พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 145

สือจิ่วเงียบ แล้วกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “พระชายา...สือจิ่ว...ขอตัว...ไปทำงาน...ก่อนนะ...ขอรับ...”

เมื่อเห็นว่าเขาไม่ต้องการที่จะพูดอะไรไปมากกว่านี้ อวิ๋นหลิงเองก็ไม่ได้บังคับเขา “เช่นนั้นข้าจะนำขนมกับของเล่นกลับมาฝากเจ้าก็แล้วกันนะ”

อายุสิบห้าปียังถือว่าเป็นเด็ก อวิ๋นหลิงจึงรู้สึกเห็นอกเห็นใจเล็กน้อยต่อประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขา

“ขอบ...พระคุณ...พระชายา...มากขอรับ...”

ดวงตาของสือจิ่วชื้นขึ้นเล็กน้อย พระชายาจิ่งอ๋องปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดี จึงทำให้เขาคิดถึงพี่สาว

พี่สาวของเขาเองก็สวยมากเช่นกัน แต่นางไม่ใช่คนปกติทั่วไปตั้งแต่ยังเด็ก เป็นหญิงสาวสติฟั่นเฟือนที่รู้จักกันดีในแคว้นตงฉู่

หากจำไม่ผิด วันนี้เป็นวันที่พี่สาวของเขาจะต้องแต่งงานกับรัชทายาทของแคว้นตงฉู่เป็นพระชายารอง เมื่อคิดถึงที่ว่า ในจวนกั๋วกงที่เต็มไปด้วยเสือสิงห์กระทิงแรด เหลือเพียงพี่สาวของเขาเพียงคนเดียว สือจิ่วจึงรู้สึกร้อนรุ่มใจอย่างมาก

แต่เขากลับไม่สามารถกลับไปได้ การมีอยู่ของเขาถูกลบล้างโดยคนเหล่านั้นไปหมดแล้ว เขาในตอนนี้เป็นเพียงทาสสือจิ่วเท่านั้น

สือจิ่วมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง ดอกไม้ไฟที่งดงามก็ระเบิดขึ้นบนท้องฟ้ายามค่ำคืนของงานโคมไฟในเทศกาลวันแห่งความรัก

ไม่มีใครสังเกตเห็นว่า ในท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดอกไม้ไฟนี้ ดาวบนท้องฟ้าสีแดงดวงสุดท้ายก็ตกลงมาอย่างเงียบๆ

......

บนถนนจูเชี่ย แสงไฟสลัว ผู้คนสัญจรไปมา

ภายใต้คำสั่งของฮองเฮาเฟิง องค์หญิงหกจึงได้เชิญเวินหวยหยูออกไปเที่ยว หายากที่นางจะได้ออกไปเล่นข้างนอกวังอย่างอิสระเช่นนี้ นางจึงมองซ้ายมองขวาอย่างตื่นเต้น

“หวยหยู เจ้ารีบมาเร็วเข้า!”

เบื้องหลังขององค์หญิงองค์หก เด็กสาวผู้เคร่งขรึมในชุดสีน้ำเงินทะเลสาบเผยรอยยิ้มที่บริสุทธิ์ออกมา

“หวนเอ๋อร์อายุยังน้อยจึงเดินไม่เร็วนัก พวกเรารอนางก่อนเถอะ”

เวินหวยหยูพาสาวใช้หน้ากลมที่ดูมีอายุประมาณสิบสองหรือสิบสามปีมาด้วย นางเป็นคนที่เวินหวยหยูพากลับมาที่เมืองหลวงด้วย

องค์หญิงหกกระตุกริมฝีปาก โดยรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยที่องค์หญิงผู้สง่างามต้องมาคอยรอสาวใช้ต่ำต้อยผู้นี้

ทว่าคำกล่าวเตือนของเสด็จแม่และญาติผู้พี่เฟิงจิ่งเฉิงก็ดังขึ้นมาข้างหูของนาง นางจึงทำได้เพียงคล้อยตามเวินหวยหยูอย่างอดทน

“เช่นนั้นเราเดินไปที่โรงเตี๊ยมว่างกุยกันเถอะ เดินไปดูไป พอถึงแล้วค่อยพักผ่อน หาอะไรกิน!”

ญาติผู้พี่จิ่งเฉินกล่าวแล้วว่า จะต้องพานางเดินไปตามเส้นทางนี้ และพาเวินหวยหยูจวิ้นจู่ไปที่โรงเตี๊ยมว่างกุยให้ได้

องค์หญิงหกเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก นางคิดแค่ว่า ญาติผู้พี่ชอบเวินหวยหยู จึงอยากช่วยสร้างโอกาสให้พวกเขาได้พบกัน

เวินหวยหยูตอบด้วยรอยยิ้มเบาๆ “ได้สิ”

นางถือของกระจุกกระจิกพลางเดินอย่างช้าๆ ในขณะที่มองอย่างอยากรู้อยากเห็นบนถนนสายยาวของงานโคมไฟในเทศกาลวันแห่งความรัก

ผู้คนสัญจรไปมา แสงไฟนับพันดวงส่องแสงสลัว พ่อค้าแม่ค้าต่างขายโคมไฟสวยๆ ชาดทาแก้มสีแดง อีกทั้งยังมีหน้ากาก

ประเพณีของซีโจวค่อนข้างเปิดกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันงานโคมไฟในเทศกาลวันแห่งความรัก

ตราบใดที่พวกเขาสวมหน้ากาก ชายผู้หญิงที่เป็นคู่รักกันจะสามารถเดินจับมือกันบนถนนได้ หรือแม้แต่กอดกัน

หวนเอ๋อร์มองไปที่นางอย่างคาดหวัง “จวิ้นจู่ เราไปซื้อหน้ากากมาใส่เล่นกันดีหรือไม่เจ้าคะ?”

“พวกเราไม่มีคนรักเสียหน่อย จะสวมหน้ากากไปทำไม” เวินหวยหยูมองดูเสียงหัวเราะจากผู้คนรอบตัวด้วยสายตาอิจฉาเล็กน้อย

แม้จะบอกแบบนั้น แต่นางก็ยังซื้อหน้ากากเสือน่ารักๆ ให้หวนเอ๋อร์

องค์หญิงหกอารมณ์ดี ทนกับการเดินอย่างช้าๆ ของพวกนางไม่ไหว จึงอดไม่ได้ที่จะพาสาวใช้เดินนำหน้าไป เพื่อดูของเล่นแปลกใหม่บนแผงลอย

เสียงดังระเบิดขึ้นข้างหู ดอกไม้ไฟอันงดงามก็พวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ผู้คนบนถนนต่างหยุดมองออกไปบนท้องฟ้าไกล

การจุดดอกไม้ไฟในทุกเทศกาล เป็นประเพณีของแคว้นต้าโจว

นี่เป็นครั้งแรกที่เวินหวยหยูเห็นภาพเช่นนี้ในเมืองหลวง จึงอดไม่ได้ที่จะหยุดดิน และมองออกไปอย่างตกตะลึงเล็กน้อย

ผู้คนต่างขวักไขว่ไปมา เมื่อนางกลับมารู้สึกตัว จึงพบว่านางนั้นคลาดกันกับองค์หญิงและกับหวนเอ๋อร์ไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้

“หวนเอ๋อร์ หวนเอ๋อร์!”

นางรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา ตะโกนเสียงดัง แต่กลับไม่มีใครตอบกลับมา

ในระยะไกล ใช้เวลานานกว่าที่องค์หญิงหกจะกลับมารู้สึกตัว เมื่อนางพบว่า ตนเองและเวินหวยหยูคลาดกัน สีหน้าจึงเปลี่ยนไปอย่างมากทันที

“แย่แล้ว! เสด็จแม่กับญาติผู้พี่จะต้องสั่งลงโทษข้าแน่ๆ!”

เสด็จแม่ทรงรับสั่งเป็นพันครั้งว่า นางจะต้องให้เวินหวยหยูและเฟิงจิ่งเฉิงพบกันให้ได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ