พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 194

อวิ๋นหลิงกินผลไม้ กวาดสายตามองไปในตำหนัก ถึงเวลาที่รุ่ยอ๋องต้องถวายของขวัญแล้ว

เห็นเขาถวายกล่องอาหารเล็กๆหนึ่งใบให้กับจักรพรรดิจาวเหริน เมื่อเปิดกล่องออกข้างในเป็นขนมไหว้พระจันทร์สีเหลืองอร่ามหลายชิ้น ทันใดนั้นกลิ่นหอมเข้มข้นดึงดูดใจก็ลอยคละคลุ้งออกมา

จักรพรรดิจาวเหรินนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ เอ่ยอย่างลังเลว่า “......นี่มัน ขนมไหว้พระจันทร์จากร้านขนมเจินซ่านหรือ”

ร้านขนมเจินซ่านเป็นร้านขายขนมเก่าแก่ ตอนที่จักรพรรดิจาวเหรินยังเด็ก ในเมืองหลวงมีร้านขายขนมอยู่แค่ร้านเดียว ในเทศกาลไหว้พระจันทร์ของทุกปีจะกินขนมจากร้านของพวกเขา

แม้ว่าวัตถุดิบที่ใช้จะไม่ใช่ของที่ดีที่สุด แต่ในยุคสมัยที่มีสงครามเกิดความวุ่นวายนั้น นี่เป็นหนึ่งในความทรงจำที่หอมหวานเพียงไม่กี่อย่างในวัยเด็กของเขา

รุ่ยอ๋องเม้มปากก่อนจะพูดว่า “ทูลเสด็จพ่อ ใช่พ่ะย่ะค่ะ”

ดวงตาของจักรพรรดิจาวเหรินมีแววซาบซึ้งอยู่บ้าง ถามเขาด้วยสีหน้าที่มีรอยยิ้ม “ร้านขนมเจินซ่านได้หายสาบสูญไปเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนแล้ว เจ้าซื้อมาได้อย่างไร”

รุ่ยอ๋องเหลือบตาที่ยังคงมีเส้นเลือดฝอยสีแดงอยู่ขึ้นมา มองจักรพรรดิจาวเหรินและตอบอย่างจริงจังว่า

“เสด็จแม่มักจะเอ่ยกับลูกอยู่บ่อยๆ ว่าพระองค์ชอบกินขนมไหว้พระจันทร์ของร้านขนมเจินซ่านที่สุด ตอนเด็กๆพระองค์กับเสด็จแม่จะซื้อขนมทุกปี ต่อมาไม่มีร้านขนมเจินซ่านแล้ว แต่พระองค์ก็ยังคงลืมรสชาตินั้นไม่ได้ เสด็จแม่จึงจำใส่ใจเอาไว้ ให้ข้าไปสืบดูว่าพ่อครัวที่ทำขนมในตอนนั้นอยู่ที่ไหน”

ได้ยินดังนั้น จักรพรรดิจาวเหรินมีสีหน้าประทับใจ อดไม่ได้ที่จะตกสู่ห้วงความทรงจำในวัยเด็ก

ตอนนั้นเขากับฮองเฮาเฟิงเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมากอย่างไม่ต้องเดา เทศกาลไหว้พระจันทร์ในทุกปีเขาจะปีนกำแพงออกไป ร่วมงานเทศกาลโคมไฟพร้อมกับนาง และซื้อขนมไหว้พระจันทร์ที่ร้านขนมเจินซ่าน

เขานิ่งอยู่บนกำแพงที่สูงเกือบสองเมตรอย่างกล้าหาญ หญิงสาวอันเป็นที่รักยืนมองเขาอยู่ใต้ต้นหลิวด้วยท่าทีตื่นเต้น เกรงว่าเขาจะตกลงมา แต่ก็ไม่กล้าส่งเสียงเพราะกลัวจะถูกพบเข้า......

“ก่อนหน้านี้ ในที่สุดลูกไม่เสียแรงเปล่า ตามหาพ่อครัวที่เคยทำขนมที่ร้านขนมเจินซ่านเพื่อท่านจนพบ”

พูดถึงตรงนี้ รุ่ยอ๋องก็ยิ้มอย่างขมขื่น

“แต่เสียดายที่แม้จะซื้อขนมมาได้แล้ว เสด็จแม่กลับไม่สามารถมาร่วมชิมกับพระองค์ได้เหมือนแต่ก่อน”

พระเจ้าหลวงกระแอมไอด้วยสีหน้าเรียบเฉย จากนั้นก็ยกปล้องยาสูบขึ้นมาสูบ

“ฮ่องเต้เอ๋ย นี่เป็นขนมไหว้พระจันทร์ที่เจ้าอยากกินมาตลอดมิใช่หรือ วันนี้เจ้าใหญ่หามาให้เจ้าแล้ว เจ้ายังจะนิ่งอยู่ทำไม รีบชิมดูว่ายังเป็นรสชาติในความทรงจำของเจ้าหรือไม่”

เขาพูดกับจักรพรรดิจาวเหรินเสร็จ ก็พ่นควัน”ฟู่”ออกมาคำใหญ่ รมไปที่ใบหน้าของจักรพรรดิจาวเหริน

“แค่กๆๆ”

จักรพรรดิถูกรมควันจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา ทันใดนั้นก็ได้สติขึ้นมา

เดิมทีเขายังรู้สึกซาบซึ้งใจในความเอาใจใส่ของรุ่ยอ๋อง แต่หลังจากที่ถูกพระเจ้าหลวงเตือน ก็รับรู้ได้ทันทีถึงเจตนาของรุ่ยอ๋อง สีหน้าเขียวคล้ำลงไปเล็กน้อย

เป็นอย่างที่คิด คำพูดของรุ่ยอ๋องมีแต่ฮองเฮาเฟิง สีหน้าของแขกเหรื่อที่มาร่วมงานเริ่มรู้สึกซับซ้อนขึ้นมา

สีหน้าของจักรพรรดิจาวเหรินขรึมลง ในใจก็ก่นด่ารุ่ยอ๋องที่ทำลายบรรยากาศ

เจ้าใหญ่ไอ้ลูกเวร ไม่ดูสถานการณ์ซะบ้าง พูดในเรื่องที่ไม่ควรพูด

“น้ำใจของเจ้าข้าเข้าใจ แต่ว่าตอนนี้อาหารในท้องข้ายังไม่ย่อย ขนมไหว้พระจันทร์ก็เอาไว้ก่อนเถอะ”

ว่าแล้ว จักรพรรดิจาวเหรินก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา สั่งให้ขุนนางพิธีการให้นางรำเข้ามา เริ่มร้องรำทำเพลง ให้ฮ่องเต้และเหล่าขุนนางชม

เดิมทีรุ่ยอ๋องหวังว่าหลังจากที่จักรพรรดิจาวเหรินได้หวนรำลึกถึงเรื่องเก่าๆ นึกถึงฮองเฮาเฟิงแล้วจะใจอ่อนลงบ้าง เมื่อเห็นว่าเขาไม่กินขนมไหว้พระจันทร์ ก็รู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากขึ้นมาอีกครั้ง

“ลูกยังเตรียมขนมไหว้พระจันทร์เอาไว้อีกกล่อง อยากจะส่งไปให้เสด็จแม่ด้วยตนเอง......”

สีหน้าของจักรพรรดิจาวเหรินดูไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ไม่สามารถบันดาลโทสะต่อหน้าแขกเหรื่อได้ ได้แต่แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

รุ่ยอ๋องยังคงไม่ตายใจ แต่จะทำอย่างไรได้เพราะเหล่านักดนตรีและนางรำต่างก็เข้ามาในตำหนักแล้ว ได้แต่ถอยกลับไปนั่งที่ของตนเอง

อวิ๋นหลิงสบถเบาๆว่า “เมื่อก่อนข้าแค่รู้สึกว่าพี่ใหญ่ของท่านไม่ค่อยจะมีสติปัญญา แต่ตอนนี้เห็นทีแม้แต่ความฉลาดทางอารมณ์ก็ต่ำกว่ามาตรฐานเสียอีก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ