พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 238

หลินซินทำหน้ากังวลเล็กน้อย ถอนหายใจเอ่ยว่า “แม่รู้แล้ว เหตุใดวันนี้เจ้าถึงกลับจวนกะทันหัน?”

เยี่ยเจ๋อเฟิงปรับสีหน้าให้ดีขึ้น “ช่วงนี้ต้องฝึกซ้อมทหารในค่ายอย่างหนักขอรับ รบกวนท่านแม่ช่วยข้าเตรียมเหล้ายาคลายเส้นเอ็นหน่อยขอรับ”

เหล้ายาเป็นของทั่วไปที่หาได้ง่าย เพราะเขารู้ว่าช่วงนี้อวิ๋นหลิงยุ่งตัวเป็นเกลียว จึงไม่ได้ไปรบกวนอีกฝ่าย

หลินซินขานรับ จากนั้นก็ถามเขาด้วยความห่วงใย “ไฉนอยู่ดีๆจึงเอาเจ้าไปฝึกที่ค่ายได้? เจ้าไม่เป็นองครักษ์ข้างากยพระชายาจิ้งอ๋องแล้วหรือ?”

เรื่องบางเรื่องเยี่ยเจ๋อเฟิงไม่อาจบอกหลินซินได้ จึงตอบถูไถไปว่า “ใกล้สิ้นปีแล้ว ช่วงนี้ปี้เฉิงยุ่งมาก ต่อจากนี้ข้าจะรับช่วงต่อจากเขา ฝึกซ้อมทหารในค่าย อีกสักพักหนึ่ง ข้าคงไม่ได้กลับจวนหนึ่งเดือนกว่าแน่ขอรับ”

ช่วงนี้เซียวปี้เฉิงกำลังจัดตั้งค่ายลับสำหรับเก็บปืนไฟ หากรับทหารใหม่เข้าค่ายแล้ว เขาก็จะเริ่มฝึกซ้อมทหารชุดนี้ในรูปแบบตัดขาดจากภายนอกหนึ่งเดือนกว่า

อย่างไรเสียเยี่ยเจ๋อเฟิงก็ต้องบอกเรื่องนี้กับหลินซินอยู่แล้ว บังเอิญวันนี้กลับจวนอู๋กั๋วกงพอดี เยี่ยเจ๋อเฟิงจึงถือโอกาสบอกซะเลย

ใครจะไปคิดว่าเมื่อหลินซินได้ยินก็หน้าถอดสีทันควัน กล่าวด้วยน้ำเสียงตึงเครียดว่า

“เฟิงเอ๋อร์ เจ้าบอกความจริงแม่มา เกิดเรื่องที่ชายแดนแล้วใช่ไหม?”

เยี่ยเจ๋อเฟิงหน้าแข็งทื่อ ขมวดคิ้วถาม “ไยท่านแม่จึงถามเยี่ยงนี้?”

“ช่วงก่อนเสนาบดีเฟิงบริจาคเงินหนึ่งล้านตำลึงเพื่อผลิตหน้าไม้นี่ คนทั่วทั้งเมืองหลวงต่างพูดถึงเหตุการณ์ชายแดนกันทั้งนั้น” หลินซินไล่ถามด้วยความร้อนรนใจ “ตอนแรกแม่ก็ไม่เชื่อ แต่ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่ชายแดนจริง ไยเจ้าต้องไปฝึกทหารตอนสิ้นปีด้วย? ท่านพ่อเจ้ายังอยู่ที่ชายแดน หากเกิดเรื่องขึ้น เจ้าอย่าได้ปิดบังแม่เชียวน่ะ?”

เยี่ยเจ๋อเฟิงไม่คิดว่ามารดาจะความรู้สึกไวเช่นนี้ จึงทำหน้าจนปัญญาขึ้น

“ท่านแม่วางใจเถิด สถานการณ์ชายแดนยังมั่นคงอยู่ ถ้าเกิดเรื่องจริง ฝ่าบาทยังนั่งติดเก้าอี้อีกหรือ?”

“เจ้าบอกความจริงมา ไยต้องไปฝึกทหารในค่ายด้วย?”

เยี่ยเจ๋อเฟิงถอนหายใจยาวๆ “อันนี้เป็นพระบัญชาของฝ่าบาทขอรับ ผู้ใดจะคาดเดาความคิดของโอรสสวรรค์ได้ ท่านแม่วางใจเถิด อย่าคิดฟุ้งซ่านเลย”

เขากลัวหลินซินจะซักไซ้ไล่เลียงต่อ จึงหาข้ออ้างมาตอบสองสามประโยค จากนั้นก็อ้างว่าต้องกลับไปสะสางงานที่จวนจิ้งอ๋องต่อ

ทิ้งให้หลินซินยืนค้างกับที่ เรียกเยี่ยเจ๋อเฟิงด้วยใบหน้าร้อนรุ่มกลุ้มใจ ทว่าลูกรักกลับไม่ยอมหยุด จึงได้แต่ตบโต๊ะด้วยความหงุดหงิด

“ลูกโตแล้วก็ปีกกล้าขาแข็งเชียว เรื่องสำคัญแบบนี้ยังปิดบังแม่ตัวเองอีก”

ยามนี้สามีนางยังประจำการอยู่ที่ชายแดน นางรู้นิสัยสามีดี หากเกิดเรื่องจริง สามีต้องปิดบังนาง และเฝ้าปกปักรักษาชายแดนสุดชีวิตต่อแน่

ไม่รู้ว่าเหตุใดในเมืองหลวงถึงมีการฝึกซ้อมทหารอย่างเร่งด่วนเยี่ยงนี้ นางต้องเสาะหาข้อมูลมาให้จงได้

......

เยี่ยเจ๋อเฟิงกลับมายังจวนจิ้งอ๋อง เมื่อรู้ว่ามารดาของตนต้องไม่วางใจแน่ จึงได้เล่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างหลินซินกับฉู่อวิ๋นหานให้อวิ๋นหลิงฟังทั้งหมด

อวิ๋นหลิงเลิกคิ้วนิดๆ “ท่านอาจารย์หลินซินกับนางติดต่อเป็นการส่วนตัวด้วยหรือ?”

เยี่ยเจ๋อเฟิงทำหน้าคร่ำเครียด “ข้าน้อยก็พึ่งทราบ...”

อวิ๋นหลิงยิ้มน้อยๆปลอบใจเขา “ไม่ต้องกังวล เจ้ารายงานตามความจริงแล้ว ทำได้ดีมาก”

“ท่านอาจารย์แม่ชอบอวิ๋นหานมานานแล้ว ข้าคิดว่าหากฉู่อวิ๋นหานไปหานาง นางต้องติดต่อฉู่อวิ๋นหานต่อไปแน่”

เซียวปี้เฉิงครุ่นคิดชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวเสียงเคร่งขรึม

“หากเป็นเช่นนี้จริง เจ๋อเฟิง เจ้าก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็พอ ปล่อยให้พวกนางไปมาหาสู่กันต่อ ถ้าฉู่อวิ๋นหานมีการเคลื่อนไหวอะไร เจ้ารีบมารายงานพวกข้าโดยด่วน”

การที่ฉู่อวิ๋นหานเข้าหาหลินซิน ต้องมีเป้าหมายแอบแฝงแน่ เช่นนั้นก็ใช้แผนซ้อนแผน ถือโอกาสตรวจสอบอีกฝ่ายแล้วกัน

เยี่ยเจ๋อเฟิงทำหน้าตะลึง เข้าใจความหมายของเซียวปี้เฉิงทันที “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทราบแล้ว”

จากนั้นก็หารือเรื่องการฝึกยิงปืนคาบศิลาต่อ จากนั้นเยี่ยเจ๋อเฟิงก็ออกจากเรือนหลันชิง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ