พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 189

“ไฟ...”

รุ่ยอ๋องตกใจหน้าถอดสี ไม่มีเวลาทะเลาะกับอวิ๋นหลิง สะบัดแขนเสื้อแล้วกระโดดโลดเต้นขึ้นมา

“สมหน้าหน้า”

อวิ๋นหลิงมองเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไม่มีทีท่าจะเข้าไปช่วยสักนิด คิดในใจว่าเผาให้คนโง่ให้ตายไปเลยจะดีกว่า

เซียวปี้เฉิงก็สะดุ้งตกใจ รีบมองสำรวจรอบทิศ จากนั้นก็เอากะละมังที่อวิ๋นหลิงล้างมือเมื่อครู่มาราดใส่หัวของรุ่ยอ๋อง

รุ่ยอ๋องตัวเปียกแฉะไปหมด ร่างกายอดกระตุกไม่ได้ ถึงไฟจะดับแล้ว ทว่าปลายเสื้อกลับเป็นหลุมหลายจุด ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบสีต่างๆ

อวิ๋นหลิงรู้สึกหงุดหงิด ทำหน้าบึ้งตึง “เจอท่านทีไรข้าก็ซวยทุกที ดูสิพื้นข้าเปื้อนหมดแล้ว”

“เจ้า...”

รุ่ยอ๋องตกอยู่ในสภาพอนาถยิ่งนัก เช็ดน้ำบนหน้า สีหน้าเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด คล้ายจะพูดอะไรต่อ ทว่ากลับถูกเซียวปี้เฉิงลากตัวออกไป

“พี่ใหญ่ ท่านทำให้ลูกๆข้าตกใจแล้ว รีบกลับไปเปลี่ยนเสื้อที่จวนเถิด อย่าให้เป็นหวัดได้ มีอะไรไว้คุยกันตามลำพังทีหลัง”

กล่าวจบก็ไม่รอให้รุ่ยอ๋องตอบสนองทัน ไล่เขาออกจากห้องด้วยความเหลืออด

หากมาครั้งต่อไปจะสั่งให้ลู่ฉีขวางทางเขาหน้าประตูจะดีที่สุด

รุ่ยอ๋องยืนท่ามกลางสายลมที่ลานเรือน เมื่อลมพัดผ่านมาก็ทำให้เขาหนาวจนหนังไก่ขึ้น ปากก็หนาวสั่นจนฟันกระแทกกัน

รุ่ยอ๋องรู้ว่าอยู่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ จะทำให้เขาโดนหยามเหยียดเปล่าๆ เขาจึงขบฟันแล้วจากไป

ด้านในห้อง อวิ๋นหลิงกล่อมต้าเป่าด้วยสีหน้าเจ็บปวด “ลูกน้อยของแม่ ขอร้องละอย่าร้องไห้อีกเลย หูแม่จะหนวกอยู่แล้ว”

ต้าเป่าที่โก่งคอร้องไห้เสียงดังก็ค่อยๆหยุด เอ้อร์ป่าที่นอนอยู่ในเตียงไม้ราวกับสัมผัสได้ก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา

อวิ๋นหลิงสัมผัสถึงความเคลื่อนไหวของพลังจิตอีกครั้ง

วินาทีต่อมาก็ได้ยินเสียงรุ่ยอ๋องร้องโหยหวนที่ลานจวนอีกครั้ง

“อ๊าก”

ลู่ฉีที่อยู่แถวนั้นตกใจรีบโยนไม้กวาดทิ้ง ก่อนจะไปประคองรุ่ยอ๋องที่ล้มก้นคะมำด้วยความลุกลน

“รุ่ยอ๋อง เวลาเดินทำไมไม่ดูทางเลยพ่ะย่ะค่ะ”

รุ่ยอ๋องลุกขึ้นอย่างหมดสภาพ ใบหน้าดำแดงผสานกัน เมื่อประกอบกับคราบสีบนหน้าแล้ว เขาเหมือนจานผสมสียิ่ง

“เจ้าสาดน้ำใส่พื้นทำไม พื้นกลายเป็นน้ำแข็งหมดแล้ว”

ลู่ฉีกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม “ห้ะ? ข้าน้อยไม่ได้สาดน้ำใส่สักหน่อย”

ช่วงนี้ทำไมพื้นที่ลานเรือนมักจะเกาะตัวเป็นน้ำแข็งน่ะ ตอนเขากวาดพื้น เขาก็ดูดีๆแล้ว

“ช่างเถอะ ช่างเถอะ... ดวงข้ากับจวนจิ้งอ๋องคงไม่ถูกกัน วันนี้หน้ามืดถึงมาที่นี่ได้”

รุ่ยอ๋องทนความเจ็บปวดแล้วนวดเอวของตัวเอง เดินกะเผลกออกไป

เมื่อมีการเคลื่อนไหวพลังจิตครั้งนี้สอง เซียวปี้เฉิงก็สัมผัสได้เช่นกัน วันที่ลูกๆเกิดมีพลังจิตจู่โจมเขา เซียวปี้เฉิงจึงจำพลังจิตนั้นได้ดี

“พี่ใหญ่เขา...ฝีมือของลูกสองคนนี้ใช่ไหม?”

อวิ๋นหลิงพยักหน้า มองต้าเป่ากับเอ้อร์เป่าด้วยแววตาตะลึง “พวกเขาเพิ่งเกิดได้สิบกว่าวัน แต่พลังจิตก็แกร่งเพียงนี้แล้ว”

นางมั่นใจว่าสะเก็ดไฟที่ลุกขึ้นกะทันหันกับพื้นที่เกาะตัวเป็นน้ำแข็ง คือผลงานเอกของลูกๆ

นางรู้สึกตกใจอย่างยิ่งยวด ลำพังการตอบสนองโดยธรรมชาติของลูกทั้งสองคน ก็สามารถควบคุมพลังจิตแล้วส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมรอบกายได้แล้ว หากพวกเขาโตไปจะมีพลังที่แข็งแกร่งขนาดไหนกัน?

เซียวปี้เฉิงได้สติก็ขมวดคิ้วแน่นเป็นปม “ตอนนี้เหมือนพวกเขายังควบคุมพลังของตัวเองไม่ได้ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นจะทำเช่นไรดี”

พระเจ้าหลวงเคยสั่งให้พวกเขาพาลูกๆร่วมงานเลี้ยงในวัง เซียวปี้เฉิงจึงเกิดความกังวลเล็กน้อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ