พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 199

สรุปบท ตอนที่ 199 ทัศนคติเปลี่ยน: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ

ตอน ตอนที่ 199 ทัศนคติเปลี่ยน จาก พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 199 ทัศนคติเปลี่ยน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนติกโบราณ พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ ที่เขียนโดย Anchali เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ไม่ว่าอย่างไรเซียวปี้เฉิงก็จำคำวิเคราะห์ของอวิ๋นหลิงขึ้นใจ

สิ่งที่อวิ๋นหลิงวิเคราะห์ล้วนมีหลักฐานเกื้อหนุน กลายเป็นตรรกะที่มีชั้นเชิง

แม้เซียวปี้เฉิงจะยอมรับไม่ได้ที่พี่รองกับเสด็จลุงสมคบคิดกับศัตรู ทว่าเขาก็หาเหตุผลถกเถียงกับอวิ๋นหลิงไม่ได้เลย

สิ่งเดียวที่ไม่เข้าใจคือทำไมอันชินอ๋องไม่ขัดขวางการขึ้นครองราชย์ของจักรพรรดิจาวเหรินในอดีต เกี่ยวข้องกับจี้ซูเฟยหรือไม่?

ทว่าอวิ๋นหลิงพูดถูก มันไม่สำคัญ

“เมียพูดถูก ไม่จำเป็นต้องไขความลับที่เกิดขึ้นเมื่อยี่สิบปีก่อน เพราะปัญหาในตอนนี้กองอยู่ตรงหน้าพวกเราแล้ว”

เซียวปี้เฉิงถอนหายใจเบาๆ รู้สึกกลุ้มอกกลุ้มใจยิ่ง

อวิ๋นหลิงกล่าวอย่างมีความคิด “ต่อจากนี้พวกเราต้องคอยจับตามองเสียนอ๋องให้ดี ถ้าเขารีบเปิดเผยความจริงหลังจากฮองเฮาเฟิงสูญเสียอำนาจแล้ว เช่นนั้นก็ไม่มีอะไร แต่ถ้าเขายังคงแกล้งโง่ต่อไป เช่นนั้นเป้าหมายเขาก็ไม่ธรรมดาแล้ว”

เซียวปี้เฉิงพยักหน้าด้วยสีหน้ากลุ้มใจ “หากเป็นอย่างที่เจ้าบอก เช่นนั้นข้าต้องหาโอกาสบอกใบ้เสด็จปู่กับเสด็จพ่อแล้ว”

อวิ๋นหลิงได้ยินก็รู้สึกเหลืออด อดไม่ได้ที่จะยกเท้าถีบก้นเขาไปหนึ่งที

“บอกว่าท่านเป็นหัวหมู ท่านก็เป็นหัวหมูจริงๆด้วย”

รองเท้าลายดอกไม้ประทับรอยสีดำบนเสื้อเซียวปี้เฉิงเรียบร้อย เมื่อเซียวปี้เฉิงโดนถีบกะทันหัน จึงหันไปมองอวิ๋นหลิงด้วยความมึนงง ไม่รู้ว่าเขาพูดผิดคำไหน นางถึงไม่พอใจเยี่ยงนี้

เขาปัดฝุ่นบนก้นแล้วเอ่ยเสียงน้อยใจ “ทำไมอยู่ดีๆเมียถึงมาถีบข้าได้”

“ท่านยังมีหน้ามาถามอีก” อวิ๋นหลิงกลอกตาใส่เขา “พูดมาถึงขนาดนี้แล้ว ท่านยังรออะไรอีก? ตอนนี้ก็รีบไปหาพระเจ้าหลวงเลย แล้วทำไมต้องบอกใบ้ด้วย บอกทุกอย่างให้พระเจ้าหลวงรู้เลย”

เซียวปี้เฉิงหน้าเปลี่ยนสี พูดเสียงเบาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เมียเอย เจ้าพูดเช่นนี้กับข้าเป็นการส่วนตัวก็พอ เรื่องที่ขาดหลักฐานและเกี่ยวพันถึงราชวงศ์กับหนอนบ่อนไส้ จะบอกเสด็จพ่อกับเสด็จปู่ลอยๆไม่ได้”

อวิ๋นหลิงเม้มปากถามด้วยสีหน้าจริงจังขึงขัง “ทำไมจะบอกไม่ได้? หรือพวกเราบอกแล้วจะโดนประหารชีวิต?”

“ไม่ใช่ แต่...”

“เช่นนั้นก็ไม่มีปัญหาแล้วไง” อวิ๋นหลิงถอนหายใจเบาๆ พยายามเปลี่ยนความคิดของเซียวปี้เฉิง “ท่านอ๋อง ข้ารู้ว่าท่านระแวงสิ่งใด แต่วันนี้ข้าต้องสอนให้ท่านรู้อะไรบางอย่าง อาทิเช่นความสำคัญของการสื่อสาร”

การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญ นับแต่ครั้นโบราณกาลจนถึงบัดนี้ เพราะสื่อสารไม่เข้าใจหรือสื่อสารสายเกินไป จึงเกิดปัญหาและความเข้าใจผิดอันไม่จำเป็นขึ้น

“ไม่มีอะไรที่บอกไม่ได้หรอก ท่านกับพวกพระเจ้าหลวงมีอุดมการณ์เดียวกัน นั่นก็คือปกปักรักษาบ้านเมือง พวกท่านสามรุ่นมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน หากรายงานนี้ขึ้นก็จะยิ่งส่งผลดีต่อการร่วมมือและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จะได้ร่วมกันจับหนอนบ่อนไส้ออกมา”

สีหน้าเซียวปี้เฉิงยากจะพรรณนา เขารู้สึกว่าวิธีของอวิ๋นหลิงผิดแปลก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านางพูดถูก

“เรื่องนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าบ้านเมืองแล้ว หากท่านช้าหนึ่งวินาที ท่านก็จะเพิ่มโอกาสให้ชาวทูเจวียมีโอกาสลอบทำร้ายต้าโจวเพิ่มขึ้น”

จะปล่อยให้เสียนอ๋องกับอันชินอ๋องมีโอกาสเดินไปตามแผนทำไม?

ควรรีบวางแผนรับมือและควบคุมสถานการณ์ให้อยู่หมัดจะดีกว่า

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เซียวปี้เฉิงก็ปวดจี๊ดหัวใจ มือขวากำแน่น เริ่มฮึดสู้ขึ้นมา

“ได้ พวกเราไปบอกเสด็จพ่อเดี๋ยวนี้เลย”

อวิ๋นหลิงคลี่ยิ้มทำหน้าปลื้มใจ ยกริมฝีปากเอ่ยว่า “ท่านอ๋องฉลาดจัง ตบรางวัลโดยการหอมสักหน่อย”

กล่าวจบนางก็เข้าไปหอมแก้มเซียวปี้เฉิง

เซียวปี้เฉิงเช็ดน้ำลายบนหน้าโดยไม่รู้จะยิ้มหรือร้องไห้ดี จากนั้นก็ถอนหายใจ “เมื่อครู่เจ้าร้อนใจขนาดนั้น รู้สึกว่าสมองข้าเลอะเลือนหรือไม่?”

“ต้องร้อนใจอยู่แล้ว เมื่อก่อนที่ข้าดูซีรีส์หรืออ่านนิยาย ข้าเกลียดเรื่องแบบนี้ที่สุด ทั้งๆที่คุยกันอย่างเปิดอกก็จะสามารถปรับความเข้าใจกันได้ แต่กลับยืดไปสิบกว่าตอน หรือถึงขั้นร้อยกว่าตอนเลย”

อวิ๋นหลิงสูดจมูกแล้วบ่นซีรีส์น้ำเน่าให้เขาฟัง

เซียวปี้เฉิงถอนหายใจยาวๆ มองอวิ๋นหลิงด้วยความซาบซึ้งใจ “เมียจ๋า ข้าโชคดีเหลือเกินที่ได้พบเจ้า”

ที่ผ่านมานางสอนเขามาเยอะเลย

เซียวปี้เฉิงไม่อิดออด ไปบอกพระเจ้าหลวงกับจักรพรรดิจาวเหรินพร้อมกับอวิ๋นหลิง

จักรพรรดิจาวเหรินตกตะลึงพรึงเพริด “เจ้าพูดอะไรน่ะ เจ้าสองไม่ได้โง่หรือ?”

ส่วนพระเจ้าหลวงกับมีแววตาเปล่งประกาย เผยความดีใจกับข้อมูลอันตกใจนี้

อวิ๋นหลิงไม่ได้บอกว่าใช้พลังจิต หาเหตุผลมาอ้างว่ารู้โดยบังเอิญ

เมื่อจักรพรรดิจาวเหรินรับข้อมูลอันน่าตกตะลึงเช่นนี้แล้ว ผ่านไปเนิ่นนานกว่าจะดึงสติกลับมาได้ มองพวกเขาด้วยแววตาซับซ้อน ผ่านไปเนิ่นนานจึงจะโบกมือให้พวกเขาด้วยแววตาเคร่งเครียด

“พวกเจ้าออกไปก่อน ข้ามีเรื่องคุยกับพระเจ้าหลวง”

เมื่อพวกเขาสองคนออกไป สีหน้าจักรพรรดิจาวเหรินก็ซับซ้อนยิ่ง

เมื่อก่อนเขาก็เฝ้าระวังตัวจากอันชินอ๋องแล้ว ยามนี้รู้ว่าอีกฝ่ายมีความเป็นไปได้สูงที่จะกำลังลอบวางแผนร้ายอยู่ ถึงจะตกตะลึง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเหลือเชื่อ

สิ่งที่เขาเหลือเชื่อคือ “เจ้าสามอยู่กับนางหนูผู้นี้นานแล้ว ยิ่งทำอะไรไม่อยู่ในกรอบขึ้นทุกที กล้าบอกเรื่องนี้กับข้าโดยไม่มีหลักฐานด้วย”

ไม่เหมือนนิสัยที่ผ่านมาของบุตรชายคนนี้เลย

พระเจ้าหลวงทำหน้าปลื้มใจ นวดนิ้มแล้วพูดอย่างลำพองใจ “ข้ารู้แล้วว่าให้เสี่ยวหลิงเอ๋อร์อยู่กับเจ้าสามต้องเป็นเรื่องดี แค่ครึ่งปีเจ้าสามก็พัฒนาขึ้นเยอะแล้ว”

กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ

ขอบคุณเทวดาที่ส่งหลานสะใภ้ดีๆมาให้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ