ตอนที่หรงฉานเดินมาถึงประตูจวนจิ้งอ๋องก็เห็นคนคุ้นเคยอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ท่านอ๋อง ไยท่านถึงมาได้?”
นางเอ่ยปากถามด้วยความตกตะลึง แววตาเผยความดีใจที่แม้แต่นางเองก็ยังไม่รู้ตัว
รุ่ยอ๋องปรับอารมณ์ของตัวเองแล้ว ยกมุมปากตอบนางว่า “เอ่อ...เรื่องนั้นของเจ้า ข้ารู้แล้ว...ข้ามารับเจ้ากลับจวน”
“เรื่องของข้า เรื่องอันใด?”
เขาพูดไม่ชัดเจน หรงฉานทำหน้าฉงนสนเท่ห์ ยังไม่ทันตอบสนองก็ถูกรุ่ยอ๋องดึงขึ้นรถม้าแล้ว
“ด้านนอกหนาว เข้าไปในรถม้าก่อนแล้วค่อยคุยกัน...เมื่อครู่ข้าบอกว่าข้ารู้เรื่องที่เจ้าท้องสองเดือนแล้ว”
หรงฉานนั่งนิ่งในรถม้า ร่างกายแข็งทื่อ มองรุ่ยอ๋องแล้วรวบรวมความกล้าเอ่ยว่า
“เช่นนั้น...ท่านมารับข้าโดยเฉพาะหรือ?”
มีประกายแสงกระอักกระอ่วนแวบผ่านดวงตารุ่ยอ๋อง แต่เขาก็ยังคงพยักหน้าเบาๆ
ดวงตาหรงฉานสว่างไสว พูดตรง ๆ ว่า “ข้าคิดว่าท่านจะไม่ก้าวเข้าจวนจิ้งอ๋องทุกกรณีเสียอีก”
อคติที่รุ่ยอ๋องมีต่ออวิ๋นหลิง...ไม่ถูกสิ ต้องบอกว่าความกลัวถึงจะเหมาะสม
นางรู้ว่ารุ่ยอ๋องกลัวอวิ๋นหลิงมาโดยตลอด เวลาออกไปไหนมักจะเลี่ยงใช้เส้นทางที่ผ่านจวนจิ้งอ๋อง แต่ไม่นึกเลยว่าพอเขาทราบเรื่องนางท้องก็มารับนางที่จวนจิ้งอ๋องด้วยตัวเอง
แสดงว่าในใจรุ่ยอ๋อง นางก็เป็นบุคคลสำคัญเหมือนกัน?
รุ่ยอ๋องกระแอมเสียง เพราะละอายแก่ใจจึงเหม่อลอยเล็กน้อย “เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ข้าย่อมต้องมารับด้วยตัวเองอยู่แล้ว”
หรงฉานได้ยินก็ยิ้มหน้าซื่อให้เขา
“ขอบคุณท่านมาก ท่านรุ่ยอ๋อง”
ไม่ว่าอย่างไร เมื่อมีคนเห็นความสำคัญของนาง นางต้องดีใจอยู่แล้ว
จะว่าไปรุ่ยอ๋องก็ดีต่อนางเสมอมา ไม่เคยทำให้นางต้องช้ำใจ ถึงแม้พวกเขาสองคนยังไม่ปฏิพัทธ์มีใจให้กัน แต่หรงฉานรู้สึกว่า ถ้าเป็นแบบนี้ตลอดไปก็ไม่ต้องกังวลสิ่งใดอีก
พี่ชายมักบอกนางเสมอว่าใต้หล้านี้ยากจะหาสามีภรรยารักใคร่กันเฉกเช่นบิดามารดา สามีภรรยาทั่วไป ขอแค่ให้เกียรติและเคารพซึ่งกันและกันไปจนวันตาย เช่นนี้ก็เป็นความสุขที่หายากแล้ว
หรงฉานถูกเลี้ยงดูอย่างดีตั้งแต่เด็ก มีนิสัยไร้เดียงสาและมองโลกในแง่ดี เมื่อรู้สึกปลงกับเรื่องนี้แล้ว ความตึงเครียดและทำตัวไม่ถูกหลังทราบว่าตั้งท้องก็เลือนหายไป
รุ่ยอ๋องมองใบหน้าแย้มยิ้มของนางอยู่นาน ผ่านไปสักพักจึงละสายตา พูดช้าๆว่า “อันที่จริง...พวกเราแต่งงานกันนานแล้ว เจ้าไม่ต้องเรียกห่างเหินเช่นนี้ก็ได้”
เขาเองก็เพิ่งสังเกตว่าแต่งงานมาครึ่งปีแล้ว แต่หรงฉานยังเรียกเขาว่าท่านอ๋องรุ่ยดุจเดิม
“ออ” หรงฉานขานรับ เอียงหน้าครุ่นคิด “งั้นข้าเรียกท่านว่าเสี่ยวอวี้ก็แล้วกัน”
เรียกสามีก็ไม่เหมาะ แต่จะให้เรียกท่านพี่ก็พูดไม่เต็มปาก เพราะนางมีพี่ชายอยู่แล้ว
รุ่ยอ๋องรู้สึกว่าคำเรียกนี้แปลกๆ แต่เมื่อหรงฉานเป็นคนเสอน จึงไม่ได้ทักท้วงสิ่งใด
ภายในรถม้า พวกเขาสองคนคุยกันอย่างลื่นไหลบ้าง ติดขัดบ้าง แต่รุ่ยอ๋องก็รู้สึกผ่อนคลายโดยไม่รู้ตัว
เขารู้สึกว่าเวลาอยู่กับหรงฉานแล้วสบายกายสบายใจยิ่ง ไม่ได้รู้สึกกดดันจนเกือบหายใจไม่ออกเหมือนตอนอยู่กับอวิ๋นหลิง และไม่เหมือนตอนอยู่กับฉู่อวิ๋นหาน เพราะมักจะรู้สึกว่าเข้าไปไม่ถึงหัวใจของฉู่อวิ๋นหาน
หรงฉานไม่มีเล่เหลี่ยม คุยกับเขาอย่างเปิดเผย แต่ไม่โอหังเหมือนองค์หญิงหก และไม่ขี้อายมากเหมือนเวินหวยหยูจวิ้นจู่
ยิ่งไปกว่านั้น เขาพบว่าเวลาแม่นางผู้นี้คลี่ยิ้ม สองแก้มมีลักยิ้มปรากฏออกมา น่ารักเหลือเกิน
เมื่อมาถึงหน้าประตูจวนรุ่ยอ๋อง รุ่ยอ๋องแหวกม่านรถม้าออกก็เห็นฉู่อวิ๋นหานยืนอยู่แต่ไกล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...
ชอบมากเลยค่ะ นางเอกเก่ง❤...