พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 274

เมื่อเยี่ยนอ๋องได้ยินว่ามีเรื่องด่วนก็รีบออกจากวังทันที

เขาใช้เดินทางไปยังจวนจิ้งอ๋องโดยเร็วที่สุด ซึ่งอวิ๋นหลิงกับเซียวจิ้งเป่ยรอเขาที่ห้องโถงแล้ว

“พี่สาม พี่สะใภ้สาม มีธุระด่วนใดต้องการพบข้าหรือ?”

เซียวปีเฉิงเห็นเขามาก็ไม่อ้อมค้อม ถามโดยตรงว่า “อวี้จือ สามปีก่อนข้าสั่งให้ลูกน้องไปขอกำลังเสริมจากเจ้าเมืองเมืองสุย เจ้าเป็นคนสุดท้ายที่มอบจดหมายและตราพยัคฆ์ให้เจ้าเมืองใช่ไหม?”

เยี่ยนอ๋องมึนงง ตอบทันทีว่า “ข้าเอง เหตุใดพี่สามถึงถามเรื่องนี้ได้?”

“หลังจากนั้นตราพยัคฆ์ก็หายไป เจ้าเป็นคนทำหายใช่หรือไม่?”

เยี่ยนอ๋องหวนนึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าเก้อเขิน “เอ่อ...อันที่จริงข้าทำหายก่อนส่งจดหมายถึงเจ้าเมืองแล้ว โชคดีที่ตอนนั้นข้ามีป้ายทองที่เสด็จพ่อประทานให้ จึงสั่งให้เจ้าเมืองจัดกำลังพลให้อย่างไม่เสียเวลา”

อวิ๋นหลิงกับเซียวปี้เฉิงได้ยินประโยคนี้ก็สบตากัน ก่อนจะมองเยี่ยนอ๋องด้วยแววตาลุ่มลึก

“ทำไม...ทำไมหรือพี่สาม วันนี้ท่านจะตำหนิข้าด้วยเรื่องนี้หรือ?”

เยี่ยนอ๋องเห็นสายตาของสองผัวเมียคู่นี้แล้วก็ขนลุกพอง เริ่มทำตัวไม่ถูก

“ข้ายอมรับ...ตอนนั้นข้าเพิ่งเข้าเป็นทหารไม่นาน แต่ดันทำผิดมหันต์เยี่ยงนี้ จึงไม่กล้าสารภาพกับพี่สาม...แต่เรื่องก็ผ่านไปนานแล้วนี่”

เซียวปี้เฉิงมองเขาพร้อมกับเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ถามต่อไปว่า “แล้วเจ้ายังจำได้ไหมว่าตราพยัคฆ์นั้นหายไปได้อย่างไร?”

“ข้าเองก็ไม่รู้ อาจจะตกหายที่โรงเตี๊ยม แต่หลังจากนั้นข้าให้คนไปหา เถ้าแก่ก็บอกว่าไม่มี”

ไม่รู้เพราะเหตุใด เยี่ยนอ๋องรู้สึกว่าแววตาที่พี่สามมองเขาในวันนี้แปลก ๆ ถึงแม้จะเป็นรอยยิ้มอ่อนโยน แต่ก็ยังรู้สึกน่าสะพรึงกลัวอยู่ดี

เยี่ยนอ๋องพูดเสียงหวาดหวั่น “พี่สาม...ท่านรีบร้อนเรียกข้ามาเพราะเหตุใด?”

อวิ๋นหลิงถอนหายใจ “อวี้จือ พวกเราเรียกเจ้ามาเพราะอยากคุยเรื่ององค์หญิงเก้าแห่งแคว้นตงฉู่”

นางเปรยเรื่องมีคนช่วยชีวิตองค์หญิงเก้าที่เมืองสุย แล้วตอนนี้ก็เอาตราพยัคฆ์มาตามหาเจ้าของให้ฟังหนึ่งรอบ

เยี่ยนอ๋องยืนฟังแล้วหยาดเหงื่อก็ไหลพรั่งพรู จากนั้นก็ฉุกคิดอะไรได้ เผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมา

เซียวปี้เฉิงเห็นการตอบสนองของเขาแล้วก็รู้ว่าผู้ที่ช่วยองค์หญิงเก้าเมื่อสามปีก่อนน่าจะเป็นเขา จึงขบฟันด้วยความกรุ่นโกรธ

“แสดงว่าเจ้าเป็นคนช่วยองค์หญิงเก้าในตอนนั้นใช่หรือไม่? แล้วเหตุใดก่อนหน้านี้เจ้าถึงทำหน้าไม่รู้เรื่องอะไรเลย?”

เซียวปี้เฉิงนึกถึงความทุกข์ที่โดนภรรยาเฉยเมยก็อยากกระทืบเยี่ยนอ๋องเหลือเกิน

เยี่ยนอ๋องพูดพึมพำ “ข้าไม่รู้...ข้าไม่รู้จริงๆ...ตอนนั้นข้าไม่รู้สถานะนาง หน้าตานางในตอนนั้นกับตอนนี้ก็ต่างกันราวฟ้ากับดิน...”

สามปีก่อน เขาไปหาเซียวปี้เฉิงที่ค่ายทหารในเมืองสุย ระหว่างทางเห็นทหารคนสนิทพร้อมกับเฉียวเย่โดนชาวทูเจวียไล่ล่า

หลังจากเขาซักถามแล้วก็รู้ว่าสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤต จำเป็นต้องให้เจ้าเมืองสุยส่งกำลังไปสมทบ เขาจึงอาสานำตราพยัคฆ์ไปส่งเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของข้าศึก

เพราะเยี่ยนอ๋องต้องการส่งข่าวไปถึงเมืองสุยโดยเร็ว จึงนำตราพยัคฆ์และจดหมายติดตัวแล้วใช้ทางลับของป่าลึก ระหว่างทางได้ช่วยชีวิตเด็กสาวที่ตาบอดจากมือพ่อค้าขายทาสได้หนึ่งคน

อีกฝ่ายน่าจะมีอายุสิบสามหรือสิบสี่ปี ฟังจากสำเนียงแล้วไม่ใช่คนในท้องถิ่น และไม่รู้ว่าถูกลักพาตัวจากที่ใด

พ่อค้าขายทาสกลัวเหยื่อจะหลบหนี จึงใช้ยาให้เหยื่อมองไม่เห็นชั่วคราว

เยี่ยนอ๋องเห็นอีกฝ่ายน่าสงสาร จึงแบกข้ามภูเขา ระหว่างทางยังต้องหลบหนีการจับกุมของพ่อค้าขายทาสกับชาวทูเจวียด้วย แต่ก็สามารถไปถึงเมืองสุยอย่างหวุดหวิด

อวิ๋นหลิงเห็นผู้ที่ติดหนี้สามงามไม่ใช่ผู้ชายของตัวเองก็เลิกคิ้วขึ้น รู้สึกโล่งอก และเริ่มสนใจเรื่องชาวบ้านขึ้นมา

“แล้วองค์หญิงเก้าบอกว่าเจ้าเคยเห็นร่างกายของนาง และยังสัญญากับนางไว้ด้วย มันคืออะไร?”

เยี่ยนอ๋องร่างกายแข็งทื่อ “เอ่อ...”

ตอนนั้นเขาเร่งเดินทางยามวิกาล เขาแบกสาวน้อยผู้นั้นแล้วพลัดตกลงแม่น้ำ

เมื่อหาโรงเตี๊ยมเจอก็เห็นอีกฝ่ายไข้สูงและหมดสติไป จึงถือวิสาสะเปลี่ยนเสื้อให้นาง

“ตอนนั้นนางอายุแค่สิบสามสิบสี่ปี หน้าอก...ยังใหญ่ไม่เท่าข้าเลย ข้าไม่รู้ว่านางเป็นสตรี เลยเปลี่ยนเสื้อให้นาง”

แต่หลังจากเยี่ยนอ๋องถอดกางเกงของอีกฝ่ายหมดแล้วถึงรู้ว่าน้องชายผู้นี้ไม่มีน้องชาย

หลังจากตี้หวู๋เหยาฟื้นขึ้นมา ถึงแม้ยังมองไม่เห็น แต่ก็ตบหน้าเขาแรง ๆ ได้อย่างแม่นยำ ต่อด้วยร้องไห้ไม่หยุด

“ตอนนั้นข้าบอกนางว่าดวงตาข้าก็โดนยาพิษของพ่อค้าขายทาสด้วย ข้ามองอะไรไม่ค่อยเห็น แต่นางก็ยังร้องไห้อยู่”

ได้ยินสิ่งที่เยี่ยนอ๋องเล่ามา อวิ๋นหลิงจึงเข้าใจว่าเหตุใดองค์หญิงเก้าจึงมั่นใจว่าเซียวปี้เฉิงเป็นคนที่ช่วยนาง

“นางร้องไห้จนข้าไม่รู้จะทำยังไง แล้วยังต้องเร่งไปส่งจดหมายให้เจ้าเมืองอีก จึงรับปากว่าจะอนาคตจะแต่งงานกับนาง ใครจะไปคิดว่าข้ากลับจากจวนเจ้าเมือง นางก็หายตัวไปแล้ว”

เขาคิดว่าตัวเองทำตราพยัคฆ์ตายมาโดยตลอด ตอนนี้ถึงนึกถึงได้ว่าเขาน่าจะซ่อนไว้ในกระเป๋าเสื้อตัวใน แต่เขาดันเอาให้ตี้หวู๋เหยาใส่ ตราพยัคฆ์จึงตกไปอยู่ในมือนาง

เมื่อเซียวปี้เฉิงรู้ว่าตัวเองเป็นแพะรับบาปของผู้ใดแล้ว ก็เก็บอารมณ์อยู่ ปล่อยหมัดชกเยี่ยนอ๋องจนหน้าบวมปูด

“ข้าเกือบโดนเจ้าทำให้ฉินหายแล้ว”

เยี่ยนอ๋องเอามือบังหน้าแล้วโอดครวญ “ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าจำนางไม่ได้จริงๆ”

หน้าตาของตี้หวู๋เหยาในตอนนี้กับเด็กน้อยที่ดูเพศไม่ออกในตอนนั้นต่างกันอย่างลิบลับ ไม่มีใครคิดว่าเป็นคนเดียวกันได้หรอก

อวิ๋นหลิงหัวเราะบนความทุกข์ของคนอื่น ในใจภาวนาว่าหวงกุ้ยเฟยโพนทะนาเรื่องนี้ให้รู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองจะดีที่สุด

“ดูเหมือนเสด็จแม่จะมีลูกสะใภ้เป็นองค์หญิงแคว้นตงฉู่แล้ว”

หวงกุ้ยเฟยอยากสร้างปัญหากวนใจนางดีนัก สุดท้ายแล้วผู้ใดจะเป็นคนหัวปวดก็ยังไม่แน่ชัด

เยี่ยนอ๋องได้ยินประโยคนี้ ทันใดนั้นก็ฉุกคิดเรื่องที่เขาทำกับตี้หวู๋เหยาตอนกลางวันนี้ ร่างกายพลันแข็งทื่อขึ้นมา

อวิ๋นหลิงเริ่มจิบน้ำชาอย่างสบายใจหายห่วง ไม่ได้รีบเข้าวังไปลบล้างมลทิน เพราะนางจะรอให้หวงกุ้ยเฟยทำเรื่องนี้ให้เอิกเกริกใหญ่โตก่อน

เยี่ยนอ๋องทำเรื่องงามหน้าไว้ ไม่กล้ากลับเข้าวัง จึงขอพักค้างแรมที่จวนจิ้งอ๋อง

......

ดังคาด ฝูกงกงมาถึงจวนจิ้งอ๋องด้วยใบหน้ากลุ้มใจอย่างรวดเร็ว

“ท่านจิ้งอ๋อง พระชายาจิ้ง แย่แล้ว ไทเฮาต้องการพบพวกท่านสองคน รีบเข้าวังไปดูเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

อวิ๋นหลิงกับเซียวปี้เฉิงรู้เหตุกาณ์อย่างแจ่มแจ้ง ล้วนไม่ได้ร้อนรนใจกันทั้งคู่

แต่เยี่ยนอ๋องกลับทำหน้าลุกลน รีบถามว่า “ฝูกงกง เกิดอะไรขึ้น?”

“ปัดโธ่เอ้ย”

ฝูกงกงส่ายหน้า ถอนหายใจอย่างจนปัญญา

“เช้านี้ในวังมีข่าวนี้ของท่านจิ้งอ๋องกับองค์หญิงเก้าอย่างหนาหู...ตอนนี้ไทเฮาก็ได้ยินแล้วด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ