พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 237

วันนี้อวิ๋นหลิงได้ตามเซียวปี้เฉิงมายังฐานล่าสัตว์หลวง เพื่อฝึกฝนการยิงปืนให้กับเหล่าองครักษ์ลับ

ก่อนหน้านางใช้เวลาถึงสองวันในการอธิบายข้อบังคับและหลักการในการยิง ตามด้วยฝึกฝนการเล็งเป้าหมาย ส่วนที่เหลือก็เหลือเพียงการทดลองยิงกับกระสุนจริง

ความสามารถของเยี่ยเจ๋อเฟิงไม่เลวเลย ร่างกายก็แข็งแรงกำยำ ทั้งยังฝึกฝนอย่างหนัก

เขาคุ้นชินกับปืนคาบศิลาได้เร็วมาก ในบรรดาองครักษ์ลับ ความแม่นยำและประสิทธิภาพในการยิงของเขาเป็นรองเพียงเซียวปี้เฉิง

เมื่อถึงเวลาพลบค่ำ หญ้ายามสารทฤดูก็ถูกปกคลุมด้วยความมืด

อวิ๋นเดินไปหาเขายิ้มๆ “เจ้าทำได้ดีมาก หลังจากนี้ภายในวังจะมีเรื่องยุ่งเหยิงมากมาย หากปี้เฉิงปลีกตัวออกมาไม่ได้ การฝึกของพวกเขาก็มอบให้เจ้าจัดการแล้วกัน”

ปลายเดือนสิบสอง ช่างฝีมือจะส่งมอบปืนคาบศิลาชุดแรกจำนวนสองร้อยกระบอก

ประจวบกับช่วงนั้นเป็นช่วงส่งท้ายปี ในวังมีเรื่องวุ่นเต็มไปหมด หลังงานเลี้ยงอายุครบร้อยวันของต้าเป่าเอ้อร์เป่าจบลง ไม่นานก็ถึงวันพระราชสมภพของพระเจ้าหลวง รวมถึงงานเลี้ยงปีใหม่

ช่วงสิ้นปีของทุกปี ราชวงศ์ยังมีพิธีเซ่นไหว้ครั้งใหญ่ หลังจากนี้เซียวปี้เฉิงคงจะยุ่งจนปลีกตัวไม่ได้ ภาระการฝึกของค่ายปืนไฟ คงต้องมอบให้เยี่ยเจ๋อเฟิงจัดการชั่วคราว

เยี่ยเจ๋อเฟิงพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น “ข้าจะไม่ทำให้พระชายาผิดหวังแน่นอนขอรับ”

อวิ๋นหลิงแต่งตั้งให้เขาเป็นหัวหน้า มอบอำนาจอันดับสองรองจากเซียวปี้เฉิงให้เขา นี่ก็คือการให้ความไว้วางใจและให้ความสำคัญกับเขา

หลังให้คำมั่นสัญญา เยี่ยเจ๋อเฟิงก็ฝึกฝนหนักยิ่งกว่าเดิม จนกระทั่งเวลาในการฝึกฝนจบลง เขาก็ยังคงฝึกอยู่เช่นเดิม

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการซ้อมที่หนักจนเกินไป จนทำให้ขณะที่เขาจะยิงกระสุนนัดสุดท้ายกลับรู้สึกว่าแขนซ้ายมึนช้าไม่สามารถใช้แรงได้ และกระสุนนัดสุดท้ายนั่นก็พลาดเป้าในที่สุด

เซียวปี้เฉิงเมื่อเห็นเยี่ยเจ๋อเฟิงกุมไหล่ซ้ายพร้อมขมวดคิ้วแน่น ก็รีบบึ่งเดินเข้าไปถามด้วยความห่วงใย “เจ๋อเฟิง เจ้าเป็นอะไรไป?”

อาการชานั่นหายแทบจะหายไปในพริบตา ความรู้สึกแข็งแกร่งเริ่มกลับมาอีกครั้ง เยี่ยเจ๋อเฟิงคลายสีหน้าลงพร้อมส่ายหน้าเบาๆ

“ไม่เป็นไรขอรับ ปืนคาบศิลานี่มีแรงดีดกลับค่อนข้างแรง ทำให้แขนข้าน้อยรู้สึกชานิดหน่อย”

อวิ๋นหลิงพูดขึ้น “พวกเจ้าเพิ่งคุ้นชินกับมันได้ไม่นาน ไม่ควรฝึกอย่างหักโหม มิเช่นนั้นจะมีผลกับร่างกายเอาได้ พวกท่านแค่ใช้กระสุนที่ข้าเตรียมไว้ให้หมดทุกวันก็พอแล้ว”

ปืนหินเหล็กไฟนี่เทียบไม่ได้กับปืนในยุคปัจจุบัน เวลาฝึกจึงต้องใช้แรงมากกว่า

เยี่ยเจ๋อเฟิงได้ฟังก็เก็บปืนลงอย่างว่าง่าย “ขอรับ ข้าน้อยจะจำไว้”

“จริงด้วย ข้านึกขึ้นได้ว่าแขนซ้ายเจ้าเคยได้รับบาดเจ็บ การฝึกระดับนี้หนักเกินไปหรอไม่? หากเจ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนต้องรีบบอกข้านะ”

เยี่ยเจ๋อเฟิงส่ายหน้าไปมา “พระชายาวางใจได้ ข้าหายดีแล้วขอรับ”

เมื่อพูดถึงบาดแผลจากคมดาบที่ซ่งเยว่อวี่ทิ้งไว้ ทั้งยังเป็นบาดแผลที่มีพิษอยู่ แต่โชคดีที่พิษไม่ร้ายแรง หลินซินแม่ของเขาก็รู้จักพิษนี้ แขนของเขาจึงหายดีได้

ในวันต่อๆมา เวลาที่อวิ๋นหลิงและเซียวปี้เฉิงมาฐานล่าสัตว์ก็ลดลงเรื่อยๆ พวกเขาไม่สามารถเข้าๆออกๆฐานล่าสัตว์หลวงได้ มิเช่นนั้นจะดึงดูดผู้ให้ความสนใจได้ง่าย

เยี่ยเจ๋อเฟิงยังคงฝึกอยู่ในฐานล่าสัตว์ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และยิ่งเมื่อเซียวปี้เฉิงไม่อยู่เขาก็ต้องรับภาระในการช่วยฝึกองครักษ์แปดคนที่เหลือ

เยี่ยเจ๋อเฟิงไม่ทันระวังปล่อยกระสุนพลาดเป้าจนทำให้แขนซ้ายชาอีกครั้ง เขากุมแขนซ้ายไว้พลางขมวดคิ้วแน่น

นับตั้งคราที่แล้ว เหตุการณ์เช่นนี้ก็เกิดถี่ขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งก็รู้สึกชาที่แขนซ้าย บางครั้งก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรงไปชั่วขณะ

ทว่าเยี่ยเจ๋อเฟิงไม่ได้คิดอะไรมาก คิดเพียงว่าคงเป็นเพราะปืนคาบศิลามีแรงดีดกลับมากเกินไป เขาจึงวางแผนกลับมาที่จวนอู๋อันกง เพื่อขอยาดองที่ช่วยเรื่องเลือดไหวเวียนและคลายเส้นเอ็นกับหลินซิน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ