เมื่อเยี่ยนอ๋องได้ยินว่ามีเรื่องด่วนก็รีบออกจากวังทันที
เขาใช้เดินทางไปยังจวนจิ้งอ๋องโดยเร็วที่สุด ซึ่งอวิ๋นหลิงกับเซียวจิ้งเป่ยรอเขาที่ห้องโถงแล้ว
“พี่สาม พี่สะใภ้สาม มีธุระด่วนใดต้องการพบข้าหรือ?”
เซียวปีเฉิงเห็นเขามาก็ไม่อ้อมค้อม ถามโดยตรงว่า “อวี้จือ สามปีก่อนข้าสั่งให้ลูกน้องไปขอกำลังเสริมจากเจ้าเมืองเมืองสุย เจ้าเป็นคนสุดท้ายที่มอบจดหมายและตราพยัคฆ์ให้เจ้าเมืองใช่ไหม?”
เยี่ยนอ๋องมึนงง ตอบทันทีว่า “ข้าเอง เหตุใดพี่สามถึงถามเรื่องนี้ได้?”
“หลังจากนั้นตราพยัคฆ์ก็หายไป เจ้าเป็นคนทำหายใช่หรือไม่?”
เยี่ยนอ๋องหวนนึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าเก้อเขิน “เอ่อ...อันที่จริงข้าทำหายก่อนส่งจดหมายถึงเจ้าเมืองแล้ว โชคดีที่ตอนนั้นข้ามีป้ายทองที่เสด็จพ่อประทานให้ จึงสั่งให้เจ้าเมืองจัดกำลังพลให้อย่างไม่เสียเวลา”
อวิ๋นหลิงกับเซียวปี้เฉิงได้ยินประโยคนี้ก็สบตากัน ก่อนจะมองเยี่ยนอ๋องด้วยแววตาลุ่มลึก
“ทำไม...ทำไมหรือพี่สาม วันนี้ท่านจะตำหนิข้าด้วยเรื่องนี้หรือ?”
เยี่ยนอ๋องเห็นสายตาของสองผัวเมียคู่นี้แล้วก็ขนลุกพอง เริ่มทำตัวไม่ถูก
“ข้ายอมรับ...ตอนนั้นข้าเพิ่งเข้าเป็นทหารไม่นาน แต่ดันทำผิดมหันต์เยี่ยงนี้ จึงไม่กล้าสารภาพกับพี่สาม...แต่เรื่องก็ผ่านไปนานแล้วนี่”
เซียวปี้เฉิงมองเขาพร้อมกับเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ถามต่อไปว่า “แล้วเจ้ายังจำได้ไหมว่าตราพยัคฆ์นั้นหายไปได้อย่างไร?”
“ข้าเองก็ไม่รู้ อาจจะตกหายที่โรงเตี๊ยม แต่หลังจากนั้นข้าให้คนไปหา เถ้าแก่ก็บอกว่าไม่มี”
ไม่รู้เพราะเหตุใด เยี่ยนอ๋องรู้สึกว่าแววตาที่พี่สามมองเขาในวันนี้แปลก ๆ ถึงแม้จะเป็นรอยยิ้มอ่อนโยน แต่ก็ยังรู้สึกน่าสะพรึงกลัวอยู่ดี
เยี่ยนอ๋องพูดเสียงหวาดหวั่น “พี่สาม...ท่านรีบร้อนเรียกข้ามาเพราะเหตุใด?”
อวิ๋นหลิงถอนหายใจ “อวี้จือ พวกเราเรียกเจ้ามาเพราะอยากคุยเรื่ององค์หญิงเก้าแห่งแคว้นตงฉู่”
นางเปรยเรื่องมีคนช่วยชีวิตองค์หญิงเก้าที่เมืองสุย แล้วตอนนี้ก็เอาตราพยัคฆ์มาตามหาเจ้าของให้ฟังหนึ่งรอบ
เยี่ยนอ๋องยืนฟังแล้วหยาดเหงื่อก็ไหลพรั่งพรู จากนั้นก็ฉุกคิดอะไรได้ เผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมา
เซียวปี้เฉิงเห็นการตอบสนองของเขาแล้วก็รู้ว่าผู้ที่ช่วยองค์หญิงเก้าเมื่อสามปีก่อนน่าจะเป็นเขา จึงขบฟันด้วยความกรุ่นโกรธ
“แสดงว่าเจ้าเป็นคนช่วยองค์หญิงเก้าในตอนนั้นใช่หรือไม่? แล้วเหตุใดก่อนหน้านี้เจ้าถึงทำหน้าไม่รู้เรื่องอะไรเลย?”
เซียวปี้เฉิงนึกถึงความทุกข์ที่โดนภรรยาเฉยเมยก็อยากกระทืบเยี่ยนอ๋องเหลือเกิน
เยี่ยนอ๋องพูดพึมพำ “ข้าไม่รู้...ข้าไม่รู้จริงๆ...ตอนนั้นข้าไม่รู้สถานะนาง หน้าตานางในตอนนั้นกับตอนนี้ก็ต่างกันราวฟ้ากับดิน...”
สามปีก่อน เขาไปหาเซียวปี้เฉิงที่ค่ายทหารในเมืองสุย ระหว่างทางเห็นทหารคนสนิทพร้อมกับเฉียวเย่โดนชาวทูเจวียไล่ล่า
หลังจากเขาซักถามแล้วก็รู้ว่าสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤต จำเป็นต้องให้เจ้าเมืองสุยส่งกำลังไปสมทบ เขาจึงอาสานำตราพยัคฆ์ไปส่งเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของข้าศึก
เพราะเยี่ยนอ๋องต้องการส่งข่าวไปถึงเมืองสุยโดยเร็ว จึงนำตราพยัคฆ์และจดหมายติดตัวแล้วใช้ทางลับของป่าลึก ระหว่างทางได้ช่วยชีวิตเด็กสาวที่ตาบอดจากมือพ่อค้าขายทาสได้หนึ่งคน
อีกฝ่ายน่าจะมีอายุสิบสามหรือสิบสี่ปี ฟังจากสำเนียงแล้วไม่ใช่คนในท้องถิ่น และไม่รู้ว่าถูกลักพาตัวจากที่ใด
พ่อค้าขายทาสกลัวเหยื่อจะหลบหนี จึงใช้ยาให้เหยื่อมองไม่เห็นชั่วคราว
เยี่ยนอ๋องเห็นอีกฝ่ายน่าสงสาร จึงแบกข้ามภูเขา ระหว่างทางยังต้องหลบหนีการจับกุมของพ่อค้าขายทาสกับชาวทูเจวียด้วย แต่ก็สามารถไปถึงเมืองสุยอย่างหวุดหวิด
อวิ๋นหลิงเห็นผู้ที่ติดหนี้สามงามไม่ใช่ผู้ชายของตัวเองก็เลิกคิ้วขึ้น รู้สึกโล่งอก และเริ่มสนใจเรื่องชาวบ้านขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...