ยามนี้จักรพรรดิจาวเหรินไม่ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายแล้ว ทว่าเขาก็ยังคงกระวนกระวายใจยิ่ง
หลังงานเลี้ยงฉลองพระชนมพรรษาจบสิ้น รุ่ยอ๋อง โอรสคนโตก็ยังไม่ออกจากวัง ถือขนมไหว้พระจันทร์แล้วยืนหน้าประตูพระที่นั่งบำรุงฤทัยเกือบหนึ่งชั่วยาม
ฝูกงกงเอ่ยเสียงเบา “จะให้กระหม่อมบอกรุ่ยอ๋องว่าพระองค์บรรทมแล้วหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
เมื่อนึกถึงสิ่งที่รุ่ยอ๋องเอ่ยในท้องพระโรง จักรพรรดิจาวเหรินก็ถอนหายใจยาวๆ สุดท้ายก็ต้องใจอ่อน
“ให้เขาเข้ามาคุย”
อากาศฤดูใบไม้ร่วงหนาวยิ่งขึ้น ฝูกงกงเชิญรุ่ยอ๋องเข้ามาถึง ปากเขาก็หนาวจนซีดขาวหมดแล้ว ร่างกายสั่นสะท้านไปหมด
“เสด็จพ่อ...”
อย่างไรเสียก็เป็นโอรสคนโต จักรพรรดิจาวเหรินเห็นเขาเป็นเยี่ยงนี้ก็นึกสงสาร แม้จะพิโรธเพียงใด ยามนี้ก็หายโกรธแล้ว
เขากล่าวเสียงเคร่งขรึม “หากเจ้าอยากเจอหน้าเสด็จแม่ของเจ้า พรุ่งนี้เช้าเจ้าค่อยมาใหม่ ข้าจะให้ฝูเต๋อพาจะไปที่ศาลบรรพชน”
เดิมทีจักรพรรดิจาวเหรินไม่อยากให้รุ่ยอ๋องกับองค์หญิงหกไปเจอหน้าฮองเฮาเฟิง ทว่าเมื่เห็นว่าเป็นเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ จึงเมตตาเป็นกรณีพิเศษ
แววตารุ่ยอ๋องฉายความหวังขึ้นมาเล็กน้อย “เสด็จพ่อ เมตตาเสด็จแม่หน่อยได้หรือไม่...”
เมื่อจักรพรรดิจาวเหรินเห็นเขายังเอ่ยถึงเรื่องนี้ไม่เลิกก็เริ่มหงุดหงิดใจ “ข้าตามใจพวกเจ้าสองแม่ลูกมากเกินไปแล้ว พวกเจ้ารู้จักกาลเทศะบ้าง?”
ไม่ง่ายเลยกว่ารุ่ยอ๋องจะได้เข้าพบฝ่าบาทตามลำพัง ย่อมไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยโดยง่ายแน่ เขามองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าดื้อด้าน
“ลูกรู้สาเหตุที่เสด็จพ่อให้เสด็จแม่ไปสำนึกผิดในศาลบรรพชนแล้ว”
จักรพรรดิจาวเหรินทำหน้าถมึงทึง กล่าวเสียงดุดัน “เจ้ารู้อะไรมา เจ้าจะรู้อะไรได้?”
“หลายวันก่อนข้าไปหาพวกน้องสะใภ้สามที่จวนจิ้งอ๋อง”
“เจ้าไปหาเจ้าสามมาหรือ?” หนังตาจักรพรรดิจาวเหรินกระตุก “พวกเขาบอกอะไรเจ้าบ้าง?”
เขาคิดว่าเซียวปี้เฉิงบอกเรื่องที่ฮองเฮาเฟิงวางยาพิษให้รุ่ยอ๋องรับทราบแล้ว จึงเกิดความวิตกกังวลใจขึ้นมา เขาจงใจไม่ให้เจ้าใหญ่รู้เรื่องนี้ เจ้าสามทำเช่นนี้เท่ากับตบหน้าเขาชัดๆ
“น้องสามไม่ได้บอกอะไรข้า แต่ข้าสืบรู้เอง แค่ไปถามให้แน่ใจเท่านั้น”
รุ่ยอ๋องถือกล่องขนมไว้แน่นแล้วมองเขา แววตาเจ็บปวดเจือความตำหนิร่วมด้วย
“ลูกรู้แล้ว เฟิงจิ่นเฉิงแอบลักพาตัวชิงผิงจวิ้นจู่กับน้องสะใภ้สาม เสด็จพ่อจึงรู้สึกว่าตระกูลเฟิงไม่ยำเกรงท่าน ดังนั้นจึงสั่งสอนตระกูลเฟิง ถึงได้ให้เสด็จแม่เข้าศาลบรรพชน”
จักรพรรดิจาวเหรินทำหน้าบึ้งตึง “หรือเจ้าคิดว่าสิ่งที่ตระกูลเฟิงกระทำไม่ควรโดนลงโทษหรือ?”
“เฟิงจิ่นเฉิงเป็นคนทำผิด เกี่ยวอะไรกับเสด็จแม่ด้วย? เสด็จพ่อต้องการสร้างความน่าเกรงขามของตัวเอง ถึงกับส่งเสด็จแม่เข้าศาลบรรพชนห้าปีเชียวหรือ...เสด็จพ่อ ท่านช่างใจร้ายเหลือเกิน”
ฝูกงกงหน้าเปลี่ยนสี พยายามส่งสายตาตักเตือนให้รุ่ยอ๋อง แต่อีกฝ่ายกลับไม่รับรู้
จักรพรรดิจาวเหรินได้ยินคำตำหนินี้ ความดันพุ่งขึ้นหน้าจนเกือบเป็นลมเป็นแล้งไป
“ข้าใจร้าย..ข้ายังลำเอียงพวกเจ้าไม่พอหรือ?”
จักรพรรดิจาวเหรินรู้สึกหนาวไปหมด หนาวตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงศีรษะ
“ถ้าไม่ใช่ ไยท่านถึงใจร้ายต่อเสด็จแม่เช่นนี้เล่า?” รุ่ยอ๋องขบฟัน มองเขาด้วยสีหน้าดื้อรั้น ไม่คิดจะยอมแม้แต่น้อย “หรือเป็นเพราะฉู่อวิ๋นหลิง? ยามนี้นางเป็นแก้วตาดวงใจของเสด็จปู่ เสด็จปู่ต้องการแก้เผ็ดให้นาง ท่านจึงไม่กล้าขัดคำสั่งของเสด็จปู่ ใช่หรือไม่?”
เมื่อพูดถึงอวิ๋นหลิง น้ำเสียงของรุ่ยอ๋องก็เปี่ยมไปด้วยความเคียดแค้นและไม่สบอารมณ์
“นางเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ใจแคบ ตระกูลเฟิงล่วงเกินนางไม่กี่ครั้ง นางก็มาแค้นใส่เสด็จแม่ นางบอกว่าตระกูลเฟิงยิ่งอนาถ นางยิ่งดีใจ แล้วยังจะ...”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...
ชอบมากเลยค่ะ นางเอกเก่ง❤...