“ก๊อกๆ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมกับเสียงของหลี่หยวนเส้า
“ฝูเอ๋อร์ เจ้าอยู่หรือไม่ ตอนนี้สะดวกให้ข้าเข้าไปหรือไม่”
ในบ้านของชาวบ้านทั่วไปไม่มีกฎระเบียบที่ว่าห้ามผู้ชายที่เป็นคนนอกเข้าไปในเรือนของหญิงสาว ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองยังเป็นคู่รักในสายตาคนภายนอก เมิ่งฝูเอ๋อร์ตอบรับทันที
“ข้าอยู่ ท่านเข้ามาเถอะ”
หลี่หยวนเส้าผลักประตูเข้าไป กลับพบเมิ่งฝูเอ๋อร์นั่งอยู่ข้างโต๊ะไม้เก่าๆ บนโต๊ะมีกระดาษและหมึกวางอยู่
บนเก้าอี้เตี้ยที่อยู่ข้างๆ ยังมีกระดาษสองสามใบที่เขียนตัวอักษรเอาไว้ รอยหมึกใหม่มาก เพิ่งจะแห้งสนิท
“วันนี้เป็นวันเสาร์ ทำไมเจ้าไม่พักผ่อน ตื่นมาฝึกเขียนตัวอักษรตั้งแต่เช้าเลยหรือ”
เมิ่งฝูเอ๋อร์สีหน้าแดงระเรื่อขึ้นแลบลิ้นและพูดว่า “ก็อยากจะฝึกฝนสักหน่อย มิเช่นนั้นภายหน้าจะเขียนให้คนอื่นดูได้อย่างไร แม้ว่าตอนที่พวกเราอยู่ในสำนักศึกษาจะมีเวลาในการเขียนโดยใช้ดินสอ แต่ก็ไม่สามารถจะทิ้งการเขียนพู่กันไปได้”
“กระดาษและหมึกล้ำค่า ตอนเด็กๆที่บ้านไม่กล้าซื้อใช้ก็แล้วไปเถอะ ตอนนี้กลับมีสำนักศึกษาให้ใช้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โอกาสเช่นนี้หากไม่รักษาเอาไว้ให้ดี คงเป็นการทำให้ความตั้งใจของเหล่าอาจารย์สูญเปล่าไปจริงๆ”
ที่นางพูดเป็นเพียงหนึ่งในเหตุผลทั้งหมดเท่านั้น ที่สำคัญที่สุดคือได้รับผลกระทบจากหลี่หยวนเส้า
เมิ่งฝูเอ๋อร์เป็นลูกสาวชาวนา ในชีวิตประจำวันจะขยันขันแข็งมาก งานเย็บปักถักร้อยก็ทำได้ดี แต่ในด้านการเรียนนั้น ไม่ค่อยจะตั้งใจสักเท่าไหร่
นี่ก็ได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมเป็นหลัก ท่านปู่เมิ่งสอนหลานสาวให้รู้หนังสือเพื่อให้นางรู้เหตุรู้ผล แต่ความคิดโดยรวมแล้วยังคงคิดว่าเด็กผู้หญิงอย่างไรเสียก็ต้องแต่งงานออกเรือนสักวัน ไม่จำเป็นต้องตั้งใจร่ำเรียนอะไรมากมาย
ไม่ใช่คุณหนูจากตระกูลผู้ลากมากดี ที่จำเป็นต้องร่ำเรียนศิลปะวิชาทุกแขนงให้ปรุโปร่ง สามารถอ่านออกเขียนได้ คิดบัญชีได้ถูกต้อง ก็ถือว่าดีมากแล้ว
ภายใต้การถูกปลูกฝังด้วยแนวคิดเช่นนี้ สามารถพูดได้ว่าเมิ่งฝูเอ๋อร์”เสียเวลา”อยู่ในสำนักศึกษาชิงอี้หนึ่งปี ส่วนแผนการหลังจากจบการศึกษา สาวน้อยยังคงรู้สึกสับสน และไม่เคยคิดอย่างจริงจัง
กระทั่งได้รู้จักกับหลี่หยวนเส้า มีการเปลี่ยนแปลงภายใต้สถานการณ์เช่นนี้
นางกับหลี่เมิ่งชูเป็นเพื่อนร่วมหอพัก หลี่หยวนเส้าจะไปหาน้องสาวในบางครั้ง ระหว่างสองพี่น้องมักจะปรึกษาหารือกัน
เมิ่งฝูเอ๋อร์ฟังอยู่ข้างๆนานวันข้า ก็พบว่าสองพี่น้องคู่นี้ล้วนเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเอง วางแผนทุกย่างก้าวในตอนนี้และในอนาคตไว้อย่างละเอียด เป้าหมายชัดเจน
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว นางนอกจากกินและเล่นแล้ว แทบจะไม่รู้เลยว่าตนเองควรจะทำอะไร
พระชายารัชทายาทมักจะบอกว่าเหล่าลูกศิษย์หญิงที่จบการศึกษาจากสำนักศึกษาชิงอี้ ภายหน้าก็สามารถสอบเข้าราชสำนักเพื่อเป็นขุนนางได้ เมิ่งฝูเอ๋อร์ไม่แม้แต่จะกล้าคิดเรื่องนี้ นางรู้สึกว่าตนเองสามารถสอบผ่านการทดสอบจบการศึกษาได้อย่างราบรื่นก็บุญโขแล้ว
อาศัยความรู้ที่ได้รับมาจากสำนักศึกษาชิงอี้ ภายหน้าสามารถไปเป็นคนทำบัญชีในร้านค้าของคนอื่นได้ หาเลี้ยงตนเองไม่ใช่ปัญหา
หลังจากที่ถูกสองพี่น้องหลี่หยวนเส้ากระตุ้น นางก็ได้รับผลกระทบจนต้องคิดมากขึ้นหลายส่วน รู้สึกว่าภายหน้าทำงานเป็นอาจารย์หญิงที่สอนหนังสือก็ดีมาก
มองย้อนกลับไปที่หลี่หยวนเส้า มีความขยันหมั่นเพียรมากกว่าเหล่าลูกศิษย์ที่มาจากครอบครัวยากจนเสียอีก ไม่เคยเห็นเขาละโมบอยากจะเสพสุขเลย
ทั้งสองแตกต่างกันมากมายหลายด้านเช่นนี้ เมิ่งฝูเอ๋อร์รู้สึกว่าในความสัมพันธ์นี้กับหลี่หยวนเส้า แม้จะเป็นการเล่นละครให้คนภายนอกดู ก็มีความรู้สึกเหมือนถูกมองว่าเป็นคางคกอยากกินเนื้อหงส์
แน่นอนว่า นางก็คือคางคกตัวนั้น
หลี่หยวนเส้าหยิบกระดาษเหล่านั้นขึ้นมาดู พยักหน้าเอ่ยชมว่า “ตัวอักษรบรรจงเล็กที่เจ้าเขียนเป็นรูปเป็นร่างแล้ว เมื่อเทียบกับครึ่งปีที่แล้ว จะบอกว่าพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วก็ไม่เกินไป เห็นถึงความตั้งใจและพากเพียรของเขา”
เมิ่งฝูเอ๋อร์ถูกชมจนใบหน้ายิ่งแดงก่ำมากขึ้น แต่ใบหน้ากลับอดไม่ได้ที่จะยิ้มหวานออกมา ในดวงตามีแววสั่นระริกอย่างซ่อนเอาไว้ไม่อยู่
“ข้าไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่ท่านพูดเสียหน่อย ล้วนได้รับการสั่งสอนจากอาจารย์จวง”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...