วันนี้เป็นวันเปิดร้านของ “โรงยาเจ้าหนึ่ง”
ตามแผนที่วางไว้ อวิ๋นหลิงตั้งใจจะแต่งกายอย่างประณีตบรรจง อวดโฉมดวงพักตร์ที่หน้าโรงยาโดยเฉพาะ ป่าวประกาศให้ทุกคนในที่นี้เข้าใจว่า “น้ำเซียนสวรรค์” รักษาใบหน้าของนางได้ ซึ่งจะทำให้โรงยามีชื่อเสียงดังเป็นพลุแตกในทันใด
ถึงแม้การทำเช่นนี้จะชวนให้นึกสงสัยว่าเป็นโฆษณาชวนเชื่อจอมปลอม แต่ราชวงศ์ต้าโจวไม่มีให้โทรแจ้งรายงานและร้องเรียนไปยังสำนักอุตสาหกรรมและพาณิชย์ ด้วยเหตุนี้อวิ๋นหลิงจึงไม่ต้องกลัวว่าจะแฝงเจตนาชั่วร้ายอันใด
หาเงินน่ะไม่ใช่เรื่องน่าอาย
ตงชิงรู้สึกงุนงงอยู่บ้าง “หากผู้อื่นใช้แล้วเกิดไม่ได้ผลอย่างที่ว่านี้ จะไม่ถือเป็นการทำลายชื่อเสียงร้านตนเองหรอกหรือ”
อวิ๋นหลิงกล่าวเรียบเฉยว่า “ข้าจะแจ้งให้ทราบกระจ่างชัดล่วงหน้า ว่ายาสมุนไพรจะให้ผลแตกต่างกันไปในแต่ละคน โปรดใช้วิจารณญาณในการซื้อ”
ที่สำคัญ “น้ำเซียนสวรรค์” นี้เป็นโอสถที่รักษาได้ผลชะงัดมหัศจรรย์ยิ่งนัก ช่วยขจัดทั้งรอยกระจางๆ และลบรอยแผลเป็นธรรมดาให้ขาวกระจ่างใสโดยไม่ต้องกังวลใดๆ
ราคาขายขวดละห้าร้อยตำลึง ถูกกว่าโสมหิมะน้ำค้างหยกแท้หลายเท่านัก ผู้ที่ตกหลุมพรางก็ล้วนเป็นคนรวยล่ำซำที่ชั่วร้ายเหล่านั้น จะขายเอาเปรียบชาวบ้านคนธรรมดาสามัญไม่ได้
ตรงกันข้าม โอสถรักษาแผลที่ใช้กันทั่วไปเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่อวิ๋นหลิงได้ทุ่มเทจิตใจปรับปรุงพัฒนา ไม่เพียงยามีสรรพคุณทั้งดีและเร็วขึ้นเท่านั้น แต่นางยังตั้งราคาต่ำเป็นพิเศษ ทั้งหมดนี้เพื่อช่วยดูแลบรรดาชาวบ้านทั่วไปด้วย
หากกล่าวอีกนัยหนึ่งก็เป็นการ “ปล้นคนรวยช่วยเหลือคนจน” อีกแบบหนึ่ง
เซียวปี้เฉิงเอ่ยอย่างอาลัยอาวรณ์ “ค่ายทหารยุ่งมาก วันนี้ข้าปลีกตัวไปกับเจ้าไม่ได้”
สองสามวันมานี้เขางานยุ่งมากจนถึงพลบค่ำ เดิมอยากจะขอลางานเพื่อไปเป็นเพื่อนอวิ๋นหลิงที่โรงหมอ แต่ใครจะรู้ว่าจักรพรรดิจาวเหรินทรงไม่ประทานอนุญาต
เซียวปี้เฉิงรู้ดีแก่ใจ ว่าเสด็จพ่อทรงจดจำฝังแค้นอยู่ในพระทัย ช่างใจแคบนัก
“ก็มิใช่เรื่องใหญ่อะไร ข้าทำคนเดียวได้ ท่านรีบไปเถิด”
เซียวปี้เฉิงพยักหน้า ฉวยจังหวะที่ตงชิงไปตักน้ำล้างหน้า จุมพิตดวงหน้าของอวิ๋นหลิงอย่างรวดเร็ว แล้วเดินออกไปอย่างไม่ใคร่เต็มใจ
“คืนนี้ข้าจะกลับมาให้เร็วหน่อย รอกินข้าวเย็นกับข้านะ”
“ตอนออกไปข้างนอกก็บอกสารถีให้ขับรถม้าช้าลงหน่อย อย่าให้กระเทือนร่างกาย”
“ข้างนอกแดดร้อนจัด พยายามไปกลับให้เร็วสักหน่อย”
เขาเดินอ้อยอิ่งหันมามองด้วยความห่วงหา ทว่าอวิ๋นหลิงกลับกำลังง่วนจดจ่ออยู่กับ “เครื่องประทินโฉมบริสุทธิ์จากธรรมชาติไร้อันตราย” ที่นางตระเตรียมมาโดยเฉพาะ ก่อนโบกมือไล่เขาไปอย่างหงุดหงิดราวกับกำลังไล่แมลงวัน
“รู้แล้ว รู้แล้ว ช่างจู้จี้เสียจริง ยังไม่รีบไปอีก!”
ไหนบอกกันว่าบุรุษผู้นี้เป็นคนขรึมพูดน้อยมิใช่หรือ ไยแต่ก่อนนางจึงไม่รู้สึกว่าเซียวปี้เฉิงมีแววเป็นยายแก่ขี้บ่น
เซียวปี้เฉิง “...”
เขาเบ้ปาก ในใจรู้สึกโกรธ วิตกกังวล และน้อยใจเล็กน้อย ตกลงแล้วอวิ๋นหลิงชอบเขาจริงหรือไม่
“เช่นนั้นข้าไปแล้วนะ”
สายไปนิดหนึ่ง เซียวปี้เฉิงจึงเดินอย่างเร่งรีบ พอไปได้ครึ่งทางก็นึกขึ้นได้ว่าลืมของบางอย่างไว้ ก่อนจะรีบกระวีกระวาดเดินกลับมา
ทันทีที่รีบกลับไปถึงหน้าประตูจวน เขาเห็นรถม้าคันงามหรูจอดอยู่นอกประตูใหญ่ ห้อมล้อมด้วยองครักษ์สองขบวนที่สีหน้าเคร่งขรึม
หลู่ฉีรีบร้อนรายงาน “ท่านอ๋อง นี่คือรถม้าของหวงกุ้ยเฟยพ่ะย่ะค่ะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...
ชอบมากเลยค่ะ นางเอกเก่ง❤...