พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 194

สรุปบท ตอนที่ 194 ตรรกะขั้นเทพ: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ

ตอนที่ 194 ตรรกะขั้นเทพ – ตอนที่ต้องอ่านของ พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ

ตอนนี้ของ พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ โดย Anchali ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนติกโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 194 ตรรกะขั้นเทพ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

อวิ๋นหลิงกินผลไม้ กวาดสายตามองไปในตำหนัก ถึงเวลาที่รุ่ยอ๋องต้องถวายของขวัญแล้ว

เห็นเขาถวายกล่องอาหารเล็กๆหนึ่งใบให้กับจักรพรรดิจาวเหริน เมื่อเปิดกล่องออกข้างในเป็นขนมไหว้พระจันทร์สีเหลืองอร่ามหลายชิ้น ทันใดนั้นกลิ่นหอมเข้มข้นดึงดูดใจก็ลอยคละคลุ้งออกมา

จักรพรรดิจาวเหรินนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ เอ่ยอย่างลังเลว่า “......นี่มัน ขนมไหว้พระจันทร์จากร้านขนมเจินซ่านหรือ”

ร้านขนมเจินซ่านเป็นร้านขายขนมเก่าแก่ ตอนที่จักรพรรดิจาวเหรินยังเด็ก ในเมืองหลวงมีร้านขายขนมอยู่แค่ร้านเดียว ในเทศกาลไหว้พระจันทร์ของทุกปีจะกินขนมจากร้านของพวกเขา

แม้ว่าวัตถุดิบที่ใช้จะไม่ใช่ของที่ดีที่สุด แต่ในยุคสมัยที่มีสงครามเกิดความวุ่นวายนั้น นี่เป็นหนึ่งในความทรงจำที่หอมหวานเพียงไม่กี่อย่างในวัยเด็กของเขา

รุ่ยอ๋องเม้มปากก่อนจะพูดว่า “ทูลเสด็จพ่อ ใช่พ่ะย่ะค่ะ”

ดวงตาของจักรพรรดิจาวเหรินมีแววซาบซึ้งอยู่บ้าง ถามเขาด้วยสีหน้าที่มีรอยยิ้ม “ร้านขนมเจินซ่านได้หายสาบสูญไปเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนแล้ว เจ้าซื้อมาได้อย่างไร”

รุ่ยอ๋องเหลือบตาที่ยังคงมีเส้นเลือดฝอยสีแดงอยู่ขึ้นมา มองจักรพรรดิจาวเหรินและตอบอย่างจริงจังว่า

“เสด็จแม่มักจะเอ่ยกับลูกอยู่บ่อยๆ ว่าพระองค์ชอบกินขนมไหว้พระจันทร์ของร้านขนมเจินซ่านที่สุด ตอนเด็กๆพระองค์กับเสด็จแม่จะซื้อขนมทุกปี ต่อมาไม่มีร้านขนมเจินซ่านแล้ว แต่พระองค์ก็ยังคงลืมรสชาตินั้นไม่ได้ เสด็จแม่จึงจำใส่ใจเอาไว้ ให้ข้าไปสืบดูว่าพ่อครัวที่ทำขนมในตอนนั้นอยู่ที่ไหน”

ได้ยินดังนั้น จักรพรรดิจาวเหรินมีสีหน้าประทับใจ อดไม่ได้ที่จะตกสู่ห้วงความทรงจำในวัยเด็ก

ตอนนั้นเขากับฮองเฮาเฟิงเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมากอย่างไม่ต้องเดา เทศกาลไหว้พระจันทร์ในทุกปีเขาจะปีนกำแพงออกไป ร่วมงานเทศกาลโคมไฟพร้อมกับนาง และซื้อขนมไหว้พระจันทร์ที่ร้านขนมเจินซ่าน

เขานิ่งอยู่บนกำแพงที่สูงเกือบสองเมตรอย่างกล้าหาญ หญิงสาวอันเป็นที่รักยืนมองเขาอยู่ใต้ต้นหลิวด้วยท่าทีตื่นเต้น เกรงว่าเขาจะตกลงมา แต่ก็ไม่กล้าส่งเสียงเพราะกลัวจะถูกพบเข้า......

“ก่อนหน้านี้ ในที่สุดลูกไม่เสียแรงเปล่า ตามหาพ่อครัวที่เคยทำขนมที่ร้านขนมเจินซ่านเพื่อท่านจนพบ”

พูดถึงตรงนี้ รุ่ยอ๋องก็ยิ้มอย่างขมขื่น

“แต่เสียดายที่แม้จะซื้อขนมมาได้แล้ว เสด็จแม่กลับไม่สามารถมาร่วมชิมกับพระองค์ได้เหมือนแต่ก่อน”

พระเจ้าหลวงกระแอมไอด้วยสีหน้าเรียบเฉย จากนั้นก็ยกปล้องยาสูบขึ้นมาสูบ

“ฮ่องเต้เอ๋ย นี่เป็นขนมไหว้พระจันทร์ที่เจ้าอยากกินมาตลอดมิใช่หรือ วันนี้เจ้าใหญ่หามาให้เจ้าแล้ว เจ้ายังจะนิ่งอยู่ทำไม รีบชิมดูว่ายังเป็นรสชาติในความทรงจำของเจ้าหรือไม่”

เขาพูดกับจักรพรรดิจาวเหรินเสร็จ ก็พ่นควัน”ฟู่”ออกมาคำใหญ่ รมไปที่ใบหน้าของจักรพรรดิจาวเหริน

“แค่กๆๆ”

จักรพรรดิถูกรมควันจนน้ำตาแทบจะไหลออกมา ทันใดนั้นก็ได้สติขึ้นมา

เดิมทีเขายังรู้สึกซาบซึ้งใจในความเอาใจใส่ของรุ่ยอ๋อง แต่หลังจากที่ถูกพระเจ้าหลวงเตือน ก็รับรู้ได้ทันทีถึงเจตนาของรุ่ยอ๋อง สีหน้าเขียวคล้ำลงไปเล็กน้อย

เป็นอย่างที่คิด คำพูดของรุ่ยอ๋องมีแต่ฮองเฮาเฟิง สีหน้าของแขกเหรื่อที่มาร่วมงานเริ่มรู้สึกซับซ้อนขึ้นมา

สีหน้าของจักรพรรดิจาวเหรินขรึมลง ในใจก็ก่นด่ารุ่ยอ๋องที่ทำลายบรรยากาศ

เจ้าใหญ่ไอ้ลูกเวร ไม่ดูสถานการณ์ซะบ้าง พูดในเรื่องที่ไม่ควรพูด

“น้ำใจของเจ้าข้าเข้าใจ แต่ว่าตอนนี้อาหารในท้องข้ายังไม่ย่อย ขนมไหว้พระจันทร์ก็เอาไว้ก่อนเถอะ”

ว่าแล้ว จักรพรรดิจาวเหรินก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา สั่งให้ขุนนางพิธีการให้นางรำเข้ามา เริ่มร้องรำทำเพลง ให้ฮ่องเต้และเหล่าขุนนางชม

เดิมทีรุ่ยอ๋องหวังว่าหลังจากที่จักรพรรดิจาวเหรินได้หวนรำลึกถึงเรื่องเก่าๆ นึกถึงฮองเฮาเฟิงแล้วจะใจอ่อนลงบ้าง เมื่อเห็นว่าเขาไม่กินขนมไหว้พระจันทร์ ก็รู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากขึ้นมาอีกครั้ง

“ลูกยังเตรียมขนมไหว้พระจันทร์เอาไว้อีกกล่อง อยากจะส่งไปให้เสด็จแม่ด้วยตนเอง......”

สีหน้าของจักรพรรดิจาวเหรินดูไม่ค่อยพอใจ แต่ก็ไม่สามารถบันดาลโทสะต่อหน้าแขกเหรื่อได้ ได้แต่แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

รุ่ยอ๋องยังคงไม่ตายใจ แต่จะทำอย่างไรได้เพราะเหล่านักดนตรีและนางรำต่างก็เข้ามาในตำหนักแล้ว ได้แต่ถอยกลับไปนั่งที่ของตนเอง

อวิ๋นหลิงสบถเบาๆว่า “เมื่อก่อนข้าแค่รู้สึกว่าพี่ใหญ่ของท่านไม่ค่อยจะมีสติปัญญา แต่ตอนนี้เห็นทีแม้แต่ความฉลาดทางอารมณ์ก็ต่ำกว่ามาตรฐานเสียอีก”

แม่นมเฉินรีบคำนับ “พระเจ้าหลวงทรงพระเจริญพันปี”

“เสด็จปู่ ดึกขนาดนี้แล้วท่านมาทำไม”

พระเจ้าหลวงหันไปโบกมือให้กับแม่นมเฉิน ส่งสัญญาณให้นางลุกขึ้น จากนั้นก็มองไปทางอวิ๋นหลิงด้วยสีหน้าขุ่นเคือง

“มีของดีขนาดนั้น ทำไมจึงไม่ทำให้ข้าก่อน”

เมื่อนึกถึงภาพวาดดินสอที่อวิ๋นหลิงถวายเป็นของขวัญเมื่อตอนค่ำ เขาก็รู้สึกโกรธ และหงุดหงิดในใจมาก

พระเจ้าหลวงใช้นิ้วมือชี้ไปที่จมูกของอวิ๋นหลิง ท่าทีเคียดแค้นชิงชังกล่าวหาอย่างน้อยใจ

“เจ้าหมูป่าใหญ่ไร้เหตุผลปฏิบัติต่อเจ้าอย่างอยุติธรรม วันๆเอาแต่ทำให้เจ้าต้องลำบากใจ แต่ข้าเข้าข้างและปกป้องเจ้า คิดเผื่อเจ้าทุกเรื่อง แต่เจ้ากลับวาดรูปให้เขาแต่ไม่วาดให้ข้า”

“แค่ก......แค่กๆ” เซียวปี้เฉิงที่กำลังดื่มชาร้อนๆอยู่พ่นน้ำชาออกมาทันที “เสด็จปู่ เสด็จพ่อล่วงเกินอะไรท่าน ทำไมท่านจึงเรียกเขาว่า......”

พระเจ้าหลวงทำเสียงขึ้นจมูก “เจ้าเป็นเจ้าหมูป่าน้อย เขาก็เป็นเจ้าหมูป่าใหญ่”

เซียวปี้เฉิงสีหน้าหดหู่ อดไม่ได้ที่จะพึมพำเบาๆ “เช่นนั้นท่านก็ไม่ใช่หมูป่าเฒ่าหรอกหรือ”

“ฮึ” พระเจ้าหลวงเผยรอยยิ้มดูสูงส่งเย็นชาและไม่พอใจออกมา “ลูกหมูเกิดมาจากพ่อหมู เกี่ยวอะไรกับข้า ข้าเป็นปู่ของเจ้า”

เซียวปี้เฉิงลองพูดตรรกะกับเขา “แต่เสด็จพ่อก็เป็นลูกชายของท่านนะ”

พระเจ้าหลวงสีหน้าบึ้งตึง ทำปากจู๋ “เขาเป็นลูกชายข้าแล้วอย่างไร ปีศาจหมูป่ากลับชาติมาเกิดก็คือเจ้า ไม่ใช่เสด็จพ่อของเจ้าสักหน่อย ข้าย่อมไม่ใช่หมูป่า”

“……”

เซียวปี้เฉิงถูกตรรกะขั้นเทพของพระเจ้าหลวงโจมตีจนพ่ายแพ้ เขาเลือกที่จะประนีประนอมกับอีกฝ่าย จากนั้นก็ส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังอวิ๋นหลิงที่กลั้นยิ้มอยู่นานแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ