“ไฟ...”
รุ่ยอ๋องตกใจหน้าถอดสี ไม่มีเวลาทะเลาะกับอวิ๋นหลิง สะบัดแขนเสื้อแล้วกระโดดโลดเต้นขึ้นมา
“สมหน้าหน้า”
อวิ๋นหลิงมองเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไม่มีทีท่าจะเข้าไปช่วยสักนิด คิดในใจว่าเผาให้คนโง่ให้ตายไปเลยจะดีกว่า
เซียวปี้เฉิงก็สะดุ้งตกใจ รีบมองสำรวจรอบทิศ จากนั้นก็เอากะละมังที่อวิ๋นหลิงล้างมือเมื่อครู่มาราดใส่หัวของรุ่ยอ๋อง
รุ่ยอ๋องตัวเปียกแฉะไปหมด ร่างกายอดกระตุกไม่ได้ ถึงไฟจะดับแล้ว ทว่าปลายเสื้อกลับเป็นหลุมหลายจุด ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบสีต่างๆ
อวิ๋นหลิงรู้สึกหงุดหงิด ทำหน้าบึ้งตึง “เจอท่านทีไรข้าก็ซวยทุกที ดูสิพื้นข้าเปื้อนหมดแล้ว”
“เจ้า...”
รุ่ยอ๋องตกอยู่ในสภาพอนาถยิ่งนัก เช็ดน้ำบนหน้า สีหน้าเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด คล้ายจะพูดอะไรต่อ ทว่ากลับถูกเซียวปี้เฉิงลากตัวออกไป
“พี่ใหญ่ ท่านทำให้ลูกๆข้าตกใจแล้ว รีบกลับไปเปลี่ยนเสื้อที่จวนเถิด อย่าให้เป็นหวัดได้ มีอะไรไว้คุยกันตามลำพังทีหลัง”
กล่าวจบก็ไม่รอให้รุ่ยอ๋องตอบสนองทัน ไล่เขาออกจากห้องด้วยความเหลืออด
หากมาครั้งต่อไปจะสั่งให้ลู่ฉีขวางทางเขาหน้าประตูจะดีที่สุด
รุ่ยอ๋องยืนท่ามกลางสายลมที่ลานเรือน เมื่อลมพัดผ่านมาก็ทำให้เขาหนาวจนหนังไก่ขึ้น ปากก็หนาวสั่นจนฟันกระแทกกัน
รุ่ยอ๋องรู้ว่าอยู่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ จะทำให้เขาโดนหยามเหยียดเปล่าๆ เขาจึงขบฟันแล้วจากไป
ด้านในห้อง อวิ๋นหลิงกล่อมต้าเป่าด้วยสีหน้าเจ็บปวด “ลูกน้อยของแม่ ขอร้องละอย่าร้องไห้อีกเลย หูแม่จะหนวกอยู่แล้ว”
ต้าเป่าที่โก่งคอร้องไห้เสียงดังก็ค่อยๆหยุด เอ้อร์ป่าที่นอนอยู่ในเตียงไม้ราวกับสัมผัสได้ก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา
อวิ๋นหลิงสัมผัสถึงความเคลื่อนไหวของพลังจิตอีกครั้ง
วินาทีต่อมาก็ได้ยินเสียงรุ่ยอ๋องร้องโหยหวนที่ลานจวนอีกครั้ง
“อ๊าก”
ลู่ฉีที่อยู่แถวนั้นตกใจรีบโยนไม้กวาดทิ้ง ก่อนจะไปประคองรุ่ยอ๋องที่ล้มก้นคะมำด้วยความลุกลน
“รุ่ยอ๋อง เวลาเดินทำไมไม่ดูทางเลยพ่ะย่ะค่ะ”
รุ่ยอ๋องลุกขึ้นอย่างหมดสภาพ ใบหน้าดำแดงผสานกัน เมื่อประกอบกับคราบสีบนหน้าแล้ว เขาเหมือนจานผสมสียิ่ง
“เจ้าสาดน้ำใส่พื้นทำไม พื้นกลายเป็นน้ำแข็งหมดแล้ว”
ลู่ฉีกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม “ห้ะ? ข้าน้อยไม่ได้สาดน้ำใส่สักหน่อย”
ช่วงนี้ทำไมพื้นที่ลานเรือนมักจะเกาะตัวเป็นน้ำแข็งน่ะ ตอนเขากวาดพื้น เขาก็ดูดีๆแล้ว
“ช่างเถอะ ช่างเถอะ... ดวงข้ากับจวนจิ้งอ๋องคงไม่ถูกกัน วันนี้หน้ามืดถึงมาที่นี่ได้”
รุ่ยอ๋องทนความเจ็บปวดแล้วนวดเอวของตัวเอง เดินกะเผลกออกไป
เมื่อมีการเคลื่อนไหวพลังจิตครั้งนี้สอง เซียวปี้เฉิงก็สัมผัสได้เช่นกัน วันที่ลูกๆเกิดมีพลังจิตจู่โจมเขา เซียวปี้เฉิงจึงจำพลังจิตนั้นได้ดี
“พี่ใหญ่เขา...ฝีมือของลูกสองคนนี้ใช่ไหม?”
อวิ๋นหลิงพยักหน้า มองต้าเป่ากับเอ้อร์เป่าด้วยแววตาตะลึง “พวกเขาเพิ่งเกิดได้สิบกว่าวัน แต่พลังจิตก็แกร่งเพียงนี้แล้ว”
นางมั่นใจว่าสะเก็ดไฟที่ลุกขึ้นกะทันหันกับพื้นที่เกาะตัวเป็นน้ำแข็ง คือผลงานเอกของลูกๆ
นางรู้สึกตกใจอย่างยิ่งยวด ลำพังการตอบสนองโดยธรรมชาติของลูกทั้งสองคน ก็สามารถควบคุมพลังจิตแล้วส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมรอบกายได้แล้ว หากพวกเขาโตไปจะมีพลังที่แข็งแกร่งขนาดไหนกัน?
เซียวปี้เฉิงได้สติก็ขมวดคิ้วแน่นเป็นปม “ตอนนี้เหมือนพวกเขายังควบคุมพลังของตัวเองไม่ได้ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นจะทำเช่นไรดี”
พระเจ้าหลวงเคยสั่งให้พวกเขาพาลูกๆร่วมงานเลี้ยงในวัง เซียวปี้เฉิงจึงเกิดความกังวลเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...
ชอบมากเลยค่ะ นางเอกเก่ง❤...