พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 197

สรุปบท ตอนที่ 197 ไม่นึกเลยว่าเสด็จพ่อท่านจะเป็นชายสวะ: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ

สรุปตอน ตอนที่ 197 ไม่นึกเลยว่าเสด็จพ่อท่านจะเป็นชายสวะ – จากเรื่อง พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ โดย Anchali

ตอน ตอนที่ 197 ไม่นึกเลยว่าเสด็จพ่อท่านจะเป็นชายสวะ ของนิยายโรแมนติกโบราณเรื่องดัง พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ โดยนักเขียน Anchali เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

เสด็จแม่ของโอรสอื่นล้วนเกิดในตระกูลผู้ดี ได้รับความใส่ใจและความโปรดปรานจากจักรพรรดิจาวเหรินยิ่ง

มีเพียงมารดาของเซียวปี้เฉิงเท่านี้ที่เป็นแค่นางกำนัลทำหน้าที่จุดเทียน จักรพรรดิจาวเหรินรู้สึกชื่นชอบ จึงได้ให้อีกฝ่ายปรนนิบัติบนเตียง จากนั้นก็แต่งตั้งเป็นพระสนมในยศเหม่ยเหริน

ถึงแม้จะทราบว่าตั้งครรภ์ แต่เพราะช่วงนั้นหวงกุ้ยเฟยช่วยเขาบังกระบี่จนส่งผลให้หวงกุ้ยเฟยแท้ง จักรพรรดิจาวเหรินกลัวหวงกุ้ยเฟยจะทุกข์ใจ จึงไม่ได้เหลียวแลมารดาของเซียวปี้เฉิง

หลังจากนั้นอีกฝ่ายยังไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสม เมื่อคลอดบุตรชายแล้วก็รีบไปทันที

จักรพรรดิจาวเหรินระลึกความหลังแล้วก็พบว่าตัวเองจำใบหน้ามารดาของเซียวปี้เฉิงไม่ได้เลย ทั้งยังลืมชื่อของนางอีกต่างหาก

เขานวดหัวใจตัวเองแล้วรู้สึกละอายใจยิ่ง

ฝูกงกงมองเขาด้วยความสงสาร “ฝ่าบาท...ยังกังวลใจเรื่องของรุ่ยอ๋องอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“คิกๆ ข้าทำตัวเอง สมแล้วที่พระเจ้าหลวงชอบด่าข้า” จักรพรรดิจาวเหรินหัวเราะด้วยความขมขื่น กุมหัวใจแล้วสั่งการว่า “ข้าไม่เป็นอันใด แค่รู้สึกหายใจยาก สั่งให้สำนักหมอหลวงส่งยาบำรุงจิตมาก็พอ อย่าไปรบกวนพระชายาจิ้งอ๋องเลย”

ฝูกงกงได้ยินก็น้อมรับคำสั่งด้วยความเป็นห่วง จากนั้นก็ไปฏิบัติตามคำบัญชา

ราตรีนี้มีฝนโปรยปราย แสงเทียนในพระที่นั่งบำรุงฤทัยพลิ้วไหว จักรพรรดิจาวเหรินนอนไม่ค่อยสนิท

......

ฝนในฤดูใบไม้ร่วงตกตลอดทั้งคืน

เช้าวันถัดมาอากาศเปียกชื้น เพราะกลัวเด็กๆทั้งสองคนจะเป็นหวัด ตำหนักฉางหนิงจึงเผาถ่านเยอะมาก

ผ่านไปไม่นาน เซียวปี้เฉิงก็กลับมาแล้ว

“เสด็จพ่อประชวร วันนี้ไม่ต้องประชุมราชการเช้า”

อวิ๋นหลิงเลิกคิ้ว “เสด็จพ่อป่วยหรือ?”

เซียวปี้เฉิงพยักหน้ากล่าวเสียงเบา “นางกำนัลบอกว่าเมื่อคืนเห็นรุ่ยอ๋องออกจากพระที่นั่งบำรุงฤทัย”

“คงเครียดจนไม่สบายกระมัง” อวิ๋นหลิงทำหน้าเข้าใจ “เช่นนั้นข้าไปพระที่นั่งบำรุงฤทัยก่อน ไม่งั้นจะดูไม่งาม”

ถึงแม้จะรู้สึกสมน้ำหน้าจักรพรรดิจาวเหรินในใจ ทว่าเมื่อนางอยู่ในพระราชวัง อะไรที่ทำได้ก็ต้องทำสุดความสามารถ

อวิ๋นหลิงหยิบเข็มเงินหนึ่งชุดแล้วไป นางตรวจวินิจฉัยอย่างเรียบง่าย และได้ฝังเข็มให้จักรพรรดิจาวเหรินด้วย

สีหน้าจักรพรรดิจาวเหรินเริ่มผ่อนคลายขึ้น เขาผ่อนลมหายใจยาวๆ ก่อนจะยิ้มเอ่ย

“กินยาบำรุงหัวใจแล้วไม่ดีขึ้นเลย หมอหลวงมารักษาก็ไม่หาย เทคนิคเมียเจ้าสามดีที่สุดแล้ว”

ยามนี้ยิ่งอวิ๋นหลิงทำเช่นนี้ เขายิ่งรู้สึกละอายใจกว่าเดิม

ขณะเดียวกันฝูกงกงก็เข้ามารายงาน “ฝ่าบาท หวงกุ้ยเฟยมาเยี่ยมพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”

ปกติเหล่าพระสนมน้อยใหญ่จะมีโอกาสแสดงความห่วงใยต่อฮ่องเต้ ตอนที่อวิ๋นหลิงฝังเข็มให้จักรพรรดิจาวเหรินก็มีพระสนมมาเยี่ยมเขาแล้วหลายคน

อวิ๋นหลิงกับหวงกุ้ยเฟยไม่ถูกคอกัน นางจึงไม่คิดอยู่ต่อ รีบเก็บเข็มเงินแล้วกำชับจักรพรรดิจาวเหรินให้ดูแลสุขภาพเสร็จก็ขอตัวออกมา

เมื่อเดินออกจากพระที่นั่งบำรุงฤทัยแล้วก็เจอสตรีในอาภรณ์สีเขีย อีกฝ่ายส่งกล่องอาหารให้นางกำนัลหน้าตำหนัก จากนั้นก็สั่งการอะไรสักอย่าง

นางกำนัลรีบขานรับ “ทูลซูเฟยหม่อมฉันจำได้แล้วเพคะ”

ซูเฟย?

สตรีงามแต่งกายเรียบง่าย ท่าทางหมดจด สีหน้าไร้ทุกข์ไร้โศก ไม่เหมือนพระสนมสักนิด

อวิ๋นหลิงเค้นหาคำตอบในสมอง พบว่าคำทรงจำของร่างเดิมมีข้อมูลของพระสนมท่านนี้น้อยมาก ทว่าอีกฝ่ายก็น่าค้นหาดี

เมื่อกลับมาถึงตำหนักฉางหนิงนางก็ถามเซียวปี้เฉิง

“เมื่อคนรักแต่งงานกับเสด็จพ่อ เสด็จลุงจึงละทางโลก ครองตัวเป็นโสด ต่อมาตระกูลจี้โดนจับได้ว่าสร้างพรรคสร้างพวก ลักลอบค้าขายเกลือกับอาวุธ ทั้งยังทุจริตเงินหลวงก้อนโต บิดากับพี่ชายน้องชายของจี้ซูเฟยจึงถูกประหารปลายปีนั้น หลังจากนั้นตระกูลจี้ก็ไม่ได้รุ่งโรจน์อีกเลย”

“ตามกฎแล้วจี้ซูเฟยก็ควรส่งตัวเข้าตำหนักเย็น แต่เสด็จพ่อสงสารพี่รองที่ตกตึกจนกลายเป็นคนโง่ ติดจี้ซูเฟยมาก เสด็จพ่อจึงอภัยโทษให้เป็นกรณีพิเศษ”

อวิ๋นหลิงว่างเมล็ดทานตะวันลง “อันชินอ๋องเป็นคนยังไง?”

“ข้าไม่ค่อยได้เจอหน้าเขาหรอก แต่ตอนเด็กเวลาเสด็จลุงกลับเมืองหลวงจะมีของฝากติดมือกลับมามากมาย แล้วข้าก็ได้กับเขาด้วย แต่...คนที่เขารักที่สุดก็ยังคงเป็นพี่รอง...คิกๆ”

เซียวปี้เฉิงไม่ได้เปรยอย่างละเอียด ทว่าความหมายก็ชัดเจนเกินพอ อันชินอ๋องยังไม่ลืมจี้ซูเฟย จึงรู้สึกเอ็นดูเสียนอ๋องกว่าใครๆ

อวิ๋นหลิงเอียงหน้ามองเขาพร้อมกับเอ่ยว่า “เหมือนท่านจะมีความทรงจำที่ดีต่ออันชินอ๋องน่ะ?”

“ปกติเขาจะท่องโลกโดยไม่มีจุดหมายปลายทาง เรียกว่าถือกระบี่เที่ยวยุทธภพ สองปีก่อน ตอนที่ข้ากับอวี้จือโดนลอบสังหารที่ชายแดน เขาก็เป็นคนช่วยชีวิตพวกเราไว้”

เซียวปี้เฉิงเล่าจบก็ทำหน้าฉงนสนเท่ห์

“ทำไมหรือ? เหมือนท่านไม่ค่อยชอบเสด็จลุงใหญ่ของท่าน”

สีหน้าอวิ๋นหลิงเปลี่ยนกะทันหัน นางหรี่ตาลง ไม่รอคำตอบก็ตั้งคำถามเพิ่มว่า “เมื่อครู่ท่านบอกว่าสองปีก่อนอันชินอ๋องไปช่วยพวกท่านที่ชายแดนโดยบังเอิญหรือ?”

“ใช่...เดี๋ยวก่อนนะ ไยเมียจึงทำหน้าเยี่ยงนี้?”

เห็นอวิ๋นหลิงมีสีหน้าผิดปกติ เซียวปี้เฉิงก็ทำหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา ร่วมเรียงเคียงหมอนกันมานาน ต่างฝ่ายต่างรู้ใจกันแล้ว เขาจึงเดาออกว่าอวิ๋นหลิงกำลังคิดสิ่งใดอยู่

“เจ้าสงสัยว่าเสด็จลุงใหญ่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นหรือ?”

อวิ๋นหลิงพูดเสียงเคร่งขรึม “ไม่ใช่สงสัย แต่มั่นใจเลยแหละ”

หนังตาเซียวปี้เฉิงกระตุก “ไยจึงพูดเยี่ยงนี้?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ