กู้ฉางเซินมองดูเซียวปี้เฉิงกับพวกเล็กน้อย สีหน้ามีอาการลังเล
อวิ๋นหลิงเองก็เพิ่งตระหนัก ว่าการเรียงลำดับอาวุโสดูจะวุ่น ๆ อย่างไรชอบกล
กู้ฉางเซินเป็นอนุชาคนเล็กของอดีตฮ่องเต้เป่ยฉิน หรือก็คือเสด็จอาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ฐานะจึงสูงกว่าหลิวฉิงหนึ่งรุ่น
พักก่อนเวลาใครเอ่ยถึงผู้สำเร็จราชการแห่งเป่ยฉิน อวิ๋นหลิงมักคิดว่าคงเป็นชายสูงอายุหรือวัยกลางคน แต่แท้จริงแล้วปีนี้กู้ฉางเซินอายุเพียงยี่สิบหกปีเท่านั้น
หรือก็แปลว่าแก่กว่าเซียวปี้เฉิงสามปี นับแต่รู้จักมา ทั้งคู่ก็เรียกขานเป็นพี่น้องกัน
ในขณะที่หลิวฉิงเป็นศิษย์พี่รองของอวิ๋นหลิง อวิ๋นหลิงก็เป็นชายาของเซียวปี้เฉิง ควรจะเรียกนางว่าน้องสะใภ้หรืออะไรดี กู้ฉางเซินก็นึกไม่ออกเช่นกัน
หลิวฉิงรู้สึกปวดหัวกับการนับญาติและลำดับอาวุโสเหล่านี้ที่สุด นางจึงขมวดคิ้วแน่น
"อยากเรียกอะไรก็เรียกไปเถอะ เรียกเจ้าหวังก็ง่ายดีมิใช่หรือ?"
กู้ฉางเซินมองหน้าหลิวฉิง พร้อมกับหัวเราะเบา ๆ กล่าวกับอวิ๋นหลิงว่า “จริง ๆ พวกเราต่างก็อายุไล่เลี่ย เรียกขานเป็นพี่น้องจะสะดวกกว่า ข้าอายุมากที่สุด หากไม่รังเกียจให้เรียกว่าพี่ใหญ่กู้ก็ย่อมได้”
อาจเกี่ยวกับความรู้สึกส่วนตัวเล็กน้อย เขาไม่ต้องการจะลำดับอาวุโสกับหญิงที่อยู่ข้างกายนั่นเลย
“ปี้เฉิงเป็นบุตรคนที่สาม เจ้าอยู่ในสำนักก็อยู่ลำดับสามเช่นกัน ข้าจึงขอถือวิสาสะเรียกเจ้าว่าน้องสาม”
เย่ว์อิ่นกับซิงเฉินยืนแอบอยู่ในมุม ต่างสบสายตากันและกัน
มีความรู้สึกว่าวันนี้ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการดูไม่เหมือนปกติ แม้เขาจะไม่ใช่คนที่มักจะหน้าบึ้งขึ้งเคียด แต่รอยยิ้มก็จะอยู่เพียงในดวงตาเท่านั้น
ไม่เคยเห็นเขาโอภาปราศรัยกับคนที่เพิ่งเจอครั้งแรกถึงเพียงนี้ ต่อให้คนผู้นั้นคือพระชายาแห่งจิ้งอ๋อง ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเขาไว้ ท่าทีก็ยังสนิทสนมเหลือจะกล่าว
อวิ๋นหลิงเองก็จับสังเกตถึงท่าทีของกู้ฉางเซินได้ พลางแอบนึกแคลงใจ
นับแต่เดินเข้าจวนมา สายตาของกู้ฉางเซินก็มักจับจ้องอยู่ที่หลิวฉิง หลิวฉิงไม่ทันรู้ตัว แต่นางเป็นคนช่างสังเกต เพียงครู่เดียวก็ได้กลิ่นอายของความผิดปกติ
ท่าทีที่เจ้าหวังแสดงออก แทบจะบอกแทนทุกอย่างได้แล้ว
ครุ่นคิดพลาง อวิ๋นหลิงแทบจะยิ้มหน้าบาน
“ก็ได้ เรียกขานเช่นนี้ก็นับว่าไม่เลว ต่อไปข้าจะเรียกท่านว่ากู้...” นางหยุดเล็กน้อย แก้ไขสรรพนามให้ถูกต้อง “อ้อ ไม่ใช่ ต้องเป็นพี่ใหญ่หวัง...”
กู้ฉางเซิน “...”
เซียวปี้เฉิง “...”
ทั้งคู่แทบเหงื่อตก
“ไม่เป็นไร ๆ น้องสามจะเรียกอย่างไรก็ได้ เป็นเพียงสรรพนามเท่านั้น”
เขาฟังมาจากหลิวฉิงจนคุ้นชินแล้ว
กู้ฉางเซินมองดูพวกเขา พลางเหยียดริมฝีปากยิ้มบาง ๆ เสริมความอ่อนโยนให้แก่ใบหน้าคมสันหากแต่เย็นชาให้ดูดีมากขึ้น
อวิ๋นหลิงมีความรู้สึกว่าเจ้าหวังผู้นี้ไม่เพียงนิสัยดี หน้าตาก็ยังใช้ได้อีกต่างหาก
เทียบกับความหล่อเหลาแบบกำยำล่ำสันของเซียวปี้เฉิงแล้ว รูปลักษณ์ของกู้ฉางเซินไม่ได้ดูห้าวหาญถึงเพียงนั้น แต่ก็ต่างจากความสุภาพอ่อนโยนขององค์ชายห้าไปอีก
เขาสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่สีดำ ใบหน้าอาจไม่ได้เป็นที่จับตาดังเช่นเซียวปี้เฉิง แต่แม้จะยืนนิ่ง ๆ อยู่ตรงนั้น ก็ยังมีราศีแห่งความสง่างามแฝงอยู่ ให้คนเกิดความเลื่อมใสได้โดยง่าย
มิน่าถึงกล่าวกันว่าเชื้อสายแห่งราชสำนักเป่ยฉินนั้น มีความเก่าแก่และทรงศักดิ์ที่สุดในบรรดาเชื้อพระวงศ์แห่งเก้ารัฐในแผ่นดินใหญ่ก็ว่าได้
เมื่อนึกถึงอายุของกู้ฉางเซินแล้ว อวิ๋นหลินก็ฉุกใจคิดได้บางอย่าง
“จริงสิพี่ใหญ่หวัง ข้ามีพี่สะใภ้หรือเปล่า?”
กู้ฉางเซินแอบถอนใจเบา ๆ ไม่คิดไปแก้ไขสรรพนามที่นางเรียกให้ถูกต้องอีก แต่ยังไม่วายปรายตาไปทางหลิวฉิงเล็กน้อย “ข้ายังไม่ได้แต่งงาน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...