเป็นพิเศษ ให้พระชายาจิ้งอ๋องไปคนเดียวก็พอ”

ได้ยินดังนั้น สีหน้าของจักรพรรดิจาวเหรินก็ค่อยๆเขียวคล้ำขึ้นมายิ่งไม่น่าดูเข้าไปใหญ่

รับรู้ได้ว่าพระเจ้าหลวงทรงให้คนมาช่วยอวิ๋นหลิงกู้สถานการณ์โดยเฉพาะ เขาได้แต่เม้มปากแน่น โบกมือไล่ราวกับไล่แมลงวัน

อวิ๋นหลิงย่อตัวคำนับอย่างขอไปที หมุนตัวเดินตามฝูกงกงออกไปจากพระที่นั่งบำรุงฤทัย อารมณ์ที่หนักอึ้งในใจไม่ได้ดีขึ้นเลยสักนิด

เพิ่งจะก้าวเข้าไปในตำหนักฉางหนิง ก็พบพระเจ้าหลวงทรงนั่งอยู่บนตั่งนุ่มด้วยท่าทีสบายอกสบายใจ ถือกล้องยาสูบสีทองกำลังพ่นควันออกมา

เขายื่นมือไปแคะจมูก แล้วก็ไปเกาที่เท้า เมื่อเห็นว่าอวิ๋นหลิงเข้ามาในตำหนักแล้ว ใช้เสียงลากยาวพูดคุยกับนาง

“ดูซิปากยื่นจนจะแขวนถังน้ำได้แล้ว รังเกียจข้าที่อายุมากแล้วข้อเสียเยอะ ทำให้เจ้าต้องยุ่งยากใช่หรือไม่”

อวิ๋นหลิงจัดการกับอารมณ์ของตนเอง ส่ายหน้าไปมา “อวิ๋นหลิงไม่กล้า ท่านปวดตรงไหน ปวดนานหรือยัง”

นางเดินเข้าไปจะช่วยพระเจ้าหลวงจับชีพจร พระเจ้าหลวงกลับยกกล้องยาสูบขึ้นมาชี้ไปยังทิศทางที่มีโต๊ะวางอยู่ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า

“งานเลี้ยงในวังวันนี้ ห้องเครื่องทำอาหารมาให้ข้ามากมายขนาดนี้ ข้าคนเดียวกินไม่หมด เจ้าดูซิว่าพวกเขาทำเรื่องบ้าบออะไรกัน”

คิ้วของพระเจ้าหลวงเลิกขึ้นสูง ด่าห้องเครื่องด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ไม่ว่าจะเป็นประโยคที่ว่า “ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย” “ไม่รู้คุณค่าของอาหาร” เป็นต้น

เขาด่ากราดเป็นชุด และใช้น้ำเสียงที่ไม่อนุญาตให้สงสัยสั่งการอวิ๋นหลิงว่า “ข้าเห็นของพวกนี้แล้วก็รู้สึกโมโหมาก โกรธจนหัวข้ารู้สึกปวด เจ้าเป็นคนที่กินเก่งกว่าหมูมาตลอด รีบจัดการให้เรียบร้อยซะ จะได้ไม่ต้องให้ข้าเห็นแล้วรู้สึกรำคาญใจ”

อวิ๋นหลิงเพิ่งจะสังเกตเห็น โต๊ะที่อยู่ข้างๆมีอาหารวางอยู่มากมาย กับข้าวสามอย่างน้ำแกงหนึ่งอย่าง มีทั้งเนื้อสัตว์และมังสวิรัติ กำลังส่งกลิ่นหอมไปทั่ว

นางลูบท้องตนเอง ทั้งๆที่ตอนอยู่ในงานเลี้ยงนั้นรู้สึกหิวมาก แต่เมื่อครู่ตอนที่เข้ามาในตำหนัก นางกลับไม่ได้กลิ่นหอมของอาหารเลย

อวิ๋นหลิงเข้าใจขึ้นมาทันที อาหารโต๊ะนี้เห็นได้ชัดว่าพระเจ้าหลวงทรงเตรียมไว้ให้นางโดยเฉพาะ

ในใจของนางรู้สึกตื้นตัน ยิ้มออกมาอย่างรู้สึกประทับใจ “ก็ยังเป็นท่านที่ดีกับข้า”

อวิ๋นหลิงไม่เกรงใจ ถอดผ้าคลุมใบหน้าโยนไปไว้ข้างๆ นั่งลงที่โต๊ะอาหารและกินอย่างเอร็ดอร่อย

การกินข้าวเป็นเรื่องสำคัญกว่าฮ่องเต้ ถูกผู้ชายแย่ๆทำให้กระทบความอยากอาหารยิ่งไม่คู่ควร

สายตาของพระเจ้าหลวงอ่อนโยนลง แต่ปากกลับทำเสียงไม่พอใจ “ยังรู้หรือว่าข้าดีกับเจ้า ข้ากลับวังมาตั้งนานแล้ว ยังไม่คิดจะมาเยี่ยมข้าบ้าง”

“อวิ๋นหลิงผิดไปแล้ว วันหลังจะเข้าวังมาเยี่ยมท่านบ่อยๆแน่”

เสียเวลาอยู่กับคนบางคนไปวันๆ ไม่สู้เข้าวังมาอยู่กับชายชราในวังให้สบายใจจะดีกว่า

พระเจ้าหลวงเลิกคิ้วสูง ไม่พูดจา เขารออวิ๋นหลิงกินอาหารจนอิ่มอย่างอดทน ก่อนจะวางกล้องยาสูบลง

“กินเสร็จแล้วหรือ ข้ามีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับเจ้า”

หัวใจของอวิ๋นหลิงหนักอึ้งลงเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดกับตัวเอง หรือว่าชายชราจะมาพูดกล่อมให้นางยอมรับเรื่องที่เซียวปี้เฉิงจะแต่งอนุภรรยา

ขณะที่กำลังใช้ความคิด พระเจ้าหลวงก็ทรงกระแอมไอขึ้นมา “เจ้ารักษาดวงตาของเจ้าสามจนหาย ยังไม่ได้ให้รางวัลเจ้าเลย แต่เจ้าเองก็รู้ว่าข้าเองก็ไม่ได้ร่ำรวย ครั้งนี้เรื่องเงินทองก็ให้แล้วไปก่อน”

“แต่ข้าจะรับปากเจ้าเรื่องหนึ่ง ถ้าหากเจ้ามีความต้องการอะไร หรืออยากจะทำอะไร หลังจากที่คิดดีแล้วก็สามารถบอกกับข้าได้ตลอดเวลา”

อวิ๋นหลิงนิ่งอึ้ง คิดไม่ถึงว่าพระเจ้าหลวงจะไม่เอ่ยถึงเรื่องการให้เซียวปี้เฉิงแต่งพระชายารอง เหมือนไม่รู้เรื่องของเวินหวยหยูเลยแม้แต่น้อย

“ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ”

พระเจ้าหลวงพูดขึ้นด้วยเสียงเกียจคร้านว่า “เจ้าไม่เชื่อข้าอย่างนั้นหรือ”

อวิ๋นหลิงเกิดความคิดขึ้นมาในใจ ในเมื่อพระเจ้าหลวงพูดออกมาเช่นนี้แล้ว แม้ว่านางจะเอ่ยถึงเรื่องหย่า จักรพรรดิจาวเหรินก็คงจะทำอะไรไม่ได้

กำลังจะเปิดปากพูด แต่เมื่อคำว่าหย่ามาถึงข้างริมฝีปาก กลับลังเลที่จะพูดออกไปโดยไม่รู้ตัว อวิ๋นหลิงได้สติกลับมา สายตามีแววเด็ดขาดวาบผ่าน

พระเจ้าหลวงสีหน้าเรียบเฉย มองไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไร “เจ้าคิดว่าการมอบนางหนูเวินให้กับเจ้าสามดีที่สุดแล้วหรือ”

จักรพรรดิจาวเหรินเม้มปาก เอ่ยเสียงขรึมว่า “ลูกก็แค่หวังดีกับเขา ผิงหยางอ๋องภักดีต่อราชสำนักทั้งตระกูลมีแต่ชื่อเสียงที่ดีงาม เวินหวยหยูในตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นผู้สูงศักดิ์ที่บริสุทธิ์ เบื้องหลังไม่มีใครหนุนใครชักใย แต่งงานกับเจ้าสามมีแต่ข้อดีไม่มีข้อเสีย”

“ยิ่งไปกว่านั้น รุ่นลูกก็ควรจะรีบมีทายาทสืบทอดได้แล้ว”

พูดถึงเรื่องนี้จักรพรรดิจาวเหรินก็รู้สึกกังวลใจ ตอนเขาอายุสิบเจ็ดปี ก็มีลูกชายสองคนแล้ว แต่รุ่นลูกจนถึงป่านนี้แม้แต่คนเดียวก็ยังไม่มี

เขาไม่เชื่อว่าพระเจ้าหลวงจะไม่ร้อนใจ

พระเจ้าหลวงทำเสียงขึ้นจมูกเบาๆ “ลูกหลานราชวงศ์ไม่ได้อยู่ที่เลี้ยงดูได้มากแค่ไหน แต่ต้องเลี้ยงดูได้ดี เจ้าดูลูกชายทั้งหลายของเจ้า ยกเว้นคนที่ยังกินนมอยู่ ในบรรดาที่เหลืออีกหกคน มีกี่คนที่สามารถนำออกมาให้คนอื่นชื่นชมได้บ้าง”

“ถ้าหากเจ้าเลี้ยงคนไร้ระเบียบอย่างเจ้าใหญ่สักสองสามคน ไม่ช้าแคว้นต้าโจวของข้าต้องจบสิ้นแน่”

นี่กำลังพูดถึงเรื่องที่รุ่ยอ๋องแต่งฉู่อวิ๋นหานเป็นอนุภรรยา ใบหน้าของจักรพรรดิจาวเหรินเป็นสีเขียวสลับแดง แต่ไม่กล้าตอบโต้

ใครใช้ให้ในบรรดาลูกชายทั้งหกคน บ้างก็โง่ บ้างก็พิการ ที่เหลือก็มีความสามารถธรรมดาเกินไป นอกจากเซียวปี้เฉิงแล้วก็ไม่มีใครมีความสามารถมากพอจะออกหน้าออกตาได้

“เสด็จพ่อ ลูก......”

“พอแล้วไม่ต้องพูดมากแล้ว ข้ารับปากจะให้รางวัลเสี่ยวหลิงเอ๋อร์แล้ว ไม่สามารถคืนคำได้ รอดูว่าอีกไม่กี่วันนางจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเถอะ”

พระเจ้าหลวงโบกมือเป็นสัญญาณให้เขาออกไป จักรพรรดิจาวเหรินได้แต่คำนับแล้วจากไปโดยดี

ออกมาจากตำหนัก เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นก่อนจะถามฝูกงกงว่า “นางไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องไม่ให้แต่งงานกับเวินหวยหยูหรือ”

“ทูลฝ่าบาท พระชายาจิ้งอ๋องไม่ได้พูดพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิจาวเหรินรู้สึกคาดไม่ถึงอยู่บ้าง จากนั้นสีหน้าก็รู้สึกประหลาดใจ รู้สึกน่าขันผสมปนเปกับความรู้สึกโมโห

หรือว่านางเด็กคนนั้นต้องการจะหย่าจริงๆ เขาไม่เชื่อ ว่านางจะบังอาจถึงเพียงนั้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ