พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 234

อวิ๋นหลิงนิ่งอึ้ง คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดคำนี้ ภายในใจก็สั่นไหวขึ้นมาอัตโนมัติ

คนที่ชมว่านางสวยก็มีไม่น้อย แต่ก็ยังไม่เคยมีใครที่ทำให้นางรู้สึกชอบใจได้เท่าช่วงเวลานี้

จักรพรรดิจาวเหรินเดินเข้ามาพร้อมเหงื่อท่วมตัว และเอ่ยขัดจังหวะด้วยความหัวเสียเล็กน้อย “ปืนคาบศิลานี่ใช้งานยากเกินไปจริงๆ”

หลังจากลองยิงไปเพียงสองสามนัด ข้อมือของเขาก็มึนชาไร้ความรู้สึกราวท่อนไม่ก็ไม่ปาน

พระเจ้าหลวงเอ่ยเยาะเย้ยอย่างไร้ความปรานี “เจ้ามันไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้มาตั้งแต่เด็ก เทียบกับเจ้าสามไม่ติดดอก หลบไปยืนดูอยู่ข้างๆจะดีกว่า อย่าให้เปลืองกระสุนเปล่าๆ”

จักรพรรดิจาวเหริน “…”

จักรพรรดิจาวเหรินรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเล็กน้อย มองไปยังเซียวปี้เฉิงด้วยแววตาเคืองๆ

ในปีนั้นตอนแต่งตั้งตำแหน่งรัชทายาทพระเจ้าหลวงยังเอ่ยชมเขาว่าเป็นโอรสที่มีพรสวรรค์โดดเด่นที่สุดอยู่เลย…ช่างเถอะ เขาก็เทียบเจ้าสามไม่ติดจริงๆนั่นแหละ

“แต่จะว่าไป เหตุใดเมียเจ้าสามจึงใช้ปืนคาบศิลานั่นได้ชำนาญถึงเพียงนั้นกันล่ะ?”

จักรพรรดิจาวเหรินมองไปยังอวิ๋นหลิงด้วยความสงสัย ภาพต้นแบบปืนคาบศิลานี่ได้มาเพราะท่านเซียนมามอบให้นางในความฝัน แต่หากอิงตามเหตุตามผลนี่ก็น่าจะเป็นครั้งแรกที่นางได้ลองใช้มันสิ

แต่ท่าทางของนางดูไม่เหมือนมือใหม่เลยสักนิด แต่ดูเหมือนคนที่เพียรฝึกฝนอยู่กับมันเป็นเวลาหลายปีเสียมากกว่า

อวิ๋นหลิงยกยิ้ม “ต้องขอบคุณท่านอาจารย์ที่คอยช่วยเหลือ เดิมทีข้าเองก็ใช้ปืนคาบศิลานี่ไม่เป็น แต่ในความฝันในคืนนั้น ท่านอาจารย์ได้ถ่ายทอดพลังที่หน้าผากข้าผ่านเพียงปลายนิ้ว ไม่นานข้าก็รู้สึกร้อนระอุไปทั่วทั้งตัว ราวกับถูกเปิดจุดเหรินและจุดตู หากไม่มีท่าอาจารย์ข้าคงทำไม่ได้…”

นางพูดโกหกเป็นตุเป็นตะ แต่ถึงแม้สิ่งที่นางพูดจะลึกลับถึงเพียงใด จักรพรรดิจาวเหรินก็ยังคงเชื่อนางอยู่ดี

“เหตุใดท่านเซียนจึงไม่ถ่ายทอดพลังให้ข้าบ้างล่ะ?”

เขาเองก็เป็นถึงโอรสสวรรค์ ท่านเซียนจะไม่แลเขาสักนิดเลยหรือ?

เมื่อมองอวิ๋นหลิงพระเจ้าหลวงก็รู้สึกภูมิใจไม่น้อย จากนั้นก็เชิดคางใส่จักรพรรดิจาวเหริน

“เจ้าอย่ายุ่งเรื่องของเทพเซียนให้มากนักเลย ญาติสนิทมิตรสหายก็ไม่ใช่ เหตุใดท่านเซียนจึงต้องถ่ายทอดพลังให้เจ้ากันล่ะ”

จักรพรรดิจาวเหรินนิ่งเงียบไม่พูดจา พระเจ้าหลวงเองก็ราวกับยอบรับอย่างจริงใจว่าตนลำเอียงให้ทางนางหนูอวิ๋นหลิง

เมื่อก่อนเมื่อเขาถูกพ่อรังแก ยังสามารถไปลงที่ลูกได้ ต่อให้อวิ๋นหลิงจะให้ท้ายลูกของตน ตอนนี้เจ้าสามก็มิกล้าทำให้นางขุ่นเคืองได้

จักรพรรดิจาวเหรินนิ่งเงียบไม่พูดอะไรต่อ เพื่อเลี่ยงการสร้างปัญหาให้ตัวเอง

พระเจ้าหลวงหลังง่วนอยู่กับปืนคาบศิลาก็ได้เข้าใจในข้อบังคับต่างๆของมัน ไม่นานก็เริ่มคุ้นเคยกับโครงสร้างและกลไกทั้งหมด ทั้งยังสามารถล่ากระต่ายป่าได้อีกหนึ่งตัว

อวิ๋นหลิงเองก็สังเกตการณ์อยู่ข้างๆมาครึ่งวัน ในบรรดาพ่อลูกทั้งสามรุ่นนี้ เซียวปี้เฉิงและพระเจ้าหลวงฝีมือดีที่สุด ได้สัมผัสปืนคาบศิลาครั้งแรก พวกเขาก็สามารถฝึกฝนมันได้ในระดับดีในเวลาเพียงสั้นๆ ถือว่าไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

ทั้งสี่คนอยู่ที่ฐานล่าสัตว์ทั้งวันเต็มๆ

ท้องฟ้ายามเหมันตฤดูมักมืดเร็ว เพิ่งถึงเวลาโพล้เพล้ท้องฟ้าก็เริ่มมืดมน อุณหภูมิบนเขาก็ลดลงตามไปด้วย อวิ๋นหลิงและคนอื่นๆไม่ได้รีรอยู่ที่นี่นาน และพากันขึ้นรถม้ากลับวังอย่างว่าง่าย

กลางดึก ณ ตำหนักฉางหนิง อวิ๋นหลิงได้ลงมือเข้าครัวทำอาหารด้วยตนเอง นางนำสัตว์ที่ล่าได้ในวันนี้มาประกอบอาหาร

แม้คนโบราณมักจะกินข้าวแบบเงียบๆไม่พูดไม่จา ทว่าพระเจ้าหลวงเกิดมาในครอบครัวบ้านนอก ในวังก็ไม่ได้ให้ความใส่ใจกับพระองค์สักเท่าไหร่ ทั้งสี่คนจึงพลางกินพลางคุยสัพเพเหระ

“ปืนคาบศิลาทั้งสิบกระบอกสร้างขึ้นมาได้มาตรฐานมาก รอให้ข้าได้ปรังปรุงข้อบกพร่องที่หลงเหลืออยู่ก่อน ข้าจักต้องให้ช่างฝีมือผลิตเพิ่มขึ้นอีกแน่นอนเพคะ”

อวิ๋นหลิงและเซียวปี้เฉิงคำนวณไว้แล้ว ในระยะแรกค่ายปืนไฟมีพันนายก็เพียงพอแล้ว ด้วยสถานการณ์ท้องพระคลังของต้าโจวในตอนนี้ไม่ควรเพิ่มจำนวนคนมากเกินไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ