จักรพรรดิจาวเหรินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สะกดกลั้นโทสะเอาไว้พูดอย่างเป็นห่วงว่า “พระเจ้าหลวงเป็นอะไร ข้าจะไปดู”
ฝูกงกงตัวสั่นชั่วครู่ แล้วจึงพูดด้วยเสียงระมัดระวังว่า “ฝ่าบาท พระเจ้าหลวงทรงกำชับมาเป็นพิเศษ ให้พระชายาจิ้งอ๋องไปคนเดียวก็พอ”
ได้ยินดังนั้น สีหน้าของจักรพรรดิจาวเหรินก็ค่อยๆเขียวคล้ำขึ้นมายิ่งไม่น่าดูเข้าไปใหญ่
รับรู้ได้ว่าพระเจ้าหลวงทรงให้คนมาช่วยอวิ๋นหลิงกู้สถานการณ์โดยเฉพาะ เขาได้แต่เม้มปากแน่น โบกมือไล่ราวกับไล่แมลงวัน
อวิ๋นหลิงย่อตัวคำนับอย่างขอไปที หมุนตัวเดินตามฝูกงกงออกไปจากพระที่นั่งบำรุงฤทัย อารมณ์ที่หนักอึ้งในใจไม่ได้ดีขึ้นเลยสักนิด
เพิ่งจะก้าวเข้าไปในตำหนักฉางหนิง ก็พบพระเจ้าหลวงทรงนั่งอยู่บนตั่งนุ่มด้วยท่าทีสบายอกสบายใจ ถือกล้องยาสูบสีทองกำลังพ่นควันออกมา
เขายื่นมือไปแคะจมูก แล้วก็ไปเกาที่เท้า เมื่อเห็นว่าอวิ๋นหลิงเข้ามาในตำหนักแล้ว ใช้เสียงลากยาวพูดคุยกับนาง
“ดูซิปากยื่นจนจะแขวนถังน้ำได้แล้ว รังเกียจข้าที่อายุมากแล้วข้อเสียเยอะ ทำให้เจ้าต้องยุ่งยากใช่หรือไม่”
อวิ๋นหลิงจัดการกับอารมณ์ของตนเอง ส่ายหน้าไปมา “อวิ๋นหลิงไม่กล้า ท่านปวดตรงไหน ปวดนานหรือยัง”
นางเดินเข้าไปจะช่วยพระเจ้าหลวงจับชีพจร พระเจ้าหลวงกลับยกกล้องยาสูบขึ้นมาชี้ไปยังทิศทางที่มีโต๊ะวางอยู่ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า
“งานเลี้ยงในวังวันนี้ ห้องเครื่องทำอาหารมาให้ข้ามากมายขนาดนี้ ข้าคนเดียวกินไม่หมด เจ้าดูซิว่าพวกเขาทำเรื่องบ้าบออะไรกัน”
คิ้วของพระเจ้าหลวงเลิกขึ้นสูง ด่าห้องเครื่องด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ไม่ว่าจะเป็นประโยคที่ว่า “ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย” “ไม่รู้คุณค่าของอาหาร” เป็นต้น
เขาด่ากราดเป็นชุด และใช้น้ำเสียงที่ไม่อนุญาตให้สงสัยสั่งการอวิ๋นหลิงว่า “ข้าเห็นของพวกนี้แล้วก็รู้สึกโมโหมาก โกรธจนหัวข้ารู้สึกปวด เจ้าเป็นคนที่กินเก่งกว่าหมูมาตลอด รีบจัดการให้เรียบร้อยซะ จะได้ไม่ต้องให้ข้าเห็นแล้วรู้สึกรำคาญใจ”
อวิ๋นหลิงเพิ่งจะสังเกตเห็น โต๊ะที่อยู่ข้างๆมีอาหารวางอยู่มากมาย กับข้าวสามอย่างน้ำแกงหนึ่งอย่าง มีทั้งเนื้อสัตว์และมังสวิรัติ กำลังส่งกลิ่นหอมไปทั่ว
นางลูบท้องตนเอง ทั้งๆที่ตอนอยู่ในงานเลี้ยงนั้นรู้สึกหิวมาก แต่เมื่อครู่ตอนที่เข้ามาในตำหนัก นางกลับไม่ได้กลิ่นหอมของอาหารเลย
อวิ๋นหลิงเข้าใจขึ้นมาทันที อาหารโต๊ะนี้เห็นได้ชัดว่าพระเจ้าหลวงทรงเตรียมไว้ให้นางโดยเฉพาะ
ในใจของนางรู้สึกตื้นตัน ยิ้มออกมาอย่างรู้สึกประทับใจ “ก็ยังเป็นท่านที่ดีกับข้า”
อวิ๋นหลิงไม่เกรงใจ ถอดผ้าคลุมใบหน้าโยนไปไว้ข้างๆ นั่งลงที่โต๊ะอาหารและกินอย่างเอร็ดอร่อย
การกินข้าวเป็นเรื่องสำคัญกว่าฮ่องเต้ ถูกผู้ชายแย่ๆทำให้กระทบความอยากอาหารยิ่งไม่คู่ควร
สายตาของพระเจ้าหลวงอ่อนโยนลง แต่ปากกลับทำเสียงไม่พอใจ “ยังรู้หรือว่าข้าดีกับเจ้า ข้ากลับวังมาตั้งนานแล้ว ยังไม่คิดจะมาเยี่ยมข้าบ้าง”
“อวิ๋นหลิงผิดไปแล้ว วันหลังจะเข้าวังมาเยี่ยมท่านบ่อยๆแน่”
เสียเวลาอยู่กับคนบางคนไปวันๆ ไม่สู้เข้าวังมาอยู่กับชายชราในวังให้สบายใจจะดีกว่า
พระเจ้าหลวงเลิกคิ้วสูง ไม่พูดจา เขารออวิ๋นหลิงกินอาหารจนอิ่มอย่างอดทน ก่อนจะวางกล้องยาสูบลง
“กินเสร็จแล้วหรือ ข้ามีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับเจ้า”
หัวใจของอวิ๋นหลิงหนักอึ้งลงเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดกับตัวเอง หรือว่าชายชราจะมาพูดกล่อมให้นางยอมรับเรื่องที่เซียวปี้เฉิงจะแต่งอนุภรรยา
ขณะที่กำลังใช้ความคิด พระเจ้าหลวงก็ทรงกระแอมไอขึ้นมา “เจ้ารักษาดวงตาของเจ้าสามจนหาย ยังไม่ได้ให้รางวัลเจ้าเลย แต่เจ้าเองก็รู้ว่าข้าเองก็ไม่ได้ร่ำรวย ครั้งนี้เรื่องเงินทองก็ให้แล้วไปก่อน”
“แต่ข้าจะรับปากเจ้าเรื่องหนึ่ง ถ้าหากเจ้ามีความต้องการอะไร หรืออยากจะทำอะไร หลังจากที่คิดดีแล้วก็สามารถบอกกับข้าได้ตลอดเวลา”
อวิ๋นหลิงนิ่งอึ้ง คิดไม่ถึงว่าพระเจ้าหลวงจะไม่เอ่ยถึงเรื่องการให้เซียวปี้เฉิงแต่งพระชายารอง เหมือนไม่รู้เรื่องของเวินหวยหยูเลยแม้แต่น้อย
“ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ได้อย่างนั้นหรือ”
พระเจ้าหลวงพูดขึ้นด้วยเสียงเกียจคร้านว่า “เจ้าไม่เชื่อข้าอย่างนั้นหรือ”
อวิ๋นหลิงเกิดความคิดขึ้นมาในใจ ในเมื่อพระเจ้าหลวงพูดออกมาเช่นนี้แล้ว แม้ว่านางจะเอ่ยถึงเรื่องหย่า จักรพรรดิจาวเหรินก็คงจะทำอะไรไม่ได้
กำลังจะเปิดปากพูด แต่เมื่อคำว่าหย่ามาถึงข้างริมฝีปาก กลับลังเลที่จะพูดออกไปโดยไม่รู้ตัว อวิ๋นหลิงได้สติกลับมา สายตามีแววเด็ดขาดวาบผ่าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...
ชอบมากเลยค่ะ นางเอกเก่ง❤...