พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 20

อวิ๋นหลิงรวบรวมพลังจิตมาสำรวจด้านในหัวของพระเจ้าหลวง พลังจิตที่บางเหมือนเส้นผมได้แล่นไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว จนได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็ว

“ดีไปเลย เพียงแค่เปลือกสมองได้รับการเสียหายเล็กน้อยเท่านั้น”

น้ำเสียงอวิ๋นหลิงตื่นเต้นยากที่จะปิดไว้ได้ นี่เป็นผลลัพท์ที่ดีที่สุด ต่อให้ไม่มีพลังจิตอื่น ๆ ที่ทํางานร่วมกัน นางก็สามารถปลุกพระเจ้าหลวงให้ตื่นขึ้นด้วยพลังของตัวเองได้

อุกกาบาตสีแดงชิ้นนั้นจะต้องมาอยู่ในกระเป๋าของนางเป็นแน่!

อวิ๋นหลิงต้องยอมรับว่า นางช่วยพระเจ้าหลวงด้วยความเห็นแก่ตัว เพราะว่าความหมายที่นางอยู่ในองค์กรก็คือผลิตภัณฑ์ทดลอง หากแต่ไม่ใช่หมอที่มีจรรยาบรรณที่ดี

“ช่วยเสด็จปู่ได้หรือไม่?”

เซียวปี้เฉิงฟังคำพูดของอวิ๋นหลิงไม่เข้าใจ แต่ว่าฟังความตื่นเต้นในน้ำเสียงของนางออก จึงไม่สนใจแสงสีขาวประหลาดที่ทำให้ตกใจแล้ว

“ใช่แล้ว ครานี้ข้ามั่นใจมาก เพียงแค่เสียเวลารักษาประมาณหนึ่งชั่วยามเท่านั้น”

พลังจิตของนางตอนนี้ไม่สามารถเทียบขณะสูงสุดได้ มิฉะนั้นสิบห้านาทีก็รักษาหายแล้ว

บนโต๊ะกลมมีเครื่องมือฝั่งเข็มหลายอัน แต่ว่าครั้งนี้อวิ๋นหลิงใช้ไม่ได้

ด้านข้างก็มีคนตาบอดเซียวปี้เฉิงอยู่ข้างกาย นางจึงรวบรวมพลังจิตอย่างไม่อาย จากนั้นก็เริ่มทำการซ่อมแซมและกระตุ้นสมองใหญ่ที่ได้รับความเสียหายของพระเจ้าหลวง

สำหรับในโลกของเซียวปี้เฉิง ก็ปรากฏฉากที่แปลกประหลาดในสายตา

เขาเห็นเส้นสีขาวที่เป็นภาพลวงตานับไม่ถ้วนหนาแน่นเหมือนใยแมงมุมนับไม่ถ้วนแพร่กระจายและซ้อนกันอย่างต่อเนื่องในโลกที่มืดมิด

ประหลาด ไม่น่าเชื่อ

เซียวปี้เฉิงเกิดมาในสนามรบตั้งแต่ยังเล็ก คาวเลือดที่น่ากลัวอะไรก็เคยเห็นมาหมด อีกทั้งหัวใจหยุดเต้นมานานแล้ว

แต่สำหรับฉากด้านหน้านี้ ยังเกินความเข้าใจและการรับรู้ของเขาเกี่ยวกับโลกใบนี้

สำหรับหนึ่งชั่วยามที่แสนยาวนานนี้ ในใจของเซียวปี้เฉิงเปลี่ยนจากความตกใจเป็นความระมัดระวัง จากความระมัดระวังเป็นความอยากรู้อยากเห็น ในที่สุดก็กลับมาสงบอีกครั้ง จากนั้นมุมมองสามมิติก็หายไปและเกิดขึ้นมาอีกครั้ง

เขาอดจะพูดไม่ได้

“ฉู่อวิ๋นหลิง”

“อะไร”

“...ไม่มีอะไร”

เจ้าเป็นมารหรือว่าเซียนกันแน่?

“ประสาทหรือเปล่าเจ้า”

อวิ๋นหลิงกลอกตาขาวในใจ ไม่รู้หรือไรว่าขณะที่ต้องใช้พลังจิตจะต้องรวบรวมสมาธิ?

ในใจของเซียวปี้เฉิงก็สงบอีกครั้ง ยกริมฝีปาก ไม่ว่านางจะเป็นคนหรือว่ามาร ล้วนต่างได้ช่วยพระเจ้าหลวงไม่ใช่หรือ

ทันใดนั้นเขาก็คิดถึงดาวที่ตก คําทํานายที่เซียนจะตกลงมา ในใจก็เต้นแรง แต่ก็ปฏิเสธความคิดนี้อย่างรวดเร็ว

ถ้าหากว่าโลกใบนี้มีเซียนอยู่จริง ก็จะต้องมีมารด้วย

ฉู่อวิ๋นหลิงหน้าตาอัปลักษณ์ ไม่มีทางเป็นเซียน น่าจะเป็นมารถึงจะถูก

ช่วงเวลาหนึ่งชั่วยามได้ผ่านพ้นไปแล้ว พลังจิตในสมองที่อวิ๋นหลิงรับรู้ได้นั้นหมดลงแล้ว

นางใช้จนแล้วจริง ๆ

ฮ่องเต้เจาเหรินเมื่อได้ข่าว ก็รีบเดินเข้ามาถาม “เป็นเช่นไรบ้าง?”

สีหน้าของอวิ๋นหลิงอ่อนแอ พูดอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า “...พระเจ้าหลวงปลอดภัยแล้ว ไม่น่าจะเกินอีกสองชั่วยามก็จะฟื้นขึ้น”

ฮ่องเต้เจาเหรินรีบมองไปยังพระเจ้าหลวงบนเตียงคนไข้ เห็นผู้เฒ่านอนหลับอย่างหอมหวาน แม้กระทั่งมีการนอนกรนเล็กน้อย

ดูเหมือนว่าร่างกายจะคัน ยังเอื้อมมือไปเกาตูดด้วย

หลินซินยืนแข็งทื่ออยู่กับที่ ดวงตาเบิกกว้างเท่ากับไข่ห่าน

นี่เป็นไปได้เช่นไร!

นี่เป็นปฏิกิริยาที่คนนอนเป็นผักไม่ควรมี ฮ่องเต้เจาเหรินตื่นเต้นจนดวงตาแดงกล่ำ น้ำตาไหลรินเล็กน้อย“เสด็จพ่อ!”

“เสด็จพ่อ!”อวิ๋นหลิงเองก็อดไม่ได้ที่จะเรียกขึ้นมาว่า “รีบหาของให้ข้ากินเถิด หากว่าข้าไม่ได้กินก็จะหิวตายแล้ว!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ