เมื่อได้ยินเช่นนี้ เต้าหวู๋ซินก็มองเขาด้วยท่าทางอ่อนโยน
“เด็กเอ๋ย ข้าต้องบอกเจ้าก่อน ไม่ว่าเจ้าหรือแม่เจ้าสามารถทะลุมิติได้สำเร็จหรือไม่นั้นล้วนเป็นเหตุการณ์บังเอิญที่มีความเป็นไปได้น้อยมาก จักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล ความลับของกาลเวลาและอวกาศนั้นไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะควบคุมได้ง่ายๆ”
“แม่เจ้าโชคดียิ่งนักที่สามารถเดินออกจากรอยแยกแห่งมิติกาลเวลาอันบิดเบี้ยวได้โดยไม่ได้รับอันตราย แต่ผู้คนจำนวนมากต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ และหลงอยู่ในนั้นตลอดไปจนกว่าจะตาย”
“แม้ในขณะที่ข้าพเนจรอยู่ในห้วงกาลเวลา ก็แค่เดินอย่างไร้จุดหมายในรอยแยกแห่งมิติกาลเวลา ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือร่างกายของข้าตายไปแล้ว แต่จิตวิญญาณยังไม่มอดดับ ขอเพียงเดินต่อไปก็จะสามารถหลุดออกจากมันได้”
เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ไม่มีดวงดาวให้เห็น แม้ว่าจะมีพละกำลังมหาศาลเช่นนี้ แต่สีหน้ายังคงหวาดกลัวกับธรรมชาติและฟ้าดิน
ไม่มีใครสามารถควบคุมการข้ามกาลเวลาที่ตนเองจะเดินทางไปได้แน่นอน เขาเพียงสร้างเส้นทางไปกลับจากสถานที่ที่เขาเคยไปหยุดพักได้อย่างแม่นยำโดยทิ้งร่องรอยแห่งจิตวิญญาณของตนเองไว้
“ส่วนเหตุที่เจ้าสามารถทะลุมิติไปยังศตวรรษที่ 23 ได้ก็เป็นเพราะข้าเปิดอุโมงค์แห่งกาลเวลาไปถึงที่นั่นไว้ก่อนแล้ว หินอุกกาบาตในมือของเจ้าก็ถูกพลังดึงดูดไว้ จึงพาเจ้าเข้าไปในนั้น”
ฉีเทียนเหอฟังมาถึงตรงนี้อย่างเงียบๆ ในที่สุดก็เข้าใจความหมายในคำพูดของเต้าหวู๋ซิน
พวกเขาจัดเตรียมค่ายกลนี้ไว้ล่วงหน้ากว่าครึ่งปี บังเอิญไปมีบทบาทคุ้มกันการเดินทางผ่านกาลเวลาของเขา
ถ้าตอนนั้นไม่มีอุโมงค์นี้ เขาคงหลงอยู่ในนั้นจนตายไปแล้ว
เต้าหวู๋ซินพูดเสียงอ่อนโยน “ไหวเซิงเป็นสหายเก่าของข้า เขาเคยดูแลข้ามานาน เจ้าในฐานะลูกหลานของเขาจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ที่เขาสร้างขึ้นมาก็เป็นเรื่องปกติ”
“ข้าสามารถใช้พลังของตัวเองช่วยเจ้าเปิดทางได้ แต่เจ้ามีเพียงหินอุกกาบาตชิ้นเดียวเป็นดวงตาค่ายกล อุโมงค์ที่สร้างจะไม่มั่นคง มีความเสี่ยงจะพังทลายลงเมื่อใดก็ได้”
“เมื่อเกิดการพังทลาย หากโชคดี หินอุกกาบาตชิ้นนี้จะสูญหายไปท่ามกลางความปั่นป่วนของกาลเวลา หากโชคร้าย เจ้าจะออกมาไม่ได้อีกเลย”
“ข้าได้อธิบายให้เจ้ารู้อย่างละเอียดถึงสาเหตุและข้อเสียทั้งหมดแล้ว การตัดสินใจขั้นสุดท้ายขึ้นอยู่กับเจ้า”
ในเรื่องนี้ ท่าทีและแนวทางของเต้าหวู๋ซินนั้นยุติธรรมและเป็นกลางยิ่งนัก และไม่ได้เข้าข้างพวกอวิ๋นหลิง
ในฐานะคนพเนจรที่เคยสูญเสียบ้านเกิด เขาเข้าใจได้ว่าฉีเทียนเหอโหยหาบ้านเกิดและญาติพี่น้องเพียงใด
อย่างที่เขาพูดไว้ ฉีไหวเซิงเคยมีบุญคุณกับเขา ขอเพียงฉีเทียนเหอเอ่ยปาก เขาก็จะไม่ปฏิเสธ
ฉีเทียนเหอขมวดคิ้วแน่น นั่งคิดใคร่ครวญที่โต๊ะหินอยู่นานราวกับลังเลว่าจะตัดสินใจอย่างไรดี
พวกอวิ๋นหลิงก็ไม่ได้เร่งเร้า แต่อดทนรอคำตอบของเขา จนกระทั่งน้ำในถ้วยชาเย็นชืดไปแล้ว ฉีเทียนเหอก็คลายคิ้วและถอนหายใจยาว
“เฮ้อ เป็นคนไม่ควรโลภเกินไปจริงๆ ผมได้ทำตามคำสั่งเสียของแม่สมความปรารถนาแล้ว ควรรู้จักพอ”
“ผมคิดออกแล้ว แทนที่จะทำตามความฝันเล็กๆ ไม่สู้อยู่ที่นี่อย่างสงบสุข และอยู่กับคุณตาที่วัยไม้ใกล้ฝั่งอย่างมีความสุขจะดีกว่า...ถึงยังไงผมก็มีญาติอยู่ที่นี่ด้วย”
แม้ว่าเขาจะปวดหัวกับญาติกลุ่มใหญ่ที่อุ่นหนาฝาคั่งในตระกูลเฟิง แต่ในนั้นก็ยังมีคนที่ห่วงใยและใส่ใจเขาจริงๆ
ในยุคอนาคตอันไกลโพ้น แนวคิดเรื่องวงศ์ตระกูลของผู้คนเบาบางลงมาก มีคนจำนวนมากที่เสียชีวิตไปโดยไม่มีทายาท นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงความรักในครอบครัวมากถึงขนาดนี้
เมื่อนึกถึงท่านพ่อเฟิงที่ดูแลเขาเป็นอย่างดี ก้นบึ้งดวงตาของฉีเทียนเหอก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย
แม้ว่าจะไม่เคยเจอกันยี่สิบกว่าปี แต่ก็ยังเป็นน้าชายแท้ๆ ที่มีสายเลือดเดียวกันอย่างแท้จริง
เขาลองถามใจตัวเองดูก็พบว่าไม่อาจรับความเสี่ยงที่จะไม่เห็นหน้าพวกเขาได้อีกต่อไป
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉีเทียนเหอก็สูดหายใจเข้าลึกๆ สายตาเริ่มแน่วแน่



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...