ชั่วขณะนั้นเสวียนจีไม่รู้ว่าควรร้องไห้หรือหัวเราะดี
ท่านป้าเฟิ่งกลับเป็นฝ่ายกุมมือนางเอาไว้อย่างสนิทสนม “ใช่แล้ว ดังนั้นวาสนาของนางหนูกับตระกูลเฟิ่งเราเป็นชะตาที่ฟ้ากำหนดมาแล้ว”
อาศัยการเคลื่อนไหวนี้ นางได้จับชีพจรของเสวียนจีไปในตัว มั่นใจว่าชีพจรของนางแข็งแรงมั่นคงดี ก็รู้สึกวางใจลง
“เจ้าหิวหรือไม่ รีบลุกขึ้นไปกินข้าวเถอะ พวกเราสองคนจะได้พูดคุยตามประสาผู้หญิง”
เสวียนจีเห็นท่านป้าเฟิ่งมีท่ามีชอบตนเองจากใจจริง ความรู้สึกกระดากอายและตื่นเต้นก็ค่อยๆหายไป พยักหน้าอย่างเขินอาย
ไม่ได้กินข้าวมาตั้งแต่เช้า ท้องของนางร้องหิวตั้งนานแล้ว
เพิ่งจะกินซาลาเปารองท้องไปสองลูก อาหารที่สั่งมาจากร้านอาหารก็มาถึงแล้ว
ทั้งสี่คนนั่งล้อมโต๊ะสี่เหลี่ยมเพื่อทานอาหาร บรรยากาศอบอุ่นมาก ไม่ช้าเสวียนจีก็ทำตัวผ่อนคลายลง พูดคุยกับท่านป้าเฟิ่งอย่างสนุกสนานขึ้นมา
อย่างน้อยเมื่อก่อนก็เคยเป็น”เพื่อนร่วมรบชั่วคราว” นิสัยของหนึ่งผู้อาวุโสหนึ่งเด็กสาวเข้ากันอย่างไม่ต้องแปลกใจ นั่งพูดคุยกันอยู่ที่โถงด้านหน้าตลอดทั้งบ่าย แม้แต่สองพ่อลูกเฟิ่งเหมียนก็พูดแทรกไม่ได้เลย
“เจ้าอย่าดูว่าเหมียนเอ๋อร์ที่มีภาพลักษณ์หนักแน่นเป็นผู้ใหญ่ แท้ที่จริงแล้วตอนเขายังเด็กก็เป็นคนดื้อมาก เรื่องซุกซนที่ก่อขึ้นมาใครก็คิดไม่ถึงเลยทีเดียว”
ตอนนี้ ท่านป้าเฟิ่งกำลังพูดถึงวีรกรรมตอนเด็กของเฟิ่งเหมียนไม่หยุด
เสวียนจีหูผึ่งขึ้นมาทันที ถามอย่างอยากรู้มากว่า “จริงหรือ ดื้ออย่างไร”
นางได้ยินเรื่องตอนเด็กของเฟิ่งเหมียนน้อยมาก ทุกครั้งที่เอ่ยถึง อีกฝ่ายจะบอกว่าก่อนอายุสิบหกปีเขาอยู่แต่ในวัดไท่ชิง วันเวลาที่ต้องบำเพ็ญเพียรนั้นน่าเบื่อมาก ไม่มีอะไรน่าพูดถึง
พูดถึงเรื่องสมัยเด็กของเฟิ่งเหมียน ท่านป้าเฟิ่งพูดคล่องราวกับนับสมบัติในบ้านจริงๆ
“ตอนที่เหมียนเอ๋อร์เกิด หวู๋ซินไต้ซือเคยมอบยันต์ป้องกันตัวให้เขาหนึ่งชิ้น กำชับพวกข้าว่าต้องให้เหมียนเอ๋อร์พกติดตัวและอาศัยอยู่ในวัดไท่ชิง กระทั่งอายุสิบหกปีจึงจะสามารถลงจากเขาได้ มิเช่นนั้นจะถูกสิ่งชั่วร้ายรบกวน”
“ดังนั้น เหมียนเอ๋อร์จึงอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับโลกใต้ภูเขาตั้งแต่เด็ก เพื่อหลบเลี่ยงสายตาของพวกเราและแอบลงไปจากเขา ทำเรื่องโง่ๆเอาไว้ไม่น้อยทีเดียว ทุกครั้งที่ถูกพวกเราและอาจารย์ลุงอาจารย์อาของเขาจับได้ ก็จะถูกลงโทษด้วยการตีทุกครั้ง”
เฟิ่งเหมียนมีบุคลิกนิ่งเงียบเป็นผู้ใหญ่มาตั้งแต่เด็ก ไม่ค่อยพูดจา แต่ในใจกลับมีความคิดเป็นของตัวเอง
อย่าดูว่าภายนอกเขาเป็นคนรู้ความ เรื่องที่ไม่ให้เขาทำ กลับสามารถคิดหาวิธีจนบรรลุเป้าหมายได้
แต่ว่าตระกูลเฟิ่งก็มีผู้สืบทอดตระกูลเพียงคนเดียว ดังนั้นผู้บำเพ็ญทั้งหมดในสถานที่ปฏิบัติธรรมต่างก็ให้ความสำคัญกับเขามาก
และในปีที่เฟิ่งเหมียนอายุเจ็ดขวบ ได้พบเห็นเรื่องการลักพาตัวในวัดไท่ชิงโดยบังเอิญ
เรื่องราวคร่าวๆคือการแก่งแย่งชิงดีของหลังบ้านตระกูลผู้ดีตระกูลหนึ่ง มีคนจ้างโจรลักพาตัว แสร้งทำเป็นคนส่งของ ฉวยโอกาสที่นายหญิงของบ้านนั้นพาลูกไปไหว้พระที่วัดไท่ชิง อาศัยจังหวะที่ไม่ทันระวังลักพาตัวคุณชายน้อยไป แอบซ่อนเอาไว้ในกล่องสินค้า
แม้ว่าเฟิ่งเหมียนอายุยังน้อย ความฉลาดและความช่างสำรวจนั้นกลับเกินเด็กในวัยเดียวกัน สังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลของโจรลักพาตัวตั้งแต่แรก ไม่เหมือนคนที่มาส่งอาหารและเสบียงของวัดไท่ชิงที่ผ่านมา
ดังนั้นเขาจึงมองคุณชายน้อยคนนั้นที่ถูกลักพาตัวและอุดปาก ซ่อนเอาไว้ในกล่องไม้ด้วยท่าทีสงบ
หลังจากนั้นก็หาผู้ใหญ่ให้ดึงความสนใจของคนส่งของตัวปลอมออกไป ก่อนจะช่วยคุณชายน้อยออกมาจากกล่องไม้
เขาไม่ให้คุณชายน้อยไปฟ้องแม่ ได้แต่ให้อีกฝ่ายซ่อนตัวอย่าทำอะไรบุ่มบ่าม หลังจากนั้นตนเองก็ฉวยโอกาสมุดเข้าไปในกล่องไม้
“เช่นนี้เอง เหมียนเอ๋อร์คิดแผนการดังที่ใจปรารถนา อยากจะยืมมือของโจรลักพาตัวแอบหนีลงไปจากเขา คิดไม่ถึงว่ากล่องไม้เพิ่งจะถูกยกลงไปถึงตีนเขา กลุ่มโจรลักพาตัวก็ถูกทหารของทางการจับกุมเอาไว้ได้”
ที่แท้สาวใช้ของตระกูลนั้นได้รับรู้แผนการร้ายของคนชั่วโดยไม่ตั้งใจ จึงได้แจ้งทางการทันที

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...