พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 249

พูดง่ายๆก็คือ เจ้าของร่างของหลิวฉิงเป็นคนรักในวัยเด็กของจักรพรรดิเป่ยฉิน อีกทั้งยังมีความรักลึกซึ้งต่อจักรพรรดิฉิน

ทางเป่ยฉินมีตระกูลซู สมุหราชเลขาธิการซูมักใหญ่ใฝ่สูง บางทีอาจจะเลียนแบบตระกูลฟงแห่งซีโจว ความแตกต่างคือตระกูลซูต้องการพิชิตบัลลังก์จริงๆ

"จักรพรรดิชั่วขึ้นครองบัลลังก์เมื่ออายุได้สิบเอ็ดปี เขากลัวว่าจะต้องกลายเป็นหุ่นเชิดของตระกูลซู ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการได้ช่วยเหลือเขามาตลอด แต่อาการหลงผิดหวาดระแวงนั้นรุนแรงมาก ต่อให้เจ้าลงมือรักษาก็ไม่อาจรักษาได้ มองผู้ใดก็ขวางหูขวางตาไปหมด ทั้งยังระแวงท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการคิดจะแบ่งชิงบัลลังค์เขาตลอดเวลา”

ตระกูลฟงและท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด ดังนั้นจึงจงใจปราบปรามกองทัพสกุลฟงเพื่อฟื้นอำนาจทางทหารเขา กระทั่งไม่ลังเลด้วยซ้ำว่าจะใส่ร้ายแม่ทัพผู้ภักดีว่าเป็นคนขายชาติ

"ขณะที่จักรพรรดิชั่วกำลังเสแสร้งนั้น ก็พอดีกับที่ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการไม่อยู่ในเป่ยฉิน จึงทำให้เขาลงมือได้ราบรื่น แม่ทัพอาวุโสฟงหวังว่าจักรพรรดิชั่วจะเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าแก่ช่วยฟงเสี่ยวเม่ยให้รอดพ้นสถานการณ์อันยากลำบาก"

คาดไม่ถึงว่าจักรพรรดิฉินจะเอาแต่ยุ่งอยู่กับการยึดอำนาจทั้งวัน จนลืมฟงเสี่ยวเม่ยในวังเย็นไปเสียสนิท รอเมื่อได้สติกลับมา อีกฝ่ายก็ถูกพระสนมแห่งตระกูลซูทรมานจนสิ้นไปเสียแล้ว

"ทันทีที่ลืมตาขึ้นมา พระสนมซูผู้นั้นก็จิกหัวทั้งยังข่วนหน้าข้า และบังคับให้ข้ากลืนงูเป็นๆลงไป แน่นอนว่าข้าเองก็ทนไม่ได้ พุ่งเข้าไปหานางจนนางลอยกระเด็นไปไกลถึงสามเมตร ต้องนอนรักษาตัวบนเตียงลุกไม่ขึ้นกว่าครึ่งเดือน มาคิดดูก็ยังคงโกรธไม่หาย หากยามนั้นมือเท้าข้าไวกว่านี้ ก็คงจะหักกระดูกนางไปแล้ว”

อวิ๋นหลิงคิดบัญชีพระสนมซูไว้ในใจ พี่ฉิงยามที่ต่อสู้จะไม่ตบหรือข่วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี นางก็มักจะโจมตีอย่างหนักเสมอ

จากที่หลิวฉิงอธิบายมา หลังจากตื่นขึ้นมาก็ได้รับความทรงจำมา จำได้ว่าจักรพพรรดิชั่วและสนมโปรดของเขาล้วนแต่ไม่ใช่คนดี เดิมทีคิดอยากจะฆ่าทั้งสองในทันที แต่คาดไม่ถึงว่าพลังจิตของนางกลับมีปัญหา จึงจบลงด้วยความล้มเหลว

“ต่อมาพระพันปีผู้นั้นก็คอยบงการอยู่ข้างๆมาเสมอ ยืนกรานให้จักรพรรดิชั่วออกราชโองการประหารข้า ยามนั้นข้าปวดหัวเป็นอย่างมาก เสียงดังจนน่าหงุดหงิด จึงไม่อาจทนไหวต่อยนางไปหนึ่งหมัด จนฟันหักไปสองซี่ คำพูดที่เอ่ยออกมา ยิ่งฟังก็ยิ่งหงุดหงิด”

"เมื่อก่อเรื่องจนเรื่องราวลุกลามใหญ่โต แต่จักรพรรดิชั่วอยู่ๆก็ค้นพบความรู้สึกผิดชอบชั่วดีขึ้นมา คาดไม่ถึงว่าจะช่วยข้าไว้"

แต่หลิวฉิงกลับมิอาจปล่อยอีกฝ่ายไปได้

"ในช่วงวันที่ข้าถูกตัดสิน ข้าคิดถึงสาเหตุของความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า และรู้สึกว่าเจ้ากับน้องเล็กพูดถูก ข้าไม่ควรหุนหันพลันแล่น ดังนั้นจึงใช้ขบคิดเกี่ยวกับแผนอย่างละเอียดและสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น”

แปลกใจไม่น้อยที่พบว่าอุกกาบาตที่ตกลงมาจากท้องฟ้าสามารถหล่อเลี้ยงพลังจิตได้ หลิงฉิงจึงได้รู้สึกสงบลงไปชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นเขาก็เลือกเดือนที่มืดมิดลมพัดแรง โดยวางแผนที่จะปาดคอของพระสนมซูเสียก่อน จากนั้นค่อยส่งจักรพรรดิชั่วตามไป

คาดไม่ถึงว่าจะเจอมือสังหารที่ลอบเข้าไปในวัง จนบังเอิญไปช่วยท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการที่เพิ่งกลับมายังเมืองหลวงเข้า

“ตอนนั้นขาและเท้าของข้าไม่ค่อยดีนัก ไม่ทันระวังไปทับท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการเข้า จากนั้นพระสนมซูก็พล่ามต่อหน้าผู้คนมากมาย บอกว่าข้ากับท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการลอบมีสัมพันธ์ส่วนตัว พระพันปีเองก็โกรธเสียจนร้องเสียงแหลม"

“เพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของข้า ข้าจึงทำได้เพียงต้องบอกพวกเขา ข้าไม่ได้ลอบออกไปพบท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการในตอนกลางคืนเป็นการส่วนตัว แต่ไปเพื่อฆ่านางและจักรพรรดิชั่ว เมื่อพระพันปีฟังจบก็เป็นลมหมดสติไป แต่ข้าเองไม่ได้โกหกนี่นา”

สองหน้านี้ เซียวปี้เฉิงอ่านพอเข้าใจอยู่บ้าง เมื่อมองไปเห็นสายตาของอวิ๋นหลิงที่จู่ๆก็แฝงไปด้วยความยินดี

ที่แท้สิ่งที่อวิ๋นหลิงบอกเขาในคราแรก ว่าตนเป็นคนที่สง่างามและเข้ากับคนง่ายที่สุดในองค์กร วาจานี้นางไม่ได้โกหกเขา

เซียวปี้เฉิงอดไม่คิดไม่ได้ว่า โชคดีที่คนที่เขาพบในคราแรกคืออวิ๋นหลิง ไม่เช่นนั้นก็ไม่แน่ว่าตนจะมีชีวิตรอดจนตอนนี้หรือไม่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ