แม่นมเหอเยว่พยักหน้าขานรับ “บ่าวรู้ว่าควรทำเช่นไรแล้วเพคะ”
หวงกุ้ยเฟยสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อปรับอารมณ์ตัวเอง ก่อนจะถามว่า “อวี้จือไปไหนแล้ว?”
“ท่านอ๋องมาเยี่ยนพระสนมแต่เช้า แต่เมื่อครู่องค์หญิงเก้าอยู่ในตำหนักเว่ยยาง บ่าวจึงไม่ให้เขาเข้ามาเพคะ”
แม่นมเหอเยว่เก็บเศษแก้วบนพื้นอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็รินน้ำชาอุ่น ๆ ให้หวงกุ้ยเฟยอีกแก้ว
“ช่วงนี้ท่านอ๋องไม่ได้ไปจวนจิ้งอ๋องเพคะ เขาเข้าออกโรงหมอหลวงเพราะอาการป่วยของพระสนมเพคะ ดูแล้วรู้สึกผอมลงนิดหน่อยเพคะ”
ได้ยินดังนี้หวงกุ้ยเฟยจึงเผยรอยยิ้มออกมา
“ไม่เสียแรงที่ข้าเลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่”
แม่นมเหอเยว่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ท่านอ๋องย่อมใส่ใจพระสนมอยู่แล้ว มีวิธีที่จะทำให้เขาอยู่ห่างจากจวนจิ้งอ๋องมากมาย หากใช้ไม้แข็งจะทำลายความสัมพันธ์ของแม่ลูกได้ อย่างเช่นเรื่องครั้งนี้ก็ทำให้พระสนมสมหวังแล้วไม่ใช่หรือเพคะ?”
หวงกุ้ยเฟยเป็นคนโมโหง่าย รู้สึกแน่นหน้าอกเป็นประจำ แต่ไม่ร้ายแรงอันใด
ก่อนหน้านี้แม่นมเหอเยว่พูดรุนแรงขนาดนั้น เพราะต้องการให้เยี่ยนอ๋องเข้าใจว่าเขาทำให้หวงกุ้ยเฟยล้มป่วย ทั้งยังไม่วายใส่ร้ายป้ายสีอวิ๋นหลิงอีกด้วย
หวงกุ้ยเฟยพูดด้วยรอยยิ้มพอใจ “เหอเยว่ ต่อไปก็งัดวิธีแบบนี้ออกมาใช้บ่อยๆหน่อยนะ”
“พระสนมชมเกินไปแล้ว ท่านเยี่ยนอ๋องคลุกคลีกับจิ้งอ๋องตั้งแต่เด็ก แล้วพระชายาจิ้งอ๋องก็รักษาขาของท่านอ๋องจนหายดี เขาย่อมต้องซาบซึ้งอยู่แล้วเพคะ”
แม่นมเหอเยว่แย้มยิ้มเกลี้ยกล่อมหวงกุ้ยเฟยอย่างไม่รีบร้อน
“เรื่องนี้พวกเราจะใจร้อนไม่ได้เพคะ พวกเราต้องอดทน ถ้าเวลาผ่านไป ท่านเยี่ยนอ๋องต้องเริ่มห่างเหินพวกเขาแน่เพคะ แล้วพระสนมก็ยังมีคุณหนูรองหลี่เป็นกำลังเสริมอีกแรง ไม่ต้องกังวลว่าท่านเยี่ยนอ๋องจะแยกแยะว่าควรเข้าหาผู้ใดและควรอยู่ห่างผู้ใดแล้วเพคะ”
ประโยคนี้เป็นการตักให้หวงกุ้ยเฟยรู้ว่าเรื่องแต่งงานของเยี่ยนอ๋องจะชักช้าไม่ได้
“เจ้าพูดถูก อีกสองสามวันข้าจะคุยเรื่องแต่งงานของอวี้จือกับฝ่าบาทด้วยตัวเอง ทางที่ดีควรแต่งหลังตรุษจีนเลย”
พระชายาเยี่ยนอ๋องที่นางคัดสรรไว้คือคุณหนูรองของตระกูลหลี่ แม่นางผู้นี้สุภาพเรียบร้อย เป็นคนดี สิ่งสำคัญที่สุดคือกตัญญูต่อผู้ใหญ่ยิ่ง
หวงกุ้ยเฟยเคยเห็นคุณหนูรองหลี่หลายครั้งแล้ว อีกฝ่ายไม่เคยถกเถียงนางสักครั้ง นางรู้สึกพอใจมาก
หลังแต่งงาน หากดรุณีผู้นี้คอยช่วยเหลือก็สามารถปรับแก้นิสัยของเยี่ยนอ๋องได้แน่
......
ระยะทางจากตำหนักเว่ยยางกลับไปยังตำหนักแสงซีนั้นต้องผ่านสวนหลวง
ตี้หวู๋เหยาเดินออกจากตำหนักเว่ยยางแล้วก็เชิดหน้าสั่งนางกำนัลด้านหน้าเสียงเด็ดขาดว่า
“ข้ารู้จักทาง พวกเจ้าไม่ต้องตามข้ากลับตำหนักแสงซี”
หลังจากไม่มีนางกำนัลติดตามแล้ว นางเดินมาถึงภูเขาจำลองในสวนหลวงก็ถอดหน้ากากผู้เย่อหยิ่งสูงศักดิ์ทิ้ง จากนั้นก็กระโดดโลดเต้นในสวนหลวง
แคว้นตงฉู่ติดทะเล อากาศอุ่นตลอดทั้งปี ตอนฤดูหนาวก็ไม่เคยมีหิมะตกมาก่อน
ได้ยินว่าแคว้นเป่ยฉินมีหิมะตกตลอดทั้งปี แต่นางไม่เคยไปแคว้นเป่ยฉิน ยามนี้จึงเห็นหิมะตกที่แคว้นต้าโจวเป็นครั้งแรก
เพราะไม่มีคนอยู่ นางจึงไม่จำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์ขององค์หญิงไว้ เกิดนึกสนุกขึ้นมา
แต่นางเพิ่งกำหิมะขึ้นก็มีฝ่ามือใหญ่ลากนางไปยังภูเขาจำลองแล้ว
“กรี๊ด”
นางส่งเสียงร้องตามสัญชาตญาณ แต่อีกฝ่ายกลับปิดปากนางไว้
ชายหนุ่มขู่นางด้วยความร้อนรน “ห้ามตะโกน”
ตี้หวู่เหยาเห็นว่าเป็นผู้ใดแล้วก็ชะงักงัน กระพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะพูดด้วยความงวยงง “ท่าน...ท่านเยี่ยนอ๋อง?”
นางจำชายหนุ่มผู้นี้ได้ คืนนี้นางดีดพิณ อีกฝ่ายเป็นคนแรกที่ปรบมือชื่นชมนาง
อีกฝ่ายหน้าตาหมดจด ท่าทางสง่างาม ตี้หวู๋เหยารู้สึกดีต่อเขาเล็กน้อย
นางพบว่าเยี่ยนอ๋องจับเอวนางไปพิงศิลาภูเขาอันเย็นเฉียบ ท่าทางนี้แลดูเชิงหนุ่มสาวพลอดรัก ตี้หวู๋เหยาจึงอดหน้าแดงระเรื่อไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...