วันนี้อวิ๋นหลิงได้ตามเซียวปี้เฉิงมายังฐานล่าสัตว์หลวง เพื่อฝึกฝนการยิงปืนให้กับเหล่าองครักษ์ลับ
ก่อนหน้านางใช้เวลาถึงสองวันในการอธิบายข้อบังคับและหลักการในการยิง ตามด้วยฝึกฝนการเล็งเป้าหมาย ส่วนที่เหลือก็เหลือเพียงการทดลองยิงกับกระสุนจริง
ความสามารถของเยี่ยเจ๋อเฟิงไม่เลวเลย ร่างกายก็แข็งแรงกำยำ ทั้งยังฝึกฝนอย่างหนัก
เขาคุ้นชินกับปืนคาบศิลาได้เร็วมาก ในบรรดาองครักษ์ลับ ความแม่นยำและประสิทธิภาพในการยิงของเขาเป็นรองเพียงเซียวปี้เฉิง
เมื่อถึงเวลาพลบค่ำ หญ้ายามสารทฤดูก็ถูกปกคลุมด้วยความมืด
อวิ๋นเดินไปหาเขายิ้มๆ “เจ้าทำได้ดีมาก หลังจากนี้ภายในวังจะมีเรื่องยุ่งเหยิงมากมาย หากปี้เฉิงปลีกตัวออกมาไม่ได้ การฝึกของพวกเขาก็มอบให้เจ้าจัดการแล้วกัน”
ปลายเดือนสิบสอง ช่างฝีมือจะส่งมอบปืนคาบศิลาชุดแรกจำนวนสองร้อยกระบอก
ประจวบกับช่วงนั้นเป็นช่วงส่งท้ายปี ในวังมีเรื่องวุ่นเต็มไปหมด หลังงานเลี้ยงอายุครบร้อยวันของต้าเป่าเอ้อร์เป่าจบลง ไม่นานก็ถึงวันพระราชสมภพของพระเจ้าหลวง รวมถึงงานเลี้ยงปีใหม่
ช่วงสิ้นปีของทุกปี ราชวงศ์ยังมีพิธีเซ่นไหว้ครั้งใหญ่ หลังจากนี้เซียวปี้เฉิงคงจะยุ่งจนปลีกตัวไม่ได้ ภาระการฝึกของค่ายปืนไฟ คงต้องมอบให้เยี่ยเจ๋อเฟิงจัดการชั่วคราว
เยี่ยเจ๋อเฟิงพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น “ข้าจะไม่ทำให้พระชายาผิดหวังแน่นอนขอรับ”
อวิ๋นหลิงแต่งตั้งให้เขาเป็นหัวหน้า มอบอำนาจอันดับสองรองจากเซียวปี้เฉิงให้เขา นี่ก็คือการให้ความไว้วางใจและให้ความสำคัญกับเขา
หลังให้คำมั่นสัญญา เยี่ยเจ๋อเฟิงก็ฝึกฝนหนักยิ่งกว่าเดิม จนกระทั่งเวลาในการฝึกฝนจบลง เขาก็ยังคงฝึกอยู่เช่นเดิม
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการซ้อมที่หนักจนเกินไป จนทำให้ขณะที่เขาจะยิงกระสุนนัดสุดท้ายกลับรู้สึกว่าแขนซ้ายมึนช้าไม่สามารถใช้แรงได้ และกระสุนนัดสุดท้ายนั่นก็พลาดเป้าในที่สุด
เซียวปี้เฉิงเมื่อเห็นเยี่ยเจ๋อเฟิงกุมไหล่ซ้ายพร้อมขมวดคิ้วแน่น ก็รีบบึ่งเดินเข้าไปถามด้วยความห่วงใย “เจ๋อเฟิง เจ้าเป็นอะไรไป?”
อาการชานั่นหายแทบจะหายไปในพริบตา ความรู้สึกแข็งแกร่งเริ่มกลับมาอีกครั้ง เยี่ยเจ๋อเฟิงคลายสีหน้าลงพร้อมส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่เป็นไรขอรับ ปืนคาบศิลานี่มีแรงดีดกลับค่อนข้างแรง ทำให้แขนข้าน้อยรู้สึกชานิดหน่อย”
อวิ๋นหลิงพูดขึ้น “พวกเจ้าเพิ่งคุ้นชินกับมันได้ไม่นาน ไม่ควรฝึกอย่างหักโหม มิเช่นนั้นจะมีผลกับร่างกายเอาได้ พวกท่านแค่ใช้กระสุนที่ข้าเตรียมไว้ให้หมดทุกวันก็พอแล้ว”
ปืนหินเหล็กไฟนี่เทียบไม่ได้กับปืนในยุคปัจจุบัน เวลาฝึกจึงต้องใช้แรงมากกว่า
เยี่ยเจ๋อเฟิงได้ฟังก็เก็บปืนลงอย่างว่าง่าย “ขอรับ ข้าน้อยจะจำไว้”
“จริงด้วย ข้านึกขึ้นได้ว่าแขนซ้ายเจ้าเคยได้รับบาดเจ็บ การฝึกระดับนี้หนักเกินไปหรอไม่? หากเจ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนต้องรีบบอกข้านะ”
เยี่ยเจ๋อเฟิงส่ายหน้าไปมา “พระชายาวางใจได้ ข้าหายดีแล้วขอรับ”
เมื่อพูดถึงบาดแผลจากคมดาบที่ซ่งเยว่อวี่ทิ้งไว้ ทั้งยังเป็นบาดแผลที่มีพิษอยู่ แต่โชคดีที่พิษไม่ร้ายแรง หลินซินแม่ของเขาก็รู้จักพิษนี้ แขนของเขาจึงหายดีได้
ในวันต่อๆมา เวลาที่อวิ๋นหลิงและเซียวปี้เฉิงมาฐานล่าสัตว์ก็ลดลงเรื่อยๆ พวกเขาไม่สามารถเข้าๆออกๆฐานล่าสัตว์หลวงได้ มิเช่นนั้นจะดึงดูดผู้ให้ความสนใจได้ง่าย
เยี่ยเจ๋อเฟิงยังคงฝึกอยู่ในฐานล่าสัตว์ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และยิ่งเมื่อเซียวปี้เฉิงไม่อยู่เขาก็ต้องรับภาระในการช่วยฝึกองครักษ์แปดคนที่เหลือ
เยี่ยเจ๋อเฟิงไม่ทันระวังปล่อยกระสุนพลาดเป้าจนทำให้แขนซ้ายชาอีกครั้ง เขากุมแขนซ้ายไว้พลางขมวดคิ้วแน่น
นับตั้งคราที่แล้ว เหตุการณ์เช่นนี้ก็เกิดถี่ขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งก็รู้สึกชาที่แขนซ้าย บางครั้งก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรงไปชั่วขณะ
ทว่าเยี่ยเจ๋อเฟิงไม่ได้คิดอะไรมาก คิดเพียงว่าคงเป็นเพราะปืนคาบศิลามีแรงดีดกลับมากเกินไป เขาจึงวางแผนกลับมาที่จวนอู๋อันกง เพื่อขอยาดองที่ช่วยเรื่องเลือดไหวเวียนและคลายเส้นเอ็นกับหลินซิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...
ชอบมากเลยค่ะ นางเอกเก่ง❤...