พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 284

ครั้งนี้ เขาไม่ได้ลงมือเหมือนตอนงานเลี้ยงต้อนรับในครั้งนั้น เพียงจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เย็นชา ใบหน้าไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ

อ้ายเต๋อหัวผงะไปครู่หนึ่ง ไม่แน่ใจว่าเซียวปี้เฉิงหมายถึงอะไร ปรากฏความงุนงงในดวงตาสีฟ้าที่ราวกับเป็นท้องนภาของเขา

“ท่านอ้ายเต๋อหัว ไม่ได้เจอกันนานเลย ดีใจที่ได้พบท่านยิ่งนัก !”

ในขณะที่อ้ายเต๋อหัวไม่ทันได้สังเกต อวิ๋นหลิงก็จูงเซียวปี้เฉิงเข้ามาพร้อมยิ้มขึ้นอย่างร่าเริง ยื่นมือไปทางอ้ายเต๋อหัว

“พระชายา ข้าก็ดีใจที่ได้พบท่านอีกครั้งขอรับ”

อ้ายเต๋อหัวจับมือกับอวิ๋นหลิงอย่างเป็นธรรมชาติ แต่กลับไม่ได้จูบมือของนางเหมือนที่เขาทำในครั้งที่แล้ว

ถึงกระนั้น ใบหน้าของเซียวปี้เฉิงก็กลายเป็นสีดำราวกับถ่าน

“วันนี้ท่านสวยเหมือนดอกเหมยในสวนด้านนอกเลยขอรับ ได้เห็นท่านเช่นนี้ ข้าก็คงอารมณ์ดีตลอดทั้งวันเป็นแน่ขอรับ”

มันเป็นเพียงคำทักทายที่สุภาพ เป็นสิ่งธรรมดาสามัญ แต่เซียวปี้เฉิงกลับรู้สึกทนไม่ไหวมากขึ้นเรื่อยๆ มือที่ประสานกันของพวกเขาช่างดูวิบวับเสียจริงๆ

อย่างไรก็ตาม อวิ๋นหลิงได้เตือนเขาระหว่างทางมาที่นี่ว่าอย่าทำตัวไม่สุภาพกับอ้ายเต๋อหัว ทำให้เขาไม่ได้ก้าวออกไป เซียวปี้เฉิงยื่นมือไปทางอ้ายเต๋อหัวอย่างไม่เต็มใจ

เมื่ออ้ายเต๋อหัวเห็นมือเซียวปี้เฉิงมือยื่นมา ก็รีบจับมือกลับไปในทันที

“ท่านอ๋องของข้า วันนี้ท่านก็ยังคงหล่อเหลาเหมือนเคยเลยนะขอรับ !”

เซียวปีเฉิงตัวสั่นสะท้าน เมื่อพบว่าเจ้าสัตว์ประหลาดผมสีทองนี้สามารถพูดกะล่อนได้ถึงเพียงนี้

เขาตอบกลับไปด้วยเสียงแผ่วเบา อดไม่ได้ที่จะจับมือของอ้ายเต๋อหัวเอาไว้แน่น ส่งสัญญาณเตือนผ่านสายตาอย่างเย็นชา

“สวัสดี”

อ้ายเต๋อหัวค่อนข้างประหลาดใจกับท่าทีอบอุ่นของเซียวปี้เฉิง เขายิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยน พร้อมทั้งจับมือแบบหนักแน่นกลับไป

“เป็นเกียรติที่ได้พบท่านขอรับ”

สีหน้าของเซียวปี้เฉิงมืดลงเล็กน้อย โทสะอันเร่าร้อนกำลังสุมอยู่ในอกของเขา

เจ้าสัตว์ประหลาดผมสีทองกล้าดียังไงมาแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว นี่มันเป็นการยั่วยุเขาชัดๆ !

เมื่อรู้สึกถึงความแน่นในการจับมือของอีกฝ่าย เซียวปี้เฉิอก็เริ่มหงุดหงิดมากขึ้น เขากระชับมือให้แน่นขึ้น ใบหน้าเย็นชา เพิ่มแรงกดดันจากการจับมือกันมากขึ้นไปอีก

สีหน้าของอ้ายเต๋อหัวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกไม่ค่อยดีเท่าใดนัก ดวงตาเผยให้เห็นถึงความสับสน แต่เขาก็ยังคงยิ้มพลางกระชับมือให้แน่นขึ้นไปอีก

ชั่วขณะนั้นเองชายทั้งสองก็จับมือกันอยู่อย่างนั้น

ชายทางซ้ายมีผมสีดำสนิท คิ้วคมราวกับกระบี่ ท่าทางสง่างาม ชายทางขวามีผมสีทอง ดวงตาสีฟ้า ถือเป็นสุภาพบุรุษที่สง่างามเลยทีเดียว เมื่อมองแวบแรก อวิ๋นหลิงก็รู้สึกแปลก ๆ ราวกับว่าเวลาและมิติที่แตกต่างเกิดซ้อนทับกันขึ้นมา

ราชทูตแคว้นตงฉู่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านอ้ายเต๋อหัวและท่านอ๋องดูเหมือนจะเข้ากันได้ดี นี่เป็นเพียงการพบกันครั้งที่สองเท่านั้น ความสัมพันธ์ของพวกท่านก็มาถึงระดับนี้แล้ว”

อ้ายเต๋อหัวตอบกลับไปอย่างอบอุ่นว่า “สามารถเป็นเพื่อนสนิทของท่านอ๋องได้ ข้ารู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก”

เซียวปี้เฉิง “…”

ไปกันใหญ่แล้ว ใครมันจะไปเป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าสัตว์ประหลาดผมสีทองนี่กัน

เขาสงสัยว่าอ้ายเต๋อหัวกำลังยั่วยุเขาด้วยการกระทำแปลกๆ เช่นนี้

อวิ๋นหลิงสังเกตการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของเซียวปี้เฉิง มีความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัวของนาง ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

ก่อนที่นางจะพูดได้อะไร คนรับใช้ในวังที่ยืนอยู่หน้าประตูก็รายงานว่า

“ท่านทั้งหลาย องค์หญิงเก้าและท่านเยี่ยนอ๋องมาถึงทางเข้าวังเจาหยางแล้ว !”

ในที่สุดมือของพวกเขาก็แยกจากกัน ราชทูตแคว้นตงฉู่รีบก้าวออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็วเพื่อต้อนรับตี้หวู่เหยา ในทางกลับกัน อ้ายเต๋อหัวก็เดินเข้าไปในโถง

“แขกทั้งสองเชิญนั่งก่อนขอรับ ข้านำเมล็ดกาแฟมาจากบ้านเกิด เมื่อรู้ว่าพวกท่านจะมา ข้าจึงได้ชงกาแฟไว้ล่วงหน้าเพื่อต้อนรับพวกท่านขอรับ”

ขณะที่อ้ายเต๋อหัวไปเอากาแฟอยู่นั้น อวิ๋นหลิงก็ไม่สามารถกลั้นเสียงหัวเราะได้อีกต่อไป นางกระซิบข้างหูเซียวปี้เฉิงเพื่ออธิบายมารยาทของขุนนางตะวันตก

“เจ้าทึ่ม การจับมือกันของชาวตะวันตก ยิ่งกำมือแน่นเท่าไหร่ ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ดีมากเท่านั้น”

ปากของเซียวปี้เฉิงกระตุกขึ้น “…”

ตี้หวู่เหยามองเขาด้วยความงุนงง “เป็นอะไรหรือ”

เยี่ยนอ๋องไม่รู้จะพูดอะไร เพียงตอบกลับไปว่า “ไม่มีอะไร”

ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งเหล่านี้ก็เป็นประเพณีของชาวตะวันตก เมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาทำในสวนหลวงกับตี้หวู่เหยาในวันนั้น เรื่องนี้ก็ไม่นับเป็นอันใดได้

ตี้หวู่เหยาถอนสายตา หันไปหาอวิ๋นหลิงด้วยสีหน้าที่จริงจัง

“พระชายา วันนี้ข้าเป็นตัวแทนของแคว้นตงฉู่ เพื่อหารือกับเจ้าและอ้ายเจ๋อหัวเรื่องการผลิตปืนคาบศิลา”

อวิ๋นหลิงเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “เจ้ามีอำนาจตัดสินใจในเรื่องนี้หรือ”

“พระชายาโปรดวางใจ คำพูดของข้าก็เปรียบดั่งคำพูดของเสด็จพ่อ” ตี้หวู่เหยายิ้มขึ้นพร้อมนั่งลง “ข้าเชื่อว่าพระชายาและจิ้งอ๋องทราบถึงเงื่อนไขที่แคว้นตงฉู่เสนอแล้ว เราจะแบ่งต้นทุนการผลิตครึ่งหนึ่ง ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตออกมาก็จะถูกแบ่งเท่า ๆ กัน”

“อย่างไรก็ตาม แคว้นของเราทั้งสองกำลังจะมั่นหมายกันแล้ว เพื่อแสดงความจริงใจ แคว้นตงฉู่ก็ยินดีที่จะให้ผลประโยชน์ในด้านอื่นๆ”

ด้วยพูดจบ ราชทูตก็นำเสนอเอกสารที่เตรียมไว้แล้ว ตี้หวู่เหยาอธิบายรายละเอียดอย่างครบถ้วน

เมื่อพิจารณาจากท่าทางของนางแล้ว ดูเหมือนว่านางจะเคยชินกับการเจรจาการค้าเป็นอย่างมาก

ราวกับว่านางเป็นคนละคนอย่างไรอย่างนั้น การแสดงออกของนางนั้นเฉียบแหลมและมีไหวพริบราวกับเป็นพ่อค้าผู้มากความรู้ นิสัยเอาแต่ใจเหมือนเด็กก่อนหน้านี้หายไปอย่างสิ้นเชิง

อวิ๋นหลิงตั้งใจฟังขณะสังเกตท่าทางของตี้หวู่เหยา นางพยักหน้าเล็กน้อย

แม้ว่าตี้หวู่เหยาจะกล่าวถึงการให้ผลประโยชน์ในด้านอื่นๆ แต่เงื่อนไขที่นางเสนอก็ค่อนข้างซับซ้อน มันยังเหลือที่ว่างในการเจรจาอยู่ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลดีต่อแคว้นตงฉู่ทั้งสิ้น

แม้พวกนางจะมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน แต่เมื่อพูดถึงการปกป้องผลประโยชน์ของแคว้นตงฉู่แล้ว ตี้หวู่เหยาก็ไม่ได้ยอมถอยให้นางเลยแม้แต่น้อย

ดูเหมือนว่า การที่ตี้หวู่เหยาเป็นองค์หญิงที่จักรพรรดิฉู่รักมากที่สุดก็พอจะมีเหตุผลอยู่บ้าง ถือว่าเยี่ยนอ๋องตัดสินใจเลือกแต่งงานอย่างชาญฉลาดเลยทีเดียว

หลังจากที่ตี้หวู่เหยาพูดจบ นางก็ยิ้มให้อวิ๋นหลิง “การทำธุรกิจมันก็แบบนี้แหละ แม้แต่พี่น้องที่สนิทกันก็ต้องคำนวณอย่างรอบคอบ จิ๋งอ๋องและพระชายามีข้อโต้แย้งใดๆ หรือไม่”

“ถึงเป็นพี่น้องก็ต้องคำนวณให้รอบคอบจริงๆ”

อวิ๋นหลิงยิ้มจางๆ หากเป็นอย่างนั้นนางก็จะไม่เกรงใจเช่นกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ