พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 275

ณ ตำหนักแสงซี

เวลาเที่ยงวัน ท้องฟ้ายังคงมีเกล็ดหิมะโปรยปรายเล็กน้อย

ตี้หวู๋เหยากลับไม่มีอารมณ์ชื่นชมวิวหิมะอันงดงามตรงหน้า เดินกลับเข้าด้านในตำหนัก ก่อนจะนั่งเหม่อลอยข้างหน้าต่าง

ไม่นาน เหวินกงกงก็ยกซุปหวานอุ่น ๆ มาจากห้องครัว

“องค์หญิงเก้ากลับมาแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ? หวงกุ้ยเฟยเชิญพระองค์ไปเป็นแขก พูดอะไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ?”

“ไม่ได้พูดอะไร” ตี้หวู๋เหยาตอบหนึ่งประโยค ก่อนจะหันไปพูดเสียงเคือง “เหวินกงกง ข้าไม่อยากแต่งงานแล้ว หลังตรุษจีนพวกเรากลับแคว้นตงฉู่กันเถิด”

เหวินกงกงวางซุปลง ทันใดนั้นก็รู้สึกโล่งอก กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ

“ดีจังเลยพ่ะย่ะค่ะ...องค์หญิงเก้า ดวงตาท่านเป็นอะไรหรือ?”

พูดมาถึงครึ่งทาง สายตาอันเฉียบแหลมของเขาเหลือบไปเห็นรอบตาตี้หวู๋เหยาแดงก่ำ เป็นร่องรอยของการร้องไห้

เหวินกงกงได้สติก็ตกตะลึงและเกรี้ยวกราดในเวลาเดียวกัน “องค์หญิง ผู้ใดบังอาจรังแกท่านกัน?”

ทันใดนั้นหลังเขาตรึกตรองดูแล้วก็รู้สึกไม่ชอบมาพากล องค์หญิงยืนกรานจะมาหาจิ้งอ๋องที่แคว้นต้าโจว ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะโน้มน้าวเช่นไรนางก็ไม่ยอมเปลี่ยนความคิดจะแต่งงานกับจิ้งอ๋อง เหตุใดจึงเปลี่ยนใจได้?

เหวินกงกงรู้ว่าต้องเกิดบางอย่างขึ้นแน่ ๆ สีหน้าพลันดุร้ายขึ้นมา

“เพราะเรื่องนั้นหรือเปล่า? สองสามีภรรยาจิ้งอ๋องพูดอะไรกับองค์หญิง แล้วหวงกุ้ยเฟยด้วย?”

“ไม่ใช่เลย เจ้าไม่ต้องถามแล้ว” ตี้หวู๋เหยารู้สึกว้าวุ่นใจ หมุนกายไปอีกทาง “สรุปก็คือข้าไม่อยากแต่งงานแล้ว”

ตี้หวู๋เหยานึกถึงเรื่องที่ตนถูกเยี่ยนอ๋องปู้ยี่ปู้ยำในเช้าวันนี้ก็รู้สึกเสียใจ ขณะเดียวกันก็รู้สึกเขินอายยิ่ง

นางเอ่ยปากบอกเรื่องแบบนี้กับเหวินกงกงไม่ได้หรอก นางแทบอยากจะเก็บสัมภาระแล้วไปจากแคว้นต้าโจวคืนนี้เลย

“ช่วงนี้ข้าคิดดีแล้ว ที่นี่ไม่มีคนต้อนรับข้า ยิ่งไม่มีคนชอบข้า ไยข้าต้องเป็นตัวตลกทำลายตัวเองด้วย? รอให้ผ่านตรุษจีนแล้ว พวกเรากลับพร้อมคณะทูตตงฉู่กันเถิด”

เวลานี้เหวินกงกงไม่อาจดีใจได้เลย เขาถามตี้หวู๋เหยาว่าเหตุใดจึงเจ็บช้ำน้ำใจเพียงนี้ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมบอก

ตี้หวู๋เหยาตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะกลับแคว้นตงฉู่ และระหว่างที่นางจะอยู่ห่าง ๆ เยี่ยนอ๋องเข้าไว้

แต่กลับไม่คิดว่าความลับยามอดีตของนางกับจิ้งอ๋องจะแพร่กระจายไปทั่วพระราชวัง ทำให้นางทำตัวไม่ถูก

รู้ตัวอีกที กระทั่งไทเฮาที่เอาแต่สวดมนต์ไหว้พระ ไม่สนใจเรื่องภายนอกยังรู้เรื่องนี้เลย

......

พวกเขาเร่งเดินทางเข้าวังโดยด่วน เยี่ยนอ๋องรู้จากปากฝูกงกงถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้

เขาส่ายหน้าด้วยดวงตาแดงก่ำ น้ำเสียงมีความฉุนเฉียวที่เก็บกลั้นไว้

“ข้าไม่นึกเลยว่าเสด็จแม่จะทำแบบนี้”

ตี้หวู๋เหยาเป็นถึงองค์หญิง ต่อให้นางอยากแต่งงานกับจิ้งอ๋องเพียงใด แต่ก็ไม่มีทางป่าวประกาศเด็ดขาด เพราะจะทำลายชื่อเสียงของนางได้

เยี่ยนอ๋องเป่ยปากพูดอย่างละอายใจ “พี่สาม พี่สะใภ้สาม เรื่องนี้ข้าจะออกมาพูดความจริงเอง”

คนทั่วไปใช้ปลายเท้าคิดก็รู้แล้วว่าหวงกุ้ยเฟยต้องการสิ่งใด นางกำลังบีบให้เซียวปี้เฉิงจำต้องแต่งงานกับตี้หวู๋เหยา

หากเขาปฏิเสธ ชื่อเสียงตี้หวู๋เหยาก็จะป่นปี้ ทูตที่มาเป็นแขกที่นี่ก็จะไม่ยอมแน่

อวิ๋นหลิงปลอบใจเขา “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า เจ้าไม่ได้ตั้งใจ ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก”

อันที่จริงยามนี้นางไม่รู้สึกโกรธเคืองสักนิด เข้าวังด้วยเพื่อดูความครื้นเครงเท่านั้น

เซียวปี้เฉิงทำหน้าบึ้งตลอดทาง พูดเสียงเย็นเยียบ “คณะทูตแคว้นตงฉู่มาเจรจาการค้า เสด็จพ่อให้ความสำคัญกับการร่วมมือกับพวกเขามาก หากจัดการเรื่องนี้ไม่ดี ผลที่ตามมา แม้ต้าโจวจะเสียเปรียบด้านการค้าก็จะกลายเป็นเลือกเล็กทันที ส่วนเรื่องร้ายแรงก็จะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นเรากับแคว้นตงฉู่”

หวงกุ้ยเฟยเอาเรื่องใหญ่ขนาดนี้มาบีบบังคับเขา ความรู้สึกดี ๆ ระหว่างลูกกับแม่เลี้ยงได้มลายหายไปหมดสิ้น

เยี่ยนอ๋องได้ยินก็ยิ่งรู้สึกละอายใจ เขากำหมัดตลอดทาง ไม่มีหน้ามองอวิ๋นหลิงกับพี่สาม

เขาไม่คิดว่าเสด็จแม่จะเลอะเลือนได้เพียงนี้ เพื่อสร้างปัญหาให้อวิ๋นหลิง เสด็จแม่ถึงกับทำเรื่องบานปลายใหญ่โตเพียงนี้

ตอนที่พวกเขาสามคนไปถึงตำหนักฉางหนิง ด้านในก็มีคนนั่งรอเป็นจำนวนมากแล้ว

จักรพรรดิจาวเหรินกับพระเจ้าหลวงนั่งนิ่งโดยไม่พูดไม่จา เห็นได้ชัดว่าใบหน้าพวกเขาสองคนมีความเกรี้ยวกราดยิ่ง

ไทเฮากุมมือตี้หวู๋เหยาด้วยสีหน้าโอบอ้อมอารี กำลังพูดปลอบใจอีกฝ่าย ส่วนหวงกุ้ยเฟยที่นั่งด้านข้างแอบเผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมาเล็กน้อย

“องค์หญิงเก้าอย่าได้กังวลไป หากหลานอกัตญญูทำเรื่องแบบนั้นจริง ข้ากับพระเจ้าหลวงต้องทวงความยุติธรรมให้เจ้าแน่”

ไทเฮาซาบซึ้งที่อวิ๋นหลิงเคยรักษาอาการของพระเจ้าหลวงไว้ ปกติจึงไม่เคยตำหนิพฤติกรรมของอวิ๋นหลิงสักคำ

ทว่าครั้งนี้เกี่ยวพันถึงองค์หญิงเก้าแห่งแคว้นตงฉู่ ใช่ว่าจะปล่อยปละละเลยได้

สีหน้าตี้หวู๋เหยาตึงเครียด กระวนกระวายใจและไม่รู้ควรทำเช่นไรดี นางเตรียมกลับไปแล้ว แต่กลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ไม่เท่ากับนางต้องแต่งกับจิ้งอ๋องเท่านั้นหรือ?

“ท่านอ๋องจิ้งกับพระชายาชิงอี้เสด็จมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านเยี่ยนอ๋องก็เสด็จมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

จากรายงานของฝูกงกง พวกเขาสามคนก้าวเข้ามาถึงภายในตำหนักแล้ว

ตี้หวู๋เหยาได้ยินชื่อคนสุดท้าย สมองก็ขาวโพลน สีหน้าแดงระเรื่อ รีบก้มหน้าไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย

พวกเซียวปี้เฉิงทำความเคารพเสร็จก็ได้ยินไทเฮาเลิกคิ้วพูดเสียงเคร่งขรึม “จิ้งอ๋อง ระหว่างทางเจ้าคงได้ยินฝูกงกงเล่าแล้วใช่หรือไม่ เจ้าจงตอบตามความเป็นจริง เรื่องสามปีก่อนเป็นความจริงหรือไม่?”

อวิ๋นหลิงเงยหน้ามองหวงกุ้ยเฟยปราดหนึ่ง แล้วเห็นอีกฝ่ายทำหน้าอิ่มเอม ดูสีสัน แววตาเผยความสะใจและลำพองใจ

เซียวปี้เฉิงมองตี้หวู๋เหยาแล้วพูดเสียงราบเรียบ “ทูลเสด็จย่ามีเรื่องเช่นนี้จริงพ่ะย่ะค่ะ”

หวงกุ้ยเฟยยกมุมปากขึ้นโค้ง รู้สึกสะใจอย่างยิ่งยวด นางจะดูว่านังหนูผู้นี้จะโอหังได้เพียงใด

เพียงแต่หวงกุ้ยเฟยยังไม่ทันยิ้มเต็มปากก็ได้ยินเซียวปี้เฉิงพูดต่อไปว่า “แต่เรื่องนี้มีการเข้าใจผิดเล็กน้อย ผู้ที่เคยช่วยองค์หญิงเก้าที่เมืองสุยไม่ใช่หลานพ่ะย่ะค่ะ”

หวงกุ้ยเฟยทำหน้าเคร่งขรึม รีบพูดว่า “องค์หญิงเก้ามีตราพยัคฆ์ของเจ้า เจ้าคิดจะหาข้ออ้างบ่ายเบี่ยงหรือ? องค์หญิงเก้าเป็นถึงองค์หญิง เจ้าจะ...”

เยี่ยนอ๋องก้าวเข้าไปพูดเสียงขรึม “พี่สามไม่ได้บ่ายเบี่ยง เพราะลูกเป็นคนช่วยองค์หญิงเก้าเมื่อสามปีก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

สิ้นเสียง คนในตำหนักล้วนทำหน้าตะลึงพรึงเพริด กระทั่งตี้หวู๋เหยาก็อดเงยหน้าจ้องเขาไม่ได้

หวงกุ้ยเฟยสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ สีหน้าย่ำแย่ถึงขีดสุด “อวี้จือ เจ้าพูดเหลวไหลอันใด?”

“ลูกไม่ได้พูดเหลวไหล”

เยี่ยนอ๋องมองตี้หวู๋เหยาด้วยแววตาซับซ้อน สีหน้าเจือความกระอักกระอ่วนและอึดอัดใจไว้

“สามปีก่อน ลูกช่วยเด็กสาวที่แต่งกายเป็นชายจากมือโจรภูเขาที่ชานเมืองเมืองสุย นางบอกว่าชื่อฉู่เสี่ยวจิ่ว ตอนนั้นนางมองไม่เห็นเพราะพิษยา ลูกจึงแบกนางไปยังโรงเตี๊ยมของเมืองสุย ระหว่างเดินทางเคยพลัดตกลงแม่น้ำ...”

ตี้หวู๋เหยาเบิกตากว้างด้วยความเหลือเชื่อ หัวใจเต้นตุ๊บ ๆ ไม่หยุด

เขาจำชื่อฉู่เสี่ยวจิ่วได้ ทุกรายละเอียดที่เล่าก็ตรงกับความจริงทุกประการ ผู้ที่ช่วยนางคือเยี่ยนอ๋องหรือ?

“ตอนนั้นลูกไม่รู้สถานะจริงขององค์หญิงเก้า และหน้าต่างของนางตอนนี้ก็ต่างจากเมื่อก่อนมาก ลูกเลยจำนางไม่ได้”

หวงกุ้ยเฟยดีดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ รู้สึกวิงเวียนศีรษะ เสียงสั่นเครือเล็กน้อย

นางพูดเสียงดังจนแสบแก้วหู “อวี้จือ จิ้งอ๋องให้เจ้าพูดเช่นนี้ใช่ไหม?”

เยี่ยนอ๋องส่ายหน้าอย่างหนักแน่น “ตอนนั้นพี่สามต่อสู้อยู่ในสนามรบ เขาไม่มีทางช่วยองค์หญิงเก้าที่เมืองสุยแน่ เรื่องนี้มีทหารมากมายเป็นพยานได้ ระหว่างทางที่ลูกไปยังเจ้าเมืองเมืองสุย ตราพยัคฆ์จึงตกไปอยู่ในเมืององค์หญิงเก้าได้”

เมื่ออธิบายจบ เยี่ยนอ่องสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ

“เสด็จพ่อ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ลูกยินดีรับผิดชอบเรื่องทั้งหมด และจะทำตามสัญญาสู่ขอองค์หญิงเก้าพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อฟังมาถึงจุดนี้ หวงกุ้ยเฟยก็หน้ามืดหมดสติไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ